'กลับมาคบคนเก่า.. เราจะจบเหมือนเดิมไหม'

“หนูกับแฟนกลับมาคบกันรอบสองค่ะ รอบแรกเลิกกันเพราะปัญหาครอบครัวฝ่ายหนู เรากลับมาคบกันอีก รอบนี้ทำไมไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนขอคบหนูเอง แต่เขาเปลี่ยนไปมาก ต้องการมีเวลาส่วนตัว เล่นเกมส์มากเกินไป หนูก็โวย งี่เง่า ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของผู้หญิงที่แฟนไม่สนใจ รูปคู่เขาก็ไม่เคยอัพ ไม่เคยแท็กหา เขาไม่ใส่ใจหนูเลย หนูวิ่งตามจนบางครั้งกลับมาคิดว่าวิ่งตามยังไงเขาก็ไม่สนใจ มันท้อ มันเหนื่อย แต่เวลาถามว่ารักเราไหม เขาก็บอกว่ารัก เขาไม่อยากเสียเราไป แต่การกระทำกลับตรงกันข้าม หนูควรทำยังไงดีคะ”

A.

กลับมาคบคนเก่า ได้แก้ปัญหาที่เคยทำให้เราเลิกกันหรือยังคะ ตอนนั้นปัญหาเกิดจากบ้านเรา แล้วหนนี้กลับมา ปัญหาของบ้านเรา หมดไปหรือยัง ต้องบอกตัวเองเลยค่ะว่า “ความเหมือนเดิมไม่มีจริง ทุกสิ่งเคลื่อนไป แม้แต่ตัวเรา

ครั้งหนึ่งเราเคยเลิกกัน ต่างคนต่างไป อยู่โดยที่ไม่มีกันก็ไม่ตาย เลยทำให้ต่างฝ่ายต่างเรียนรู้ว่า ถ้าทุกอย่างจะเกิดอีกครั้ง ก็คงไม่พังเท่าไหร่ การกลับมาครั้งใหม่ เลยปล่อยให้เป็นตัวของตัวเองกันได้เต็มที่ ส่วนหนึ่งก็ดีค่ะ ไม่ต้องแอ๊บ ทำทุกอย่างที่สบายตัว จะได้ถามหัวใจกันอีกทีว่าคุ้มค่าที่จะเดินหน้าต่อไหม

ไม่ว่าจะรักกับใคร เราควรมีอยู่ด้วยกัน 3 โลก โลกส่วนตัว โลกส่วนเรา และโลกส่วนรวม ประสานกันอย่างสมดุล ไม่ควรให้โลกใบไหนใหญ่เกินไปจนเบียดโลกอื่นๆ โลกส่วนตัวใหญ่โตจนโลกส่วนเราหายใจไม่ออก เล่นเกมส์ มีเวลาอยู่หน้าจอ จนไม่รอเจอหน้าเรา อยู่กับเขาเหงากว่าโสด เข้าใจว่าน้องโกรธแต่ต้องมีวิธีในการคุยกับเขา อย่าคิดว่า การงี่เง่า” เป็นเรื่องธรรมดา แรกๆ อาจน่ารัก หนักๆ เข้าจะน่ารำคาญ ยิ่งถ้าการกระทำของเขาในวันนี้ ดูดีๆ เหมือนไม่ค่อยมีใจ เรื่องงี่เง่าอาจทำให้เราเลิกกันได้ไม่ยาก ถ้ายังอยากเดินหน้าต่อต้องใช้สติเยอะๆ การโวยวายวีนเหวี่ยง ไม่ได้ทำให้เราน่ารักมากขึ้น ลองนิ่ง ถ้าเกมส์คือความสุขของเขา ลองไปมีความสุขในทางของเราบ้าง ช้อปปิ้ง ออกกำลัง ไม่ต้องมารอนับเวลาว่า เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมส์ เผื่อความคิดถึงจะได้ทำงานบ้าง ดีกว่าวิ่งไล่ตามจนหมดความมั่นใจ

รักกันแม้ไม่ต้องประกาศบอกใคร แต่อย่าถึงขั้นซ่อนกันไว้จนไร้ตัวตน การไม่มีเราในโซเชียลฯของเขา น้องว่าอะไรเป็นเหตุผลของเขา ลองเลียบเคียงถามกัน ดูซิว่า เขาตอบว่าอะไร ทุกครั้งที่ถาม อย่าให้เป็นการตำหนิ แค่ขอความเห็น เผื่อเธอไม่กล้าลง จะได้ถามว่าแล้วเราลงรูปคู่ได้ไหม ไม่สะดวกประการใด ลองฟังซิเขาจะตอบว่ายังไง แค่ฟังคำตอบของเขา เราก็พอจะรู้แล้ว คำว่า รักที่เขาพูดมา มันออกเสียงง่ายจนเขาสามารถพูดไปโดยไม่รู้สึกอะไรหรือเปล่า

แฟนเก่ากลับมา ต้องดูว่า เขากลับมาเพราะมีใจ หรือแค่ไม่มีที่ไปเฉยๆ ขอโอกาสอยากคบกันใหม่ แต่ไม่ดูแลใจเท่าที่ควรเป็น จะได้เห็นว่า เขาเอาโอกาสที่เราให้ไปใช้อย่างคุ้มค่าแค่ไหน ต่อให้พูดเสมอว่า ถ้ารักกันจริง ใครจะทิ้งให้เราเป็นแฟนเก่า แต่ก็มีแฟนเก่าหลายคู่ เรียนรู้เวลาที่ต้องเลิกกัน และพบว่าการกลับมาอยู่ด้วยกัน มันมีความสุขกว่าเป็นไหนๆ เคยเข้าไปอ่านในเว็บไซต์พันทิป ก็มีไม่น้อยนะคะ ที่กลับมาคบคนเก่า แล้วไม่ต้องจบเหมือนหนังสือเล่มเดิม ที่เราเปิดอ่านซ้ำ

 

คบกันมา 4 ปี เลิกเพราะนิสัยต่างกันมาก อายุห่างกัน 8 ปี เลิกแบบเจ็บทั้งคู่ เพราะรักกันอยู่แต่จูนกันไม่ได้สักที เอาแต่ทะเลาะจนเลิก ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย (แต่ยังลืมกันไม่ลงค่ะ) ผ่านไป 3 ปี มีเหตุบังเอิญให้ได้คุยกัน เจอกันอีก รู้สึกว่าเราคิดถึงกันมาก และต่างคนก็ไม่มีใคร เลยกลับมาคุยกันอีก เราสัญญากันว่าค่อยๆ ดูกันว่าเราสองคนได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดและปรับปรุงตัวหรือยัง เพราะถ้าเราไม่โต ไม่ปรับปรุงคงเจ็บแบบเดิมอีก สุดท้ายคบกันใหม่อีก 3 ปี แล้วรู้ว่า เราสองคนเข้ากันได้ ไม่ทะเลาะกัน เลยแต่งงานค่ะ ตอนนี้แต่งมา 3 ปีกว่า และกำลังมีตัวน้อยในท้องด้วย

ป.ล. การกลับมาคบกันใหม่ ต้องเริ่มจากลืมหรือยกโทษความผิดในครั้งแรกก่อน มันจะเปล่าประโยชน์มาก หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังพูดเรื่องเก่า และไม่ปรับปรุงตัวค่ะ

 

ไม่ได้แปลว่า กลับมาคบคนเก่าแล้วต้องเศร้าเสมอไป ที่สำคัญคือ เรายังรักกันจริงหรือเปล่า ถ้ามีแต่เราที่พยายามจะรักษาเขาไว้ ชีวิตคู่เดินหน้าต่อไปไม่ไหว คนสองคนต้องเลือกซึ่งกันและกัน รักกันมากพอจะเดินหน้า ไม่ใช่เรียกร้องให้อีกฝ่ายต้องทำความเข้าใจ

ติดเกมส์นะ ไม่มีเวลาให้ แต่เธอต้องเข้าใจ “ฉันงี่เง่า” ก็เหมาว่าเธอจะต้องยอมรับไหว ถ้า ไม่แล้วกลับมาทำไม บุญแค่ไหนที่ฉันให้โอกาส คู่รักไม่ใช่คู่แข่ง ไม่ต้องแย่งกันเอาชนะ รักใครให้ดูแล 

ทุกความสัมพันธ์ต้องใช้เวลา เพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกันว่า เรารักกันจริงๆ หรือแค่อยากทิ้งสถานภาพโสด ไม่ว่าคนเก่าหรือคนใหม่ ก็ขอให้ดี อย่ามาแบบถี่ๆ แต่ไม่จริงใจ จะเป็นหัวใจใคร ไม่มีใครอยากเสียใจซ้ำๆ ไม่ว่าจะกับคนใหม่หรือกับคนที่เป็นหัวใจเดิมๆ.

HUG Magazine 

คอลัมน์ ‘หัวใจไม่จนมุม’

อย่าคิดดึงใครเข้ามาในชีวิต ถ้าไม่คิดจะดูแลเขาอย่างดี ไม่อยากเสียใครไป” ต้องใส่ใจเขาให้มากมาย ไม่ใช่คำพูดง่ายๆ ที่ไม่เคยทำได้ซักที ไม่ว่าจะกลับไปรักแฟนเก่า หรือลองเรียนรู้คนใหม่.

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล


ระวัง! อคติในการลงทุนช่วงวิกฤติ.

ในโลกโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ เราได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างท่วมท้นและรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนผู้ว่างงาน มาตรการรองรับผลกระทบทั้งการเงินและการคลัง ราคาน้ำมัน ราคาทองคำ VIX Index และ Earning Yield Gap

 

จะเห็นว่า ข้อมูลเยอะจน overload และหลายครั้งเรามักเลือกนำข้อมูลที่เราเชื่อหรือชอบมาประกอบการตัดสินใจในการลงทุน จนเกิดความรู้สึกเข้าข้างตัวเอง และเป็นอคติในการลงทุนที่เรียกว่า “confirmation bias”

 

สิ่งที่ตามมาคือ เรามั่นใจเกินไปจนกลายเป็น “overconfidence bias” และอาจทำให้การลงทุนเกิดความผิดพลาดได้

 

ยกตัวอย่างเช่น

ตอนประกาศปิดห้างรอบแรกถึงกลางเดือนเมษายน หุ้นหลายตัวที่เกี่ยวข้องทั้งร้านอาหาร โรงหนัง ห้างสรรพสินค้า ราคาตกกันหมด เราจึงมั่นใจว่า พอประกาศปิดห้างถึงสิ้นเดือน หุ้นต้องลงต่อแน่ เราเลยทั้ง short ทั้ง put สุดท้ายหุ้นไม่ลง ต่อมามีประกาศเคอร์ฟิวอีก ก็มั่นใจว่า แบบนี้หุ้นต้องลง ผลสุดท้ายหุ้นก็ไม่ลง เราขาดทุน

 

หุ้นโรงเรียนไม่เกี่ยวโดยตรง แค่เลื่อนเปิดเทอม ยังไงเสียเด็กก็ต้องเลื่อนชั้น ค่าเทอมไม่ลดแน่ๆ ผู้ปกครองไม่ย้ายโรงเรียนกลางคันอยู่แล้ว สุดท้ายหลายโรงเรียนประกาศลดค่าเทอม ไม่เก็บค่าอาหาร เพราะเรียนออนไลน์ กลายเป็นว่าแม้ไม่กระทบ กำไรก็ลดลงได้

 

โรงพยาบาลที่มีแต่คนไข้ชาวไทย คิดว่าคงไม่กระทบ แต่หลายคนโดยเฉพาะบ้านที่มีเด็ก ก็ไม่อยากมาโรงพยาบาลเพราะกลัวจะติดโควิด-19 จากที่นี่ คือ ถ้าจะมาต้องแบบไม่ไหวแล้ว มา admit เลย รายได้ OPD จึงลดลง

 

ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ในช่วงวิกฤตินี้ คนเราซื้อแต่ของกินของใช้ที่จำเป็นกัน ไม่มีใครเขาซ่อมบ้านกันหรอก หุ้นร้านค้าปลีกกลุ่มนี้ราคาร่วงเยอะ แต่ไม่ใช่ว่ามันจะต้องลงเรื่อยๆ เพราะถ้าราคาถูกเกินไป และนักลงทุนมองว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ราคาก็เด้งกลับมาได้

 

ยังมีหุ้นอีกมากมายที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นสายการบินที่มองแล้วไม่อยากเชื่อว่าจะขึ้นเต็ม ร้อย ในระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กบางห้างที่ปกติคนน้อยอยู่แล้ว นี่ปิดห้างยิ่งอาการหนัก ราคาก็ยังขึ้นได้เยอะ

เพราะฉะนั้น เวลาเราเลือกหยิบข้อมูลมาพิจารณา จำเป็นต้องมองให้รอบด้าน หยิบทุกข้อมูลที่เป็นไปได้มาวิเคราะห์ และมองหลายๆ มุม เพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียงไปทางใดทางหนึ่ง และที่สำคัญคือการวางแผนอย่างรัดกุมทุกครั้งที่ลงทุนว่า ถ้าเราคิดถูกจะทำอย่างไร และถ้าเราคิดผิดจะต้องทำอย่างไรกับการลงทุน.

 

HUG Magazine 

คอลัมน์ ‘เงินทองต้องรักษา’

เรื่อง: Stock Vitamins-วิตามินหุ้น


'If Cats Disappeared from the World' สิ่งสำคัญที่เราจะไม่มีวันแลกกับอะไร..

ครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิท

ต่อให้พยายามเป็นมนุษย์โดดเดี่ยวแค่ไหน

สุดท้ายก็ปฏิเสธ 3 สิ่งนี้ไม่พ้น เรารู้ เราเคยพยายามคูลมาก่อน

หนุ่มบุรุษไปรษณีย์เดียวดายผู้มีชีวิตเรียบง่าย แม่ตาย ไม่สนิทกับพ่อ เลิกกับแฟน แล้วมีเพื่อนสนิทเป็นเด็กเนิร์ดชอบดูหนัง ปฏิสัมพันธ์กันผ่านภาพยนตร์เป็นหลัก อยู่บ้านคนเดียว เลี้ยงแมวลายสลิด 1 ตัว

ง่ายดายคล้ายชีวิตใครหลายคน และคงจะอยู่แบบนี้ไปได้อีกนานถ้าไม่เกิดเหตุวูบคาจักรยานแล้วหมอบอกว่าเป็นเนื้องอกที่สมอง ถึงขั้นอาจจะตายวันตายพรุ่ง

ความเดียวดายช่างน่าเศร้าแบบนี้นี่เอง เวลาเจอเรื่องย่ำแย่ ถ้าเรายังมีใครสักคนอยู่ชิดใกล้ให้หัวใจอบอุ่น อย่างน้อยเราก็รู้ว่าเราจะไปฟูมฟายที่ใด

สุดท้ายเลยมียมทูต? ปีศาจ? หรืออะไรซักอย่างที่หน้าตาเหมือนเขาเป๊ะ แต่ดูน่ารังเกียจและกวนอารมณ์กว่ามาก มาหาพร้อมข้อเสนอว่า เขาจะทำให้อะไรบางอย่างหายไปจากโลกนี้เพื่อแลกกับการต่อชีวิตไปทีละวัน และแน่นอนแต่ละสิ่งที่เลือกจะให้หายไปต้องไม่ธรรมดา มวลทำลายล้างมาแรง

ปากกา ดินสอ กาแฟ โทรศัพท์ เพลง หนัง ทวิตเตอร์ แมว หมาไซบีเรี่ยนฮัสกี้ – อะไรต่อมิอะไรก็คงสำคัญแบบที่มันสำคัญจนกระทั่งฝังใจจำเกี่ยวกับคนสำคัญในชีวิตเรา แบบนั้นแหละถึงเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกถล่ม

การมีชีวิตจะยังสำคัญอยู่มั้ย ถ้าถึงจุดหนึ่งเราต้องสูญเสียอะไรที่เหมือนเป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของหัวใจ ถ้าอะไรบางอย่างจะหายไปแล้วเราได้แต่ถวิลหาอยู่ในความคิดคำนึง

ภาพสวยๆ โทนสีฟ้าหม่น พระเอกบุคลิกอ่อนโยนและเจ้าแมวเหมียว ผักกาด และกะหล่ำ กับการบอกเล่าเรื่องสำคัญอันเป็นแก่นของชีวิตและหัวใจมนุษย์ทั่วไป ในจังหวะหนังที่ดูสนุก น่ารัก มีอารมณ์ขัน ไม่บีบคั้นจนหายใจลำบาก ทั้งหมดนี้เพียงพอแล้วที่คุณจะใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ รื่นรมย์กับหนังเรื่องนี้

มีบางแง่มุมที่ไม่อินกับ “ครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิท” ในแบบที่หนังเรื่องนี้นำเสนอ แต่ยอมรับและตระหนักดีว่ามันสำคัญขนาดไหนโดยที่ไม่ต้องรอให้สูญเสียอะไรไปก่อน

เราดูหนังพลางเตือนสติตัวเองว่า ณ ตอนนี้เราคงยอมตายตั้งแต่วันแรกถ้ามีปีศาจตัวไหนมาชวนแลกอินเทอร์เน็ตกับชีวิต ให้ความพิเศษที่เรากับคนรู้ใจทราบกันอยู่แค่สองคน

และสิ่งนี้ยังคงอยู่ในโลกแม้เราจะต้องตายจากไปก็ตาม.

 

HUG Magazine 

คอลัมน์ ‘สวมแว่นสีชมพูดูหนัง’

เรื่อง: รอมคอมแอดมิน


"คนเก่า"ยังอยู่ในใจ หรือรัก"คนใหม่"ไม่มากพอ

พี่อ้อยครับ ผมเลิกกับแฟนที่รู้จักและคบกันนานกว่า 12 ปี เลิกมาประมาณ 6 เดือนแล้วครับ ทำใจยอมรับได้แล้ว แต่หลังจากนั้น ลองคบกับคนใหม่แค่เดือนเดียว รู้สึกไปต่อไม่ได้ ผมเป็นคนเดินออกมาเอง รู้สึกว่าเริ่มต้นใหม่เป็นอะไรที่ยากกว่าเดิม เลยเบื่อ และเหนื่อยกับความรักที่ต้องเริ่มทำความรู้จักใหม่ บางครั้งเจอคนที่ชอบ ก็แอบส่อง Facebook มีทักไปบ้าง พอเห็นว่าเขาดีกว่าเราทุกอย่าง ทั้งการงาน ความรู้ ฐานะที่บ้าน ในใจจะมีความคิดลบ จนท้อแล้วก็ถอยในที่สุด ผมไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี บางครั้งก็คิดไปว่า หรือเราไม่ควรมีใครแล้ว เราเกิดมาเพื่อจะอยู่คนเดียว (ผมเป็นลูกคนเดียว มีโลกส่วนตัวอยู่พอควรครับ) หรือผมยังไม่พร้อมจะมีใครครับ”

A.

ยังไม่ต้องหาเหตุผลนั่นนี่จะดีไหม ชีวิตไม่มีอะไรซับซ้อน รักใครก็อยู่กับคนนั้น ไม่รักกันก็ต่างคนต่างไป คนเก่าคบกันมา 12 ปี ยังมีวันเลิกกัน ย่อมสอนเราว่า ความรักคือเรื่องไม่แน่นอนที่สุดในโลก เมื่อวานรัก วันนี้รัก วันข้างหน้าอาจไม่รักเท่าวันนี้ ก็แค่ดูแลรักที่มีอย่างดีที่สุดในทุกวัน และเมื่อความรักครั้งเก่าผ่านไป แต่หัวใจของเรายังอยู่ ก็เดินหน้าต่อไป ไว้เจอคนที่ใช่ค่อยเริ่มต้นใหม่อีกครั้งแบบไม่กดดันตัวเอง ว่าต้องมีและต้องให้ได้ดีกว่าเก่า เพราะเราเจ็บมาเยอะแล้ว ต่างกรรม ต่างวาระค่ะ คนละคนอย่าเอาไปปนกัน บางคนเจ็บซ้ำๆ แค่เปลี่ยนคนมาทำให้เจ็บ บ้างก็เจ็บซ้ำๆ กับคนเดิมๆ ที่เพิ่มเติมคือเริ่มชิน เลยต้องเจ็บวนไปแบบนี้

การเริ่มต้นใหม่เป็นอะไรที่ยากกว่าเดิมน่ะดีแล้ว อะไรที่เริ่มต้นง่ายๆ เวลาสูญไปจะไม่เสียดายเท่าไหร่ กับคนเก่าเรายังต้องทำความรู้จักกันมาตั้ง 12 ปีถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ กับคนใหม่จึงยิ่งคัดกรองให้เข้มขึ้น หัวใจเราไม่ได้แข็งแกร่งพอจะเจ็บซ้ำได้บ่อยๆ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ถ้าไม่ใช่ก็หยุด สุดแค่ไหนก็แค่นั้น ไม่รักก็บอก ไม่ต้องหลอกว่ารัก ไม่ต้องเสียดายคนดี ยิ่งถ้าเขาดี ยิ่งควรปล่อยให้เขาไปเจอคนดีที่รักเขามากกว่าเรา ไม่ต้องแทงกั๊กทั้งที่เราไม่ค่อยได้รักเท่าไหร่ ใจเขาใจเราค่ะ ถ้ามีใครเก็บเราไว้เป็นตัวเลือก ทั้งที่ไม่เลือก เราก็คงเสียใจเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรผิดถ้าคิดว่าคนเก่าไม่ใช่ก็ต้องต่างคนต่างไป

ในการหาคนใหม่ การไปเฝ้าดูใครในโซเชียลฯ ของเขา ต้องเข้าใจก่อนนะคะว่า ไม่มีใครเปิดเผยทุกมุมในชีวิต คนเราล้วนมีมุมน่าอิจฉาและน่าสงสารแตกต่างกันไป เราเองเช่นกัน กว่าจะลงรูปซักรูป บางคนผ่านตั้งหลายแอพฯ เพื่อเก็บภาพ หรือบันทึกเรื่องราวที่ดีที่สุดไว้ในโซเชียลฯ การมองเห็นแต่มุมน่าอิจฉาในชีวิตเขา ไม่ได้แปลว่าเราด้อยกว่า ถึงได้ย้ำเสมอว่า ต่อให้เจอกันในโลกออนไลน์ ก็ต้องมาศึกษาดูใจในโลกของความเป็นจริง เพราะทุกสิ่งไม่สามารถเล่าผ่านโซเชียลฯ ได้ทั้งหมด 

 

มีแฟนไม่ใช่รับสมัครงาน คุณสมบัติทุกอย่างอาจตรงตามที่ต้องการ แต่กลับไม่รู้สึกรักก็มี บางทีเจอคนดี๊ดีแต่กลับไม่มีใจ คนที่เรารักเขาแทบตาย กลายเป็นคนที่ทำร้ายเราได้มากที่สุดก็เยอะ เหมาะสม” หรือ ไม่เหมาะสม ไม่ได้อยู่ที่ใครมอง แต่อยู่ที่คนสองคนรักกันมากพอจะเดินต่อหรือไม่ ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่า รัก หรือ ไม่รักเท่านั้นเอง 

 

คนเราต่อให้มีโลกส่วนตัวสูงแค่ไหน เมื่อเจอใครซักคนที่ใช่ เราจะเปิดใจ เปิดโลกของเราให้เขาเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ไม่มีเหตุผลใดๆ นอกจากใจล้วนๆ มนุษย์ทุกคนแม้เกิดมาคนเดียว แต่ไม่มีใครอยากเติบโตไปอย่างโดดเดี่ยว เราถึงอยู่กันเป็นสังคม และอยากสร้างครอบครัวกับใครซักคนที่รักกัน เพียงแต่ถ้ายังไม่เจอใครคนนั้น เราก็อยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง สุขทุกข์ขึ้นอยู่กับเรา ยังไม่ต้องเอาไปผูกขาของใคร ใครคนนั้นเดินเข้ามาในชีวิตเมื่อไหร่ ค่อยแบ่งปันความสุข เฉลี่ยความทุกข์กับคนที่เป็นทีมเดียวกับเรา วันที่ไม่มีเขา เราก็อยู่ได้ ไม่มีใครเป็นลมหายใจของกันและกัน เราต่างมีลมหายใจเป็นของตัวเอง แค่มีความสุขในการหายใจใกล้ๆ กันก็แค่นั้น

ถ้าตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ลองหาวิธีเป็นผู้ ให้ในรูปแบบไหนก็ได้ ถ้าร่างกายแข็งแรงดีอาจไปบริจาคเลือด คนขาดเลือดเยอะนะ แล้วจะรู้ว่าเลือดเราต่อชีวิตคนอื่นๆ ได้อีกตั้ง 3 คน การให้ยิ่งทำให้เรามีค่า พอรู้สึกมีค่าน้องจะรู้เลยว่า คุณค่าของเราอยู่ที่วางตัวยังไง ไม่ได้อยู่ที่ใครจะเลือกหรือไม่เลือก พอหัวใจแข็งแรง อุดมด้วยความสุข เดี๋ยวก็จะมีคนมาขอแบ่งความสุขใกล้ๆ แล้ววันนั้นค่อยๆ ศึกษาดูใจ ความรักเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน ปลายทางไม่ได้สำคัญเท่าระหว่างทาง อยู่ที่ว่าความสุขใจในการดูแลกันในทุกๆ วัน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่น้องพร้อมจะมีใครไหม แต่อยู่ที่ยังไม่มีใคร ทำให้น้องสุขใจจนอยากเริ่มต้นความรักใหม่อีกครั้งมากกว่า.

HUG Magazine 

คอลัมน์ ‘หัวใจไม่จนมุม’

การงาน” “ความรู้” หรือแม้แต่ ฐานะทางบ้าน ไม่ใช่เครื่องการันตีว่า คนสองคนนี้จะรักกันได้ไหม มันอยู่ที่ใจของทั้งคู่ว่า เมื่อตกหลุมรักแล้วจะยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบของอีกฝ่ายได้มากแค่ไหน

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล


ดูดีแบบคนดัง 'อาร์ม-กรกันต์ สุทธิโกเศศ'

ดูดีแบบคนดัง 'อาร์ม-กรกันต์ สุทธิโกเศศ'

ปีที่ผ่านมานับเป็นปีของหนุ่มอาร์ม-กรกันต์ เจ้าของรอยยิ้มละลายใจ ที่เป็นทั้งนักข่าว พิธีกร เล่นละคร พากย์หนัง ร้องเพลง แถมยังเป็นดีเจด้วย งานแน่นแบบนี้ ยังมีพลังล้นเหลือแจกรอยยิ้มสดใสอยู่เสมอ ทั้งหล่อและขยันเลยต้องขอควงแขน พูดคุย มอบเป็นของขวัญแก่แฟนๆ เพราะเราแอบถามมาด้วยว่า สาวแบบไหนที่หนุ่มอาร์มสนใจ มาทางนี้เลยจ้ะสาวๆ


 

ทริคดูแลตัวเองของอาร์ม

     ผมไม่ได้ดูแลตัวเองเป๊ะขนาดนั้น (หัวเราะ) ปกติทำงานเป็นหลัก วันหยุดก็พักเต็มที่ การนอนหลับคือดีที่สุด พยายามไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย เพื่อให้นาฬิกาชีวิตดีขึ้น ถ้ามีเวลาก็ออกกำลังกาย ยิ่งอายุเข้าเลข 3 แล้ว ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ไปหาหมอเพื่อเช็คร่างกายให้ละเอียด เพราะงานของเราคือการใช้ร่างกายทำงาน ต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ

 

แนะนำหนุ่มๆ ที่อยากทำตาม

     ผมเคารพการตัดสินใจของแต่ละคนนะ เชื่อว่าพออายุมากขึ้นต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ข้ออ้างจะน้อยลง เพราะเมื่อร่างกายเริ่มแสดงอาการออกมา เช่น เคยปาร์ตี้ดึกแล้วยังตื่น 7 โมงเช้าไปทำงานไหว พออายุมากขึ้นเริ่มทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว คุณจะรู้ทันทีว่าต้องดูแลตัวเองแล้ว ผมถือศีล 5 เลยไม่ดื่มของมึนเมา ไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ ได้ แค่ไม่ดื่ม ไม่ชอบกินของมัน พวกไขมันหมูหรือเครื่องใน แต่ชอบกินช็อคโกแลตซึ่งก็ต้องระวังเหมือนกัน (หัวเราะ)

 

 

ฉุดความคิดเมื่อจิตตก

     ผมอ่านข่าวเห็นคนเป็นซึมเศร้า คิดสั้น ทำร้ายคนอื่นและตัวเอง เพื่อนๆ รอบตัวที่ดูเหนื่อยล้าก็มีเพิ่มขึ้น อยากให้ลองเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมครับ 1. หนังสือที่คุณอ่านควรให้กำลังใจได้ 2. สื่อที่คุณเสพ อย่าเล่นออนไลน์เยอะในช่วงที่รู้สึกแย่ ดูโซเชี่ยลทำให้เครียดโดยอัตโนมัติ เห็นภาพคนอื่นไปเที่ยว แล้วคิดว่าทำไมเราไม่ได้ไปบ้าง ควรลดการเสพพวกนี้ลง พยายามเข้านอนให้เร็วขึ้น ดูแลตัวเอง หาเพื่อนที่พาเราไปทำกิจกรรมหรือเสริมความคิดด้านบวกมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพวกแอลกอฮอล์

 

แบบอย่างผู้ชายไทยในปี 2563

     แต่ละคนมีไอดอลต่างกัน ผมพยายามฝึกเป็นผู้สูงอายุตั้งแต่วัยรุ่น (หัวเราะ) เริ่มเข้าวัด กินของขม พูดชมความหลัง ชอบอ่านประวัติหลวงปู่ หลวงตา โดยปีที่ผ่านมา หลวงปู่มั่น ครบ 150 ปี ท่านปฏิบัติธรรมโดยเอาชีวิตเข้าแลก เราเอาความมุ่งมั่นของท่านแค่เสี้ยวเดียวมาใช้ก็ดีกับชีวิตมากแล้ว เช่น อยากทำเป้าหมายให้สำเร็จก็ตั้งใจทำ หรืออยากหุ่นดีก็มีวินัย เอาแค่เสี้ยวหนึ่งของท่านถือเป็นมงคลขั้นสุด ให้หาไอดอลที่ดีเอาไว้ครับ

 

สาวน่ารักในสายตาอาร์ม

     ผมคงไม่กล้าขีดบรรทัดฐานให้สาวๆ (หัวเราะ) พออายุมาถึงวัยหนึ่งก็ไม่มีสเป็คอะไร ขอแค่เป็นคนมีความคิดที่ดี พาชีวิตเราไปในทางที่ดี ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดก็ได้ เดี๋ยวผมชวนเข้าเอง (หัวเราะ) แค่คลิกกัน มันสำคัญมากนะ ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์เท่านั้น แต่อยู่ที่ความคิดมากกว่าครับ (ยิ้ม) อายุมากขึ้น สเป็คน้อยลง เริ่มจริงจังมากขึ้น มองชีวิตว่าจะสร้างครอบครัวแบบไหนต่อไป

 

 

ภาพประกอบ: IG: @armkornkan / FB: armkornkanfc

 

HUG Magazine ปีที่ 12 ฉ.2

คอลัมน์ ‘ดูดีแบบคนดัง’


มาลอง "ติดดินติดน้ำ".. ที่จันทบุรี

“ใส่เสื้อชูชีพแล้วมันจะไม่จมใช่ไหม”

จะมีบ้างไหม สถานที่ที่เหมาะสำหรับทิ้งตัว พักชาร์จพลังชีวิต อย่างบ้านสวนริมน้ำท่ามกลางธรรมชาติ มีลมพัดโกรกทั้งวัน มีความสงบเพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองกรุง ที่สำคัญต้องตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก

        “ติดดินติดน้ำ” คือบ้านพักตากอากาศอันเป็นผลจากการกลับบ้านของ “ชีวา” และ “ชาริณี แย้มบุญยิ่ง” พื้นเพเป็นคนจังหวัดสระบุรี แต่จำต้องเข้าไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เมื่อเรียนจบก็ได้ลงหลักปักฐานทำงานในเมืองหลวงเช่นเดียวกับเพื่อนๆ จนกระทั่งพ่อแม่เกษียณอายุ และแม่อยากกลับไปอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดจันทบุรี จึงได้ย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว

     การเปิดบ้านให้แขกเข้าพัก เริ่มจากเพื่อนๆ มาพักที่บ้าน แล้วเกิดชอบบรรยากาศชิลล์ๆ ริมน้ำ ชอบธรรมชาติความเงียบสงบรอบบ้าน ใช้เวลา 2-3 ปี สร้างบ้านพักต่างหากสำหรับรับแขกโดยเฉพาะ นั่นคือ “บ้านชาน” บ้านไม้ยกพื้นสูงที่มีห้องนอนขนาดใหญ่ สำหรับ 2-5 คน พร้อมด้วยห้องน้ำ มีครัวน่ารักๆ อยู่ถัดเข้าไป ไฮไลท์ของบ้านหลังนี้คือ ชานบ้านขนาดใหญ่ที่ยื่นรับลมและวิวสุดสายตาของแม่น้ำจันทบุรี

     การเดินทางสู่ “ติดน้ำติดดิน” จากจันทบุรี ใช้ถนนท่าหลวงผ่านชุมชนริมน้ำจันทบูร ตัดออกถนนสุขุมวิท (จันทบุรี-สระแก้ว) เข้าซอยเล็กๆ ข้างวัดหนองอ้อ จากจุดนี้ถนนเริ่มเล็กลง สองฝั่งถนนเป็นสวนมังคุดตลอดแนว มีป้ายบอกทางอยู่เป็นระยะ ใช้เวลาเดินทางราว 15 นาที ทางเข้าเป็นเหมือนซุ้มต้นมังคุดให้เราขับรถลอดผ่าน กระทั่งรถค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปจอดหน้าลานบ้านหลังใหญ่ ทันทีที่ลงจากรถก็มีเจ้าสี่ขาคาบใบไม้มาให้เรา แสดงถึงการต้อนรับที่แสนน่ารักของ “ชับชับ” หมาพันธุ์ทางสีน้ำตาล เจ้าของบ้านแอบกระซิบว่า ทางที่ดีอย่าโดนตัวชับชับนะ เพราะน้องอายุเยอะแล้ว ตาเริ่มฝ้าฟาง หากโดนตัว อาจตกใจแล้วแว้งกัดได้

     พูดคุยกันไม่นาน เจ้าของบ้านก็นำน้ำมะปี๊ดเย็นๆ มาให้แทนคำกล่าวต้อนรับอันแสนชื่นใจ ภายในสวนมังคุดแห่งนี้มีบ้านอยู่สองหลัง หลังใหญ่เป็นบ้านส่วนตัวของครอบครัว ส่วนหลังเล็กเปิดไว้ให้แขกเข้าพัก แต่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ก่อนจองจะมีการพูดคุยเบื้องต้นผ่านทางเฟซบุ๊ก สอบถามและแนะนำเกี่ยวกับที่นี่เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้เข้าพักจริงๆ บ้านชานปลูกอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังใหญ่ ชิดริมน้ำจันทบุรี รายล้อมด้วยสวนมังคุดและต้นไม้ใหญ่น้อย เราจัดแจงเก็บกระเป๋าเข้าห้องพัก ในเมื่อบ้านพักติดริมน้ำ กิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือการลงเล่นน้ำ บริเวณท่าน้ำมีเสื้อชูชีพและแพเป่าลมเตรียมไว้ให้ หรือใครไม่อยากลงน้ำก็มีเรือสำหรับพายเล่นกันด้วย

     “ตู๊ม ตู้มมม” วิ่งโดดลงน้ำกันไปเรียบร้อย แม่น้ำจันทบุรีช่วงนี้ไม่กว้างนัก น้ำไหลเอื่อยๆ ดูลึกไม่ใช่เล่น แต่ไม่เกินความสามารถของเสื้อชูชีพที่คอยพยุงให้ลอยเหนือน้ำ เราเล่นน้ำว่ายไปมากันตั้งแต่บ่ายจนถึงค่ำ แสงสุดท้ายค่อยๆ กล่าวคำอำลา ได้ลอยตัวในน้ำชมแสงสุดท้ายของวัน ช่างเป็นมุมมองที่แตกต่างเหลือเกิน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ขับรถออกไปหามื้อเย็น กว่าจะกลับถึงที่พักทั่วทั้งบริเวณก็เงียบมากแล้ว ได้ยินเพียงแต่เสียงเจ้าแมลงที่ประชันขันแข่งกัน สลับกับเสียงลมและสายน้ำ เรานอนฟังเสียงธรรมชาติเหล่านี้อยู่พักใหญ่จนผล็อยหลับไป

      รับเช้าวันใหม่ด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ส่องเข้ามาภายในบ้าน อากาศเย็นยามค่ำคืนยังคงหลงเหลืออยู่พอให้รู้สึกหนาวเล็กน้อย ชานบ้านจึงเป็นจุดที่เลือกออกมานั่งเล่น บ้างก็ซุกตัวอ่านหนังสืออยู่ในผ้าห่มหนา บ้างเลือกเดินออกไปถ่ายรูปเล่นในสวน บ้างนั่งรับลมชมวิวแม่น้ำจันทบุรี ไม่นานนักมีอาหารเช้ามาเสิร์ฟ เริ่มต้นด้วยไข่กระทะทรงเครื่อง ขนมปังปิ้ง น้ำส้มคั้น กล้วยหอม ชากาแฟ มีครบสำหรับ 4 คน เล่นซะอิ่มท้อง อยากทิ้งตัวลงนอนต่ออีกสักครึ่งวัน แต่กลับกันสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกคนเปลี่ยนชุด ลงไปเล่นน้ำกันอีกรอบแบบตั้งใจเล่นมาก เหมือนไม่เคยได้เล่นน้ำที่ไหนมาก่อน บ้างก็ว่ายน้ำข้ามฝั่งไปมา บ้างก็นอนหงายลอยคอมองท้องฟ้าอยู่เฉยๆ บ้างก็เลือกกระโดดน้ำแบบสนุกจนลืมเหนื่อย

     เล่นน้ำกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว กลับขึ้นมาอาบน้ำเก็บข้าวของ ถึงเวลาต้องบอกลาสถานที่แห่งนี้เสียแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดคือการเดินชมสวน เจ้าชับชับคอยเดินนำและระวังภัยให้เราอยู่ห่างๆ เริ่มจากแปลงผักสวนครัวพื้นบ้าน ตลอดจนสวนมังคุดที่ปลูกเป็นแถว แปลงร่างเป็นชาวสวน ช่วยกันเก็บมังคุดจากต้นได้เอง ฤดูกาลเก็บเกี่ยวมังคุดคือระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคมของทุกปี หันไปสะดุดตากับต้นตะลิงปลิงใหญ่ที่ออกผลดกจนแทบมองไม่เห็นลำต้น ลูกตะลิงปลิงขนาดเท่านิ้วโป้งเป้งๆ ที่เจ้าของบ้านอนุญาตให้เก็บได้ หากได้พริกเกลือไว้จิ้มกันคงแซ่บจนสุดจะบรรยาย

     ทริปใกล้กรุงครั้งนี้ เรามากัน 4 คน เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เป็นครั้งแรกที่ได้ลงเล่นในแม่น้ำธรรมชาติแบบนี้ เพื่อนอีกคนบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้หัดลอยตัวตีขา และรู้ว่าการว่ายน้ำเป็นอย่างไร กลายเป็นทริปสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ หากใครกำลังมองหาสถานที่รายล้อมด้วยธรรมชาติและอากาศดีๆ มีกิจกรรมให้ชาร์จพลังมากกว่ากิจกรรมปล่อยพลัง “ติดดินติดน้ำ” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

ถึงเวลาต้องเดินทางกลับจริงๆ เจ้าชับชับก็เดินคาบใบไม้มาวางไว้ให้อีกครั้ง เป็นการกล่าวลาจากเจ้าสี่ขาผู้น่ารัก.


วิธีรับมือกับรักที่ "ซับซ้อน"

ตกลงเราเป็นแฟนกันหรือเป็นแค่เพื่อน (แต่ทำไมสนิทแนบชิดกันมากกว่าเพื่อน!) ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน คลุมเครือ และไม่ชัดเจน ไม่มีใครอยากได้สเตตัสแบบนี้มาครอบครอง แต่… หากคุณต้องเผชิญกับความสัมพันธ์อันยากที่จะอธิบายได้ อยากถอนตัวก็ไม่ได้ เพราะใจไม่แข็งพอ หรือครั้นจะเดินต่อไป โอ๊ย ก็ไม่ไหว เพราะใจมันเหนื่อยล้าเหลือเกิน เฮ้อ แล้วจะทำยังไงดี

 

สาวๆ คนไหนที่กำลังจมกับความทุกข์เรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกแบบนี้ รีบเข้ามาอ่านโดยด่วน ฮัก มีคำแนะนำดีๆ มารับมือกับความซับซ้อนของความรักเช่นนี้มาฝากกัน

 

+ ทำความเข้าใจกับสถานะที่ “ซับซ้อน”

     ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ซับซ้อน ยากจะเข้าใจ สถานะซับซ้อนแบบนี้บ่งชี้ให้เห็นว่า ต่างฝ่ายต่างกำลังดูๆ กันอยู่ โดยที่ไม่สามารถระบุคำว่า แฟน ได้อย่างชัดเจน พูดง่ายๆ คือ ยังลังเล ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง และอยากเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้เปิดโอกาสให้คนอื่นด้วย วิธีรับมือกับสถานะแบบนี้คือ ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ปฏิบัติเหมือนที่เคยทำมา และไม่พยายามคาดคั้นให้ระบุสถานะชัดเจน เพราะถ้าเขาแน่ใจในความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาแล้ว เขาก็คงชัดเจนตั้งแต่ต้น ไม่มัวแต่คลุมเครือให้คาดเดาได้ยากแบบนี้หรอก

 

+ ห้ามล้ำเส้น

     กฎเหล็กของความสัมพันธ์แบบนี้คือ รักษาระยะห่าง ไม่ก้าวล้ำเส้นกัน เพราะเมื่อไหร่ที่คุณก้าวล้ำเข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวของเขา เขาจะถอยห่างจากคุณทันที และก่อกำแพงสูงขึ้นไปอีก กลายเป็นว่า คุณจะเข้าถึงความรู้สึกของเขาได้ยากยิ่งขึ้น ความซับซ้อนก็จะเพิ่มขึ้นตามมา

 

+ ห้ามเผลอใจ

     หากคุณรู้สึกถูกใจในตัวเขา และพร้อมให้เวลาเพื่อให้เขาได้เคลียร์ความรู้สึกของตัวเองให้ชัดเจนกับคุณ ก็แล้วแต่ใจของคุณเลย แต่ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่า มันช่างไม่ยุติธรรม เพราะคุณเทใจให้ไปหมดแล้ว แต่เขากลับกั๊ก ไม่ให้ใจคุณเต็มร้อย แนะนำให้ถอดใจแล้วถอยออกมาซะ หาคนใหม่ที่ชัดเจนกับเราดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลาและความรู้สึก

 

แต่หาก ยังไง้ ยังไง ก็ยังไม่อยากเสียเขาไป (เพราะเขาช่างโดนใจเหลือเกิน) แนะนำให้ลองคุยว่ารู้สึกอย่างไร ไม่แน่นะ คุณกับเขาอาจใจตรงกันอยู่ก็เป็นได้ แล้วความสัมพันธ์ซับซ้อนนี้ก็อาจจบลงแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ฟินๆ ทั้งคู่ ดีออก.

Did you know?

รู้หรือไม่ว่า คนติดโซเชียลมีโอกาสคบซ้อนและนอกใจแฟนมากที่สุด จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิสซูรี สหรัฐอเมริกา พบว่าความถี่ในการใช้ทวิตเตอร์ของกลุ่มตัวอย่าง บ่งชี้ถึงแนวโน้มความขัดแย้งในความสัมพันธ์ที่มากกว่า นำไปสู่การนอกใจกันในที่สุด หรือพูดง่ายๆ ว่า ยิ่งใช้เวลาในการเล่นทวิตเตอร์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มจะเกิดปัญหากับคู่รักมากเท่านั้น อันเป็นที่มาของการนอกใจ เลิกรา และหย่าร้างในที่สุด.

 

HUG Magazine

คอลัมน์ ‘หัวใจไม่จนมุม’


“บ้านเล็ก” ก็มีสิทธิ์บ้านแตก

           “พี่อ้อยคะ ความรักของน้องเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คือน้องคบผู้ชายคนหนึ่งมาเกือบ​ 5 ปี แต่เขามีลูกและครอบครัวแล้ว ตลอดเวลาที่คบกัน เรารักเขามากนะคะ บอกเขาตลอด แต่เขาไม่เคยบอกรักเราเลย เคยถามครั้งหนึ่ง เขาบอกว่าให้ดูจากการกระทำ​ จนวันหนึ่งคนของเขารู้ว่าเราคบกัน และยื่นคำขาดให้เขาเลือก คำตอบก็แน่อยู่แล้วว่าเราต้องจบ​ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ เขาตัดเราออกจากชีวิตเลย เหมือนคนที่ไม่มีเยื่อใยใดๆ แต่แปลกนะคะที่เรายังต้องทุกข์อยู่”

 

A.

        สงสัยไหมคะ ทำไมปัญหาเรื่องการนอกใจถึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย และง่ายดายด้วย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราไม่ค่อยยี่หระเรื่องการมีเจ้าของ เรายุ่งกับเขา ไม่ได้ไปยุ่งกับแฟนเขานี่นา แถมคิดเอาว่า เราเสียสละจะตาย อยู่ตรงไหนก็ได้ ว่างเมื่อไหร่ค่อยมาหา อยากได้ก็มา อยากลาก็ไป ไม่ได้อยากให้เขาต้องเลิกกัน แค่มาขอแชร์เฉยๆ คนยอมอดทน มารักกับคนเห็นแก่ตัว ช่างเหมาะสมกันดี หลายครั้งที่เราเข้าใจผิดคิดว่าเราคงรักกันมาก ที่ไหนได้ อาจกลายเป็นมีแต่เราที่เฝ้ารอว่าจะเป็นตัวจริงเข้าซักวัน เมื่อยอมเป็นตัวสำรองอย่างเต็มใจ ทำไมเขาต้องเลือกเราเป็นตัวจริง นี่คือสิ่งที่พูดอยู่เสมอ    

        รักเขามาก เราเลยไม่อยากมีใคร เขารักเราน้อยไป ถึงยังต้องมีอีกคน นี่คือเรื่องวนๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พอเกิดกับเรา ดันเข้าใจว่าเขารักมากถึงขั้นอยากทรยศคนของเขา ที่แท้ก็เก็บเราเป็นแค่ของแถมนอกบ้าน เอาจริงๆ เขาก็พูดถูก “ทุกสิ่งให้ดูที่การกระทำ” เพราะเขาไม่เคยทำอะไรให้เห็นว่าให้เกียรติ แค่เป็นชู้ลับของเขา ก็สมฐานะของเราแล้ว เขาแคร์ความรู้สึกของภรรยาเขา แต่กับเรา บอกได้ทุกอย่าง อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป ความลับแตกเมื่อไหร่ ค่อยแยกย้าย ไม่ต้องรับผิดชอบความรู้สึกใดๆ เช่นเดียวกับการนอกใจภรรยาเขา ทำแบบไม่ต้องรู้สึกผิด ค่อยคิดแก้ปัญหาเมื่อถูกจับได้คาหนังคาเขา ตอนนี้น้องเลยเหมือนถูกทิ้งให้ตายเดี่ยว     

        อย่าไปหาเหตุผลกับคนเห็นแก่ตัวที่ไม่แคร์หัวใจใคร คิดซะว่าดีแค่ไหนที่เขาไม่อยู่ ให้เราต้องเป็นชู้อีกต่อไป รักของเราต้องไม่ทำร้ายหัวใจใคร เพราะสุดท้ายมันจะย้อนกลับมาทำร้ายหัวใจเราเอง ปัญหารักพังเพราะมือที่สามมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าปกติจริง ต้องไม่มีใครเจ็บ ไปรักคนมีเจ้าของ เราบังคับใจไม่ได้ แต่วางตัวเองไว้ตรงไหน ที่จะไม่ทำให้รู้สึกผิดกับตัวเองและเจ้าของของเขา เราเลือกได้นะคะ อย่าปล่อยไหลไปตามความรู้สึก คนกลางที่คิดนอกใจ ถ้าอีกฝ่ายยอมได้ เขาแทบไม่ต้องทำอะไร อยู่ๆ ก็มีของตายใส่พานมาให้ คำว่า “รัก” พูดง่ายจะตาย โกหกก็ได้ เขายังไม่คิดจะโกหกให้เราสบายใจเลย ถามว่ารักไหม เขาเลยเงียบใส่ ความเงียบเป็นคำตอบที่บาดหูเกินไป แค่ใจเรายังยอมรับความจริงไม่ได้เท่านั้นเอง

        ล่าสุดมีโอกาสคุยกับน้องคนหนึ่งค่ะ แต่งงานกับสามีมา 10 ปี มีลูก 1 คน จนเมื่อไม่กี่ปีนี้ สามีนอกใจกับเพื่อนสนิทของเขา เราเองพร้อมให้อภัยทั้งที่เขายังไม่รู้สึกผิด พูดแค่ว่าจะให้ทำยังไง เขาไม่รักเราแล้ว ที่ปวดใจคือผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้วด้วย อยู่เป็นส่วนเติมเต็มของครอบครัวหนึ่งอยู่ดีๆ อยากไปเป็นส่วนเกินของอีกครอบครัวหนึ่ง ผู้ชายตอบว่า ที่ผู้หญิงคนนั้นไปแต่งงาน เพราะประชดที่เขาเลือกมาแต่งงานกับเรา ตอนนี้เขารู้แล้วว่า เขารักใครที่สุด ต่อให้เขาเป็นชู้ก็ยอม ฟ้าคงลิขิตให้เขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ โอว! กลายเป็นลิขิตของฟ้าหรือเนี่ย ใจเขาใจเราค่ะ เป็นเรื่องเศร้าแค่ไหนที่เราต้องมานั่งฟังคนที่เรารัก พูดถึงคนที่เขารัก ถึงขนาดบอกว่า ต่อให้เขาไปรักกับผู้หญิงคนนั้น แล้วไปไม่รอด เขาก็ไม่ขอกลับมาหาเรา! ค่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ ให้เขาไปอยู่กับสิ่งที่ชอบๆ ยื้อคนหมดใจไว้ใกล้ตัว หัวใจเราจะทรมานที่สุด

        ถามว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รักหรือ ไม่น่าเชื่อ ตอนรักเขาคงรักจริง ตอนทิ้งก็ไม่ได้โกหก ล่าสุดสามีเก่าของน้องยังคงสถานภาพชู้เช่นเคย และเชื่อว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นยังรักกันมากอยู่ โถ! รักมากแค่ไหนเชียว มีเราคนเดียวยังไม่ได้เลย หยุดหลอกตัวเองเถอะ น้องเองก็เช่นกัน

        ถ้าปากบอกว่ารัก แต่ยังกอดคนอื่น อย่าไปชื่นใจอะไรนัก แค่ตกหลุมรักคนเห็นแก่ตัว อย่าคิดทำชั่วแล้วบอกว่าเพราะรัก.

HUG Magazine 

คอลัมน์ ‘หัวใจไม่จนมุม’

     "ทุกอย่างที่เห็นคือตัวตนของเขา ทุรนทุรายให้ได้ผู้ชายหลายใจมา 1 คน คุ้มค่ากับการอดทนตรงไหน ฉลองให้แก่สถานภาพใหม่ที่ไม่ต้องแย่งคนรักใคร น่าภูมิใจจะตายไป."

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล


The Lunch Box เมนูต้องมนต์รัก

เราไปภูฏานกันดีไหม

มีอยู่ช่วงหนึ่งคนไทยจำนวนไม่น้อยอยากไปภูฏาน จุดขายที่กระตุ้นความสนใจคือเรื่องของ “ความสุข” สิ่งจริงแท้ด้านความต้องการของมนุษย์นั้นมีหลายอย่าง

เอาเข้าจริงแล้วการอยู่ในเพศสภาวะไหน ผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ เลสเบี้ยน ฯลฯ ต่างก็มีความเหนื่อยยากในแบบฉบับของเพศตัวเอง แต่ที่อินเดียดูเหมือนความเหนื่อยยากของผู้หญิงจะมีให้เห็นเป็นภาพที่เด่นชัดกว่าอย่างอื่น

 

อิลาเป็นแม่บ้านชนชั้นกลางผู้กำลังรู้สึกถึงความเฉยชา จืดจาง ในชีวิตคู่ตามประสาสถานะ “เมีย” ของผู้หญิงอินเดีย (หรืออาจรวมถึงผู้หญิงเอเชียส่วนใหญ่ในหลายภูมิภาค) แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าพยายามทำตัวให้สวย พยายามทำกับข้าวให้อร่อยเอาใจสามี คุณป้าห้องข้างบนส่งเครื่องปรุงสูตรพิเศษใส่ตะกร้าห้อยลงมาให้ ป้าบอกว่า “ใส่นี่ลงไป แล้วเค้าจะสร้างทัชมาฮาลให้เธอเลยละ” อิลาตะโกนตอบไปขำๆ ว่า “แต่ทัชมาฮาลเป็นสุสานนะป้า” นั่นสินะ สุสานใหญ่โตสวยงามกับความสุขเล็กๆ จะมีสักกี่คนที่เลือกสุสาน

กล่องข้าวกลางวันใส่เครื่องปรุงสูตรสร้างสุสานของอิลาไม่เคยส่งถึงมือสามีนับตั้งแต่วันนั้น ต่อให้คนส่งกล่องข้าวมีระบบซึ่งเป็นที่ยอมรับในความแม่นยำจากฮาร์วาร์ดก็ยังส่งผิด กล่องข้าวเดินทางไปหามิสเตอร์เฟอร์นันเดซ พ่อหม้ายเมียตายวัยใกล้เกษียณผู้เคร่งขรึม ใช้ชีวิตสงบนิ่งราวกับทุกโควต้าความตื่นเต้นหมดไปนานแล้ว

อิลากับมิสเตอร์เฟอร์นันเดซเริ่มเขียนจดหมายพูดคุยกันผ่านปิ่นโตอาหารกลางวัน

ความโรแมนติกที่แท้จริงของโลกอยู่ตรงนี้ ต่อให้ไม่ใช่ที่ปารีสหรือฤดูใบไม้ผลิที่นิวยอร์ค แต่เป็นบรรยากาศแออัดยัดทะนาน ร้อนระอุ ของอินเดียก็โรแมนติกได้ ต่อให้ไม่ใช่เรื่องราวของตัวเอก หนุ่มสาวโสดวัยพร้อมแสวงหารักชั่วนิรันดร์ แต่เป็นชายพ่อหม้ายวัยกลางคน กับแม่บ้านลูกหนึ่งผู้กำลังพยายามจัดการปัญหาเรื่องครอบครัวของตัวเองอยู่ ก็โรแมนติกได้

สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โรแมนติกยิ่งกว่าหลายๆ เรื่องรวมกันก็คือ มันบอกเราว่าเรื่องเหล่านี้แทรกอยู่ในชีวิตประจำวันควบคู่กับสถานการณ์ยากเย็นอื่นๆ ซึ่งคุณต้องเผชิญจริงๆ ไม่ใช่ในภาพโรแมนติกฟุ้งลอย ที่ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อให้คนเสพย์มันในฐานะสื่อบันเทิง เพื่อหนีความจริง

นอกจากเรื่องราวผ่านปิ่นโตอาหารกลางวันของมิสเตอร์เฟอร์นันเดซกับอิลา ผู้คนรอบข้างของทั้งคู่ต่างก็มีชีวิต ซึ่งชวนให้ตั้งคำถามถึงความรักที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันและเราต้องรับมือกับมันจริงๆ

ดูหนังจบ เรายังพร้อมจะยืนยันว่า ความโรแมนติกเป็นสิ่งที่เชื่อได้และมีอยู่จริงในชีวิต ต่อให้ภาพไม่ได้ออกมาสวยงามง่ายดาย ในแบบที่เห็นในหนังส่วนใหญ่ก็ตาม

แล้วความสุขมีอยู่ที่ภูฏานจริงรึเปล่า แล้วเราจะไปภูฏานด้วยกันไหม.

 

HUG Magazine 

คอลัมน์ ‘สวมแว่นสีชมพูดูหนัง’

เรื่อง: รอมคอมแอดมิน 


Accepted มหา’ลัยแห่งชัยชนะของพวกขี้แพ้

 

อายุ 18 ปี เด็กวัยรุ่นในระบบการศึกษาเกือบทั้งหมด มีวาระสำคัญในชีวิตอยู่ประการหนึ่งคือ การมีที่เรียนในระดับอุดมศึกษาตามที่ตัวเองหรือพ่อแม่ต้องการ

เมื่อมาตรวัดคุณค่าของอะไรบางอย่างมีเพียงมาตรฐานเดียว แน่นอนว่าต้องมีคนสมหวังและผิดหวัง

 

บาร์เทิลบี เกนส์ หนึ่งในกลุ่มเด็กที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าไหร่ ไม่มีที่ไหนรับเข้าเรียน โดนกดดันจากครอบครัว พบเจอการอวดเบ่งเกทับ เจอแต่คำถามซ้ำๆ ว่ามีที่เรียนรึยัง ได้เรียนที่ไหน (คุ้นๆ มั้ยคะ เรามั่นใจมากว่าหลายคนเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้) สิ่งเดียวที่บาร์เทิลบีต้องการคือ ใบตอบรับจากมหา’ลัยไหนสักแห่ง และเมื่อไม่มีที่ไหนส่งมา เขาจึงตัดสินใจทำมันขึ้นมาซะเอง

จากจุดตั้งต้นแค่ปลอมใบตอบรับจากวิทยาลัยอุปโลกน์ชื่อ South Harmon Institute of Technology (มีชื่อย่อว่า S.H.I.T. ที่แปลว่าห่วยแตก ไร้สาระ นั่นแล) ต่อจากนั้นก็ขอให้เพื่อนทำเว็บไซต์ของวิทยาลัยเพื่อหลอกพ่อแม่ ลุกลามไปสู่การหาสถานที่ หาอธิการบดีปลอมๆ และเมื่อเว็บไซต์ใช้งานได้จริง แบบที่ใครคลิกสมัครเข้ามาก็มีใบตอบรับอัตโนมัติ เลยมีเด็กๆ ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นชายขอบของระบบการศึกษา บรรดาคนสิ้นหวังทั้งหลายแห่มารวมกันเต็มไปหมด มาจริง จ่ายเงินจริงซะด้วย

และเมื่อวิทยาลัยปลอมๆ นี้เหมือนเป็นความหวังเดียวของทุกคน บาร์เทิลบีก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากด้นสดกันไป หลังจากไปแอบดูมหาวิทยาลัย Harmon ของจริงอันยิ่งใหญ่เกรียงไกรมาแล้ว เขาค้นพบว่ามันแห้งแล้ง กดดัน น่าเบื่อ นักศึกษาไม่ได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองอยากเรียนอย่างแท้จริง เลยกลับมาตั้งต้นที่ ไหนใครอยากเรียนอะไรบ้าง เรามาเริ่มเรียนวิชาตามสิ่งที่อยากรู้กันดีกว่า

มันออกมาเลอะเทอะ ไม่เป็นระบบระเบียบ แต่กลับใช้การได้ดีกับเด็กกลุ่มนี้ พวกเขาได้เรียนรู้ และที่สำคัญคือได้เรียนเรื่องราวเหล่านั้นอย่างมีความสุข

ณ ปัจจุบัน ปี 2020 หลายต่อหลายคนคงผ่านหูผ่านตาเกี่ยวกับการศึกษาแบบมีผู้เรียนเป็นจุดศูนย์กลาง หรือการเรียนแบบโฮมสคูลกันมาบ้างแล้ว แต่เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ตอนที่หนัง Accepted ออกฉายการเรียนที่ไม่พึ่งพาระบบการศึกษากระแสหลักนั้นยังเป็นเรื่องใหม่

แม้เหตุการณ์และสถานการณ์หลายๆ อย่างในเรื่องอาจดูไม่สมเหตุสมผล ทิศทาง และโทนของเรื่องพาไปในทางตลกขบขัน ออกแนวแถๆ เป็นหลัก แต่หนังเกาะแก่นการตั้งคำถามถึงวิถีในระบบการศึกษาได้ดี

ท้ายสุด นอกจากเด็กๆ ที่ “ไม่ได้รับการตอบรับ” จะต้องอยู่อย่างสิ้นหวังไร้คุณค่าแล้ว ในระบบนี้ เด็กๆ ที่ได้เข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยก็ทุกข์ทนไม่แพ้กัน หนังฉายภาพความรุนแรง การใช้อำนาจ การโดนบูลลี่ ความเหนื่อยหน่ายกับการเรียนที่ไร้สุขไร้จุดหมาย ในแบบที่เราต่างรู้ดีว่ามันยังคงมีอยู่มาจนถึงบัดนี้ และมันต้องเปลี่ยนแปลง

ในระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ เรานึกถึงเหตุการณ์จริงที่เคยผ่านหูผ่านตา มีเด็กวัยรุ่นหลายคนทั้งในไทยและในต่างประเทศเคยโกหกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังได้ โกหกพ่อแม่ โกหกคนรอบตัว แน่นอนว่าเมื่อคุณทำแบบนี้ในชีวิตจริง ตอนจบมันไม่สวยงามสนุกสนานสดใสเหมือนในหนังคอมเมดี้ คุณจะโดนประณาม คุณจะกลายเป็นอะไรสักอย่างที่แย่เสียยิ่งกว่าพวกขี้แพ้ บางคนจบลงที่การก่ออาชญากรรม

เราได้แต่หวังว่าโลกนี้จะมีมหาวิทยาลัยแบบ S.H.I.T เกิดขึ้นมาอีกเยอะๆ และหวังว่าคนขี้แพ้ในโลกนี้จะหมดไป จะไม่มีใครโดนตราหน้าว่าแพ้ เราแค่แตกต่างและเก่งคนละอย่างคนละแบบเท่านั้น.

 

Hug magazine ปีที่ 12 ฉบับที่ 4

คอลัมน์: สวมแว่นสีชมพูดูหนัง