สามีให้อภัยที่เรานอกใจ แต่ทำไมเขาไม่ลืม?

Q.

พี่อ้อยคะ หนูมีปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี เรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นปัญหาคาราคาซังของหนูกับสามี เรารู้จักกันตั้งแต่สมัยประถมฯ เราติดต่อและรักกันมานานจนหนูใกล้จบมหาวิทยาลัย เรารักกันมาก หนูอยู่กรุงเทพฯ เขาอยู่ต่างจังหวัด พอเขาจบ ปวช. ก็เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาอยู่กับหนู แต่หนูทอดทิ้งเขาไปอยู่กับคนอื่น เขาตามหาหนูทุกที่ที่สามารถไปหาได้ ทั้งที่ไม่ค่อยรู้จักกรุงเทพฯ เท่าไหร่ หนูรู้ตัวว่าใจร้ายใจดำกับเขามาก แต่ก็ตัดเขาไม่ขาด ยังไปๆ มาๆ อยู่ระหว่างผู้ชาย 2 คน เขาเสียใจมากถึงกับจะฆ่าตัวตาย ดีที่เพื่อนๆ ของเขาคอยดูแล แล้วหนูก็ท้อง เขาบอกว่าจะรับผิดชอบเอง แต่หนูอยากให้อีกคนรับผิดชอบมากกว่า สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่กับเขา เพราะแฟนใหม่ไม่รับผิดชอบ คนที่หนูทำร้ายเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลายเป็นที่พึ่งที่ดีของหนู ทุกวันนี้แฟนหนูยังถามถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เกิดขึ้นว่าทำไมหนูจึงทำร้ายเขาได้ขนาดนั้น ทั้งที่เรารักกันมาก แค่ใครคนนั้นที่เข้ามา และนี่ก็เป็นปัญหาที่ทำให้เราทะเลาะกันไม่จบจนถึงตอนนี้ หนูควรทำยังไงให้แฟนลืมเรื่องเก่าๆ ซักที หนูอึดอัด

 

A.

ขนาดพี่อยู่ไกลยังรู้สึกได้เลยว่าน้องรักแฟนคนใหม่มากกว่า นับประสาอะไรกับคนที่อยู่ใกล้กันจะดูไม่ออก น้องกลับมาอยู่กับเขา ไม่ใช่เพราะมีใจ แต่แค่ไม่มีที่ไปเฉยๆ น้องอึดอัดเพราะเขารู้ตัว หรือแค่ไม่ได้อยู่กับคนที่เป็นดวงใจกันแน่ ลองถามตัวเองดีๆ มาถึงตอนนี้แล้วน้องควรทำทุกวินาทีให้ดีที่สุดค่ะ เรื่องที่ถูกต้องนั้นอาจไม่ค่อยถูกใจ แต่น้องทำสิ่งที่ผิดมามากมายจนเกินกว่าจะรับผิดชอบไหวแล้วนะ

มีคนรักที่ซื่อสัตย์กับเรามาหลายปี ดันทำดีตอบแทนหัวใจของเขาไม่ได้ กลับเลือกนอกใจ ทำร้ายจิตใจเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า น้องบอกว่า รักกันกับแฟนมากพี่อยากถามว่า มากแค่ไหนเชียว มีเขาคนเดียวยังทำไม่ได้เลย พอเลือกคนใหม่ ดันทิ้งคนเก่าไม่ได้ ไปๆ กลับๆ คนนั้นกอดที คนนี้กอดได้ น้องลดคุณค่าของตัวเองมากไป สุดท้ายก็ไม่ได้ป้องกันจนตั้งท้อง เรายังไม่ได้สร้างครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมพอเพื่อรอสมาชิกใหม่ สร้างเขาให้เกิดมาได้ แต่มั่นใจไหมว่าจะเลี้ยงเขาให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ พอเขาเกิดมา น้องก็เรียกหาความรับผิดชอบ คนเก่าอาสา แต่น้องกลับอยากให้คนใหม่เป็นพ่อมากกว่า ผู้ชายเยอะมากที่ทำผู้หญิงท้อง แต่เป็นพ่อของลูกไม่ได้หรอกค่ะ

น้องไม่ได้เล่าว่า กับแฟนใหม่เจอกันยังไง ใช้เวลานานแค่ไหนในการเรียนรู้กัน ตอนคบหา เขารู้ไหมว่า น้องมีแฟนอยู่แล้ว ถ้ารู้ทั้งรู้ แปลว่า เขายอมเป็นชู้ แค่นี้ก็พอจะดูออกว่าเขามีความรับผิดชอบแค่ไหน สนุกกายแต่ไม่ต้องมีพันธะทางใจ เพราะยังไงเสียก็แฟนคนอื่น อยากได้ก็มา อยากลาก็ไป จะให้มารับผิดชอบชีวิตใครที่ยิ่งใหญ่ระดับเป็นพ่อคน เขาคงทำไม่ไหว บวกกับความไม่แน่ใจว่า ใช่ลูกของเขาจริงๆ หรือเปล่าอีก น้องประมาทกับการใช้ชีวิตมากเกินไปหน่อย

 

นอกใจคล้ายๆ การติดยาเริ่มต้นจากความรู้สึกที่ว่าไม่น่าเป็นอะไร

สุดท้ายก็เกิดเรื่องใหญ่แบบที่เจอ

 

มาถึงวันนี้น้องคงต้องเดินหน้า และปลงใจเถอะว่า เราทำเขาเอาไว้เยอะ แค่ผู้ชายคนหนึ่งรักเรามากถึงขั้นวันเวลาเปลี่ยนใจเขาไม่ได้ ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ยังพร้อมยอมรับเป็นพ่อของเด็กในท้องทั้งที่ไม่ใช่ลูกเขา ต้องใช้ความรักมากมายเพียงใด น้องโชคดีที่เจอเขา แต่เขาโชคร้ายที่เจอเรา น้องได้เจอรักแท้แต่กลับมองเขาเป็นแค่ของตาย พอไม่มีที่ไปเลยกลับมา ให้เขาได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ได้อยู่ในใจน้องซะที บาดแผลใหญ่ๆ ที่เราเคยสร้างไว้ให้เขา วันนี้จะเอาแต่ใจเราไม่ได้ค่ะ ทำไมเขาไม่ลืมคะพี่ ถามอยู่นั่น น้องอึดอัดแล้วนะแย่ที่สุดเราก็แค่อึดอัด แต่เขาต้องอยู่กับความระแวง ไม่ไว้วางใจทั้งชีวิต รักมากแต่ยากจะวางใจ เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าถ้าน้องรักเขามากมายคงไม่มีคนอื่น ความเชื่อใจนั้นสร้างไม่ง่าย ทำลายไม่ยาก และลำบากที่จะเรียกคืน ต้องใช้ เวลา ที่ไม่รู้จริงๆ ว่าอีกนานแค่ไหน

สิ่งเดียวที่น้องทำได้ คือลองทบทวนในใจ เขาเสียสละมากแค่ไหน ถึงยังให้อภัยและยืนเคียงข้างเราได้ในวันนี้ คิดขอบคุณเขาบ้างไหม ที่รักและยอมให้อภัยในเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถ้าน้องซาบซึ้งใจในสิ่งที่เขามี เราจะดูแลเขาได้ดีกว่านี้ เข้าใจในความเสียใจและความไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นได้เป็นพักๆ ถ้าจู่ๆ เขาถามขึ้นมาว่า แต่ก่อนเราใจร้ายกับเขาได้ยังไง ก็ตอบไปว่า เราแย่เองที่ไม่เห็นคุณค่าความรักดีๆรู้สึกเสียใจไม่ต่างจากเขา ยังไม่ต้องเชื่อเราก็ได้ แต่จะทำให้ทุกวันนับจากนี้เป็นช่วงเวลาดีๆ ของครอบครัวเพื่อชดเชยอดีตแย่ๆ ที่เราเคยทำร้ายเขา เธอลืมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ให้จำวันเวลานั้นเอาไว้ แล้วเชื่อเถอะว่า มันจะไม่เกิดขึ้นอีกตลอดชีวิตเรา

อย่าหงุดหงิดทุกครั้งที่เขาถาม ความอ่อนแอมักเกิดขึ้นเป็นพักๆ ต่อให้เขารักเรามากแค่ไหนก็ตาม อยู่เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เป็นของขวัญที่ยิ่งใหญ่ตอบแทนการให้อภัยของเขา ไม่ใช่หงุดหงิดเอาแต่ใจ เฝ้าถามว่าเมื่อไหร่เขาจะลืมซักที เอาแต่ใจมาเยอะแล้ว ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ถ้าวันนี้จะรู้สึกไม่มีความสุข ก็อาจเป็นเพราะวิบากกรรมที่เราเคยทำไว้กับคนอื่น ทำปัจจุบันดีๆ แทนที่อดีตแย่ๆ เป็นคุณแม่ที่ดี เมื่อให้กำเนิดหนึ่งชีวิตบริสุทธิ์ต้องทำให้เขามีค่าที่สุดที่ได้เกิดเป็นลูกเรา

 

HUG Magazine 

หัวใจไม่จนมุม

ดีเจอ้อย นภาพร

 

"จับมือกับสามีไว้แน่นๆ รักดีๆ ไม่ได้มีกันง่ายๆ ตอนมีเขาอยู่กลับไม่ดูแล อย่ามารู้สึกแย่ตอนเขาจากไป รักแท้อยู่ตรงหน้า ถ้าไม่เห็นคุณค่าก็ถือว่าโชคร้ายไม่ต่างจากคนที่ตามหารักดีๆ แต่ไม่เคยได้สัมผัสสิ่งนั้นซะทีค่ะ"

นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล


ผูกพันแต่ไม่ผูกมัด

เมื่อเอ่ยถึงความสัมพันธ์ หลายๆ คนคงจะนึกถึงความสัมพันธ์แบบโรแมนติกแสนหวาน เดินจับมือกัน คลอเคลียกันดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่ทว่าความสัมพันธ์ก็ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว มันมีหลากหลายรูปแบบ อีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่เรามักจะพบเจอกันบ่อยๆ ในยุคนี้ก็คือ ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด หากใครเผอิญต้องพัวพันกับความสัมพันธ์แบบนี้ก็จำเป็นต้องเข้าใจลักษณะของความสัมพันธ์ และรู้วิธีรับมือด้วย มาดูกัน

HUG Magazine

ห้องเรียนหัวใจ

ยาชา

+ กฎเหล็กของความสัมพันธ์ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ผูกพันแต่ไม่ผูกมัด เพราะฉะนั้นกฎเหล็กของความสัมพันธ์นี้ก็คือความไม่ผูกมัด นั่นหมายถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่สามารถลดระดับได้ทุกเมื่อ หากคบกันแล้วต่างรู้สึกไม่สบายใจและอึดอัด ก็สามารถเซย์กู๊ดบายกันไป หรือเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันได้โดยไม่มีฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด

+ เหมาะกับคู่แบบไหนความสัมพันธ์แบบนี้ เมื่อเราคบไปเรื่อยๆ คนรักของเราจะมีหลายสถานะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คู่ชีวิต หรือคู่คิดในเรื่องงาน ซึ่งกลายเป็นข้อดีที่เรามักอยากเห็นในตัวของคนรัก และการคบกันแบบนี้เป็นไปอย่างสบายๆ ไร้แรงกดดัน หมดปัญหาเรื่องการนอกใจ เพราะอยู่นอกเหนือจากข้อตกลงของความสัมพันธ์ หลายคู่เลือกที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการเผชิญปัญหายอดฮิตอย่างการนอกใจ การทรยศ และความเจ็บปวด

+ จะเริ่มความสัมพันธ์อย่างไรการเริ่มความสัมพันธ์แบบนี้ ข้อสำคัญที่สุด คือ ต้องมีการพูดคุยตกลงกันก่อนที่จะคบกัน เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน เช็คดูว่า ต่างฝ่ายต่างมองไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ความสัมพันธ์แบบนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จเลย หากอีกฝ่ายรู้สึกขัดแย้งทางความคิดหรือมีความนิยมไม่เหมือนกัน แรกๆ อาจจะยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้เพียงเพื่อต้องการคบกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับรู้สึกอยากครอบครองและต้องการผูกมัด จึงเริ่มล่วงล้ำข้อตกลง คู่ที่เริ่มแบบนี้มักจะจบลงด้วยการเจ็บปวด เสียใจ และเคียดแค้นซึ่งกันและกัน กลายเป็นจุดด่างพร้อยของความรักไปในที่สุด เพราะฉะนั้น หากอยากจะเริ่มความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดนี้ ก็จำเป็นต้องพูดคุยให้เข้าใจตรงกันอย่างแจ่มแจ้ง

+ ชั่งใจในข้อดี ข้อเสีย ก่อนเริ่มความสัมพันธ์แน่นอนว่า ข้อดีที่สุดของความสัมพันธ์แบบนี้ คือการมีอิสระ ไร้พันธะ อยากทำอะไร ไปที่ไหน ไปกับใคร ก็สามารถทำได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือกังวลว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร แต่ข้อเสียก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะความสัมพันธ์แบบนี้มักจะเป็นการคบกันไปเรื่อยๆ แบบไม่มีอนาคต พอเจอคนที่ถูกใจกว่าก็ทำตัวเหินห่างไปได้โดยไม่ถือว่าผิด แต่บางคนอาจจะเผลอจริงจังไปแบบไม่ตั้งใจ กลายเป็นการตัดโอกาสที่จะเจอคนที่ใช่ ใครที่กำลังรู้สึกแบบนี้ บอกได้เลยว่าคุณไม่เหมาะกับความสัมพันธ์แบบไร้พันธะเช่นนี้ หากคุณไม่อยากไปต่อกับความสัมพันธ์แบบนี้ ขอแนะนำให้บอกอีกฝ่ายไปเลย ดีกว่าทนคบแล้วสุดท้ายก็เสียใจ มันเสียเวลาค่ะ

Did you know?

          บางคนเลือกความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดเพราะมองว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้มีคู่เพียงคนเดียว ผู้คนร้อยละ 97 บอกว่าพวกเขาไม่ยอมรับการนอกใจ แต่ถ้าสังเกตสถิติของการนอกใจ จะเห็นว่าตัวเลขค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ดังนั้นหลายๆ คนจึงเลือกที่จะมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดเพื่อหลีกเลี่ยงการนอกใจนั่นเอง


'Low Season สุขสันต์วันโสด' ว่าด้วยทริปล้างใจและรักครั้งใหม่ของสาวเห็นผี

พล็อตหลักของหนังเรื่อง Low Season ทำให้นึกถึง Spellbound หนังเกาหลีที่ฉายเมื่อปี 2554 “หลิน” กับ “คังโยริ”

     “เป็นนางเอกที่มีชีวิตอยู่ในวังวนของการมองเห็นผีและประสบปัญหาเดียวกัน ที่กระทบกับความสัมพันธ์ของเธอทั้งคู่ แม้ของเกาหลีจะโหดกว่าด้วยบทบาทจองล้างจองผลาญบางประการของผี ทำเอานางเอกอยู่ใกล้ใครโดยที่คนคนนั้นไม่โดนหลอกไม่ได้เลย ในขณะที่หนังผีของไทยดูจะเป็นการมองเห็นแบบแรนด้อม มองเห็นไปเรื่อย แบบที่ผีไม่ได้ตั้งใจหลอก แต่ถึงกระนั้นหลินก็ต้องอกหักเพราะปัญหานี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงครั้งล่าสุดนี้ด้วย”

 

หลิน อกหักจากแฟนหนุ่มรุ่นพี่ที่ตอนนี้กลายเป็นศิลปินชื่อดังแล้ว เธอเก็บกระเป๋าและพกพาความเศร้าออกเดินทางทริปล้างใจขึ้นกิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่ สถานที่แห่งความทรงจำของรักครั้งนี้ ด้วยความตั้งมั่นว่า “เริ่มที่ไหนต้องจบที่นั่น” กระทั่งได้พบกับ พุธ หนุ่มนักเขียนบทที่เพิ่งถูกแฟนทิ้งมา แล้วจับพลัดจับผลูไปอยู่โฮมสเตย์คนโสดในบรรยากาศท่ามกลางสายหมอกและหุบเขา ได้เจอผู้คนใหม่ๆ สหายร่วมชะตากรรมอกหักทั้งหลาย ได้ผจญภัยลุยเขาหนีผีเฮฮาในช่วงเวลาสั้นๆ จนค้นพบความรู้สึกที่อาจจะกลายเป็น “รักครั้งใหม่” ของตัวเอง

 

โดยหน้าหนังแล้ว Low Season เป็นหนังตลกที่จริงจังกับความตลกเอามากๆ โดยที่หนังไม่ได้พยายามทำ “เกินตัว” แต่อย่างใด เหมือนตั้งมั่นว่าคนดูจะต้องหัวเราะก่อนแล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ซึ่งทำสำเร็จด้วยนะ มันตลก สนุก เป็นธรรมชาติ จัดลำดับมุขตลกต่างๆ นานา พร้อมกับดำเนินเรื่องได้ดี เคมีของพระนางก็ดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลอยไพลิน ตั้งประภาพร บล็อกเกอร์สาวในชีวิตจริง ผู้รับบทนางเอกในเรื่องนี้เป็นครั้งแรกนั้น มีธรรมชาติที่เหมาะกับการเป็นนางเอกหนังรอมคอมเป็นอย่างมาก เรียกว่าดูแล้วชวนรัก ชวนเอาใจช่วย

 

นอกจากเป็นหนังตลกแล้วเรายังได้เห็น “มิติทางความสัมพันธ์” เชื่อว่าไม่ว่าใครก็อยากรักกับคนที่ “เข้าอกเข้าใจกัน” “คุยกันรู้เรื่อง” “เข้ากันได้” แต่เอาเข้าจริงคำเหล่านี้ให้ความหมายที่ค่อนข้างกว้าง อาจต้องขยายความอย่างละเอียดหรือเฉพาะเจาะจงว่าคืออะไรบ้าง แล้วถ้าวันหนึ่งคนรักของเราบอกว่า ที่เขาตกอกตกใจเพราะเห็นผี เราจะเชื่อมั้ย แล้วจะทำยังไงต่อไป จะหวาดกลัว อยู่เคียงข้าง บอกว่าเข้าใจแต่พาเขาไปพบจิตแพทย์ หรือจะทำยังไงดี

 

ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ ที่ไม่ใช่เห็นผี แต่เป็นเรื่องที่เชื่อยากคล้ายๆ กัน หรือเป็นเรื่องที่เราคิดว่าไม่สลักสำคัญ เราจะปัดมันทิ้ง แล้วทำให้เขาไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเราอีกเลย จนกลายเป็นที่มาของความไม่เข้าใจหรือไม่

 

ดูหนังเรื่องนี้จบอย่างมีความสุขแล้วก็รำพึงรำพันกับตัวเองว่า ในรอมคอมทุกๆ เรื่อง มีแง่มุมความสัมพันธ์ที่ชวนขบคิดอยู่ในนั้นเสมอเลย ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดีจริงๆ

 

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่โดดเด่นและ Low Season ทำได้ดีก็คือ การใช้ฉากหลังป่า เขา ดอย หมอก แห่งหน้าฝนภาคเหนือมาช่วยสร้างบรรยากาศ เลือกนำเสนอได้ดีด้วยค่ะ ไม่เห็นสิ่งที่เป็นจริตนักท่องเที่ยว แบบที่ถ่ายแต่แลนด์มาร์คหรือสถานที่สำคัญๆ แต่ได้เห็นความสวยงามของธรรมชาติภาคเหนือจริงๆ

 

 

ใครที่เพิ่งอกหัก เก็บกระเป๋าขึ้นเหนือไปล้างใจตามรอยหนังเรื่องนี้กันได้ ขอให้สดชื่น ได้เติมสิ่งดีๆ สู่หัวใจ และขอให้ไม่เจอผีนะ ทุกคน : )

 

HUG Magazine

คอลัมน์: สวมแว่นสีชมพูดูหนัง 

เรื่อง: รอมคอมแอดมิน


ดูดีแบบคนดัง 'ต้อม-ณหทัย พิจิตรา'

          ผู้หญิงเปรียบเหมือนพริกที่ยิ่งมีอายุมากขึ้นก็ยิ่งเผ็ดแซ่บ มีเสน่ห์ที่สาวน้อยทั้งหลายสู้ไม่ได้ ไม่งั้นหนุ่มๆ จะตกหลุมรักสาวรุ่นพี่กันมากมายทำไม อย่างพี่ต้อมที่บอกไปก็ไม่ใครเชื่อว่าอายุย่างเข้า 50 แล้ว เพราะยังคงความหน้าเด็กไว้ ดูสดใสไม่ต่างจากดารารุ่นเล็กที่เล่นละครด้วยกันเลย และขอย้ำให้ชัดๆ ว่า ไม่ได้ผ่านมีดหมอมาแต่อย่างใด แบบนี้แล้วต้องกราบขอเคล็ดลับความงามค่ะ

 

 

เคล็ดดูแลผิวที่ใครก็ทำได้

         พี่เน้นวิธีธรรมชาติ ชอบการบำรุงทั้งผิวหน้าและผิวกาย อาบน้ำเสร็จต้องทาครีมบำรุงทันที ใช้ของดีมีคุณภาพ ตอนนี้คิดสูตรเซรั่มเอง ใช้เวลาเป็นปีปรับปรุงจนได้สูตรที่ดูแลผิวของคนวัยพี่ได้ ใช้เองแล้วพอใจ กระชับรูขุมขน ชื่อ อูม่า ซูเปอร์เซรั่ม และนอกจากบำรุงภายนอกแล้วต้องดูแลภายในด้วย พี่ฝึกสมาธิมาตั้งแต่อายุ 18 คิดเสมอว่าถ้าจิตใจเราดีย่อมส่งผลสู่ภายนอก ผิวพรรณดูอ่อนวัย สดใส คนเราต้องดูแลทั้งกายและใจ

 

สวยเร็วแต่พังไว

        พี่ไม่ค่อยเห็นด้วยนะ การฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้าร่างกายตัวเอง เพราะส่งผลเสียในระยะยาว อย่างเมื่อก่อนเคยฮิตฉีดซิลิโคนที่หน้า สุดท้ายหน้าพังกัน อะไรที่ไม่ใช่ธรรมชาติอย่าไปยุ่งกับมันมาก นอกจากจำเป็นจริงๆ แต่อย่าถึงขั้นเสพติด สมัยนี้สาวๆ ผิวดีมาก อายุแค่ 20 ต้นๆ แต่ร้อยไหมทั้งหน้าแล้ว ทำไมไม่ให้โอกาสบำรุงผิวอย่างจริงจังบ้าง ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า นั่นไม่ใช่แนวทางที่ดี อยู่ในวิถีธรรมชาติดีที่สุด

 

 

แค่กินก็หุ่นดีได้

        ควบคุมแป้ง กินในปริมาณน้อย แค่เฉพาะมื้อเช้าเท่านั้น พี่ใช้วิธีกินข้าวไม่เกิน 5 คำ มื้อเที่ยงกับมื้อเย็นงดแป้ง นอกนั้นกินทุกอย่างยกเว้นเนื้อวัว เพราะไม่กินตั้งแต่เด็กแล้วเพราะย่อยยาก ส่งผลให้ร่างกายทำงานหนัก แก่เร็ว และพี่ไม่กินเผ็ด ไม่เคยอดอาหาร กินครบสามมื้อ ออกกำลังกายไม่หักโหม ทำตามวัย เพื่อให้หัวใจทำงานสูบฉีด สิ่งสำคัญคือควบคุมเรื่องอาหารที่กิน ต้องมีสติ เอาสมาธิมาใช้ในเรื่องกินได้ด้วย รู้สึกตัวว่ากินเยอะไปนะ หรืออิ่มก็วางช้อน เพราะร่างกายเผาผลาญไม่ทัน คนสมัยนี้เป็นเบาหวานกันเยอะ ปกติไม่กินพวกเบอร์เกอร์ ไก่ทอด พวกนี้เป็นโทษ หาความรู้ให้ตัวเองมากๆ แล้วคุณจะมีสติในการเลือก รู้ว่าสิ่งที่กินเข้าไปเป็นโทษยังไง

 

 

ความรักไม่มีข้อแตกต่าง

      อะไรที่ได้มาง่ายๆ คนมักไม่เห็นคุณค่า ยุคสมัยใหม่มีเทคโนโลยีเอื้ออำนวยให้ติดต่อกันสะดวกสบาย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่า ถ้าไปกันไม่รอด แยกทางกันไม่ผิด สมัยก่อนมีนะ แต่ยุคนั้นไม่มีการออกสื่อเปิดเผย แต่เดี๋ยวนี้ใครมีแฟนก็ถ่ายรูปโพสต์ลงไอจีให้รู้ว่ามีแฟน พอไปไม่รอดก็รู้กันหมด พี่ยังเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส ถ้าใช่จะคลิกกันเอง บางคนศีลไม่เสมอกัน แต่ปรับตัวเข้าหากัน ขอแค่อย่าคิดว่าความรักเป็นเรื่องสนุกแล้วล่าแต้ม ความคิดนี้ป่วย ล้าหลัง แสดงว่าคุณไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่ว่าชายหรือหญิงที่คิดแบบนี้คือมีปัญหาทางใจ เรียกร้องความสนใจ สุดท้ายชีวิตจะเหลวแหลก ไม่มีคุณค่า หาคู่ที่มีคุณค่าจริงได้ยาก

 

 

HUG MAGAZINE

ดูดีแบบคนดัง

พี

ขอบคุณภาพประกอบ @tom_nahatai

Tom-Nahatai’s Tip

     "พี่ถือศีลห้ามานาน เมื่อคิดหรือจะทำสิ่งไม่ดี ศีลจะดึงไว้ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง ทำบุญเยอะมาก ให้ทาน รักษาศีล หรือพิธีกรรมทางศาสนา ยิ่งเป็นผู้ให้ก็ยิ่งได้ สิ่งแรกคือได้ความสุข ทันทีที่ทำบุญก็รู้สึกอิ่มเอมใจ ส่งผลถึงภายนอกให้ดูสดใส มีพลัง คิดดีทำดี ชีวิตมีความสุข ผิวพรรณก็สวยงามไปด้วย"



"มีวันนี้เพราะเมียให้" บุญโทน คนหนุ่ม

พ่อบุญโทน & แม่นก

ขอเชิญฟังเรื่องราวรักของเจ้าพ่อเพลงแหล่ สมชาย สุขสวัสดิ์ชล หรือพ่อบุญโทน คนหนุ่ม วันนี้เขาไม่ได้มาแปลงเพลง แต่มาเปิดหัวใจถึงความรักความผูกพันที่มีให้แก่ภรรยาคนสวยข้างกาย แม่นก กันตา วาจะเสน ซึ่งเป็นแรงหนุนและแรงกระตุ้นที่ดีจนเขามีวันนี้ได้ เธอช่วยเขาสร้างครอบครัวให้อบอุ่น และให้กำเนิดทายาทที่ตามรอยพ่อมาติดๆ ลาดา สุขสวัสดิ์ชล หรือลาดา อาร์สยาม

เพลงวันนี้จึงเป็นจังหวะสนุกปนความอบอุ่นหัวใจถึงที่สุดทีเดียว

เกลียดแบบไหนได้แบบนั้น

          ก่อนเข้าสู่เส้นทางดนตรีเต็มตัว พ่อบุญโทนเป็นช่างตัดผมผู้ชายในจังหวัดราชบุรี จนแม่นกได้มาพบในฐานะคนพาลูกค้ามาที่ร้าน แต่กามเทพก็ยังไม่แผลงศรรัก เมื่อแม่นกไม่ชอบหนุ่มร่างสูงที่ชอบร้องเพลงแปลงคนนี้

แม่นก: ไม่ค่อยคุย เพราะไม่ชอบเขาเลย เขาเป็นนักร้องวงประจำจังหวัดราชบุรี ชอบร้องเพลงแปลง ซึ่งเพลงแนวนี้มีความหมายสองแง่สองง่าม เวลาไปงานไหน แล้วเจอวงเขามาเล่นดนตรี จะพูดกับพี่สาวว่าเจออีตาคนนี้อีกแล้ว ตานักร้องลามก กลับบ้านเลย (หัวเราะ) ยังไม่ทันคุยกันเลยด้วย

พ่อบุญโทน: จากนั้นผมไปอยู่กรุงเทพฯ ได้หลายปี กลับมาเยี่ยมแม่ เจอเพื่อนๆ เพื่อนเขากับเพื่อนผมรู้จักกัน เลยได้คุยกัน ตอนนั้นผมโสดอยู่ ถามนกว่ามีแฟนหรือยัง พอรู้ว่าไม่มี ยังย้อนเลยว่าสวยขนาดนี้ไม่มีได้ยังไง (ยิ้ม) เลยมาคบกัน พาเดินสายร้องเพลงทางใต้กับพวกพี่เอกชัย ศรีวิชัย, พุ่มพวง ดวงจันทร์ สมัยนั้นไม่ได้พักโรงแรมหรอก นอนกันในรถ บางทีก็ศาลาวัด ค่ำไหนนอนนั่นตามประสาวงดนตรี การเดินทางก็เสี่ยง ลงใต้ปีละสามเดือน พอกลับมาก็แต่งงานกัน ผูกข้อมือทำพิธีไหว้ผีแบบต่างจังหวัดเรียบง่าย คนมางานสิบกว่าคนเอง บางคนมองว่า คบกันไม่นานทำไมแต่งแล้ว แต่จริงๆ เรารู้จักกันมาเก้าปี เจอตั้งแต่เขาอายุ 14-15 

 

เนื้อคู่ที่แท้จริง

พ่อบุญโทน: ผมเป็นคนเอาแต่ใจ ไม่ยอมตามใคร ผู้หญิงที่เคยคบตามผมหมด วันหนึ่งถามนกว่าผมควรแต่งตัวแบบนี้ไหม นกแนะว่าต้องแต่งแบบนั้นแบบนี้สิ คิดว่า เออ ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ถามอะไรก็ “แล้วแต่พี่” เวลามีปัญหาปรึกษานกแล้วได้คำตอบทุกเรื่อง (ยิ้ม) เป็นที่ปรึกษาได้ คุยกันรู้เรื่อง เราไม่ได้ขัดคอกัน ต่างช่วยออกความเห็น ถ้ามัวแต่ “แล้วแต่พี่” แต่งงานไปคงเหนื่อยตาย เพราะนำอยู่คนเดียว

แม่นก: ครอบครัวเขา ให้หัดทำงานหาเงินเอง ตอนที่มาอยู่ด้วยกันไม่มีเงิน มีแต่ชีวิตกับตัวและหัวใจ คนที่จีบเราล้วนแต่มีเงิน มีฐานะทั้งนั้น แม่ก็เชียร์ให้แต่งกับคนนั้นคนนี้ พอเขาเจอ ก็คิดว่าทำไมคนนี้เถียงเราล่ะ ผู้ชายคนอื่นที่มาจีบ ไม่มีใครเถียงเลย มีแต่ยอมเราตลอด ซึ่งผู้ชายแบบนั้นเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ได้แน่ ถามอะไรก็ “แล้วแต่เธอ” ต่างกับเขาที่ให้ความคิดเห็น เสนอว่าต้องแบบนั้นแบบนี้ แสดงว่าคนนี้ดี 

  พ่อบุญโทน: ผมเริ่มมีชื่อเสียง งานเยอะขึ้น นกก็ขอให้เขาทำหน้าที่รับงานแทนได้ไหม จัดตารางงานให้ เพราะสงสารที่เจ้าภาพโทร.มาจ้างงานตอนเจ็ดโมงเช้า ผมที่เพิ่งนอนตอนตีห้าก็ต้องตื่นมาจดงานผิดๆ ถูกๆ และสมัยนั้นแผนที่ไม่ค่อยมี ต้องโทร.ถามเจ้าภาพว่าเลี้ยวตรงไหนยังไง นกจัดการได้ดี เลยรู้สึกพึ่งพาอาศัยได้ ผมไม่สามารถเป็นผู้นำคนเดียวนะ บางเรื่องต้องให้เขาจัดการ

   แม่นก: ต้องศึกษาว่าจากกรุงเทพฯ ไปจังหวัดนั้นยังไง กี่ร้อยกิโล แล้ววิ่งรอกได้ไหม เสร็จงานนี้แล้วไปอีกงานได้หรือไม่ สมัยก่อนคาเฟ่ดังๆ เล่นครั้งละ 600-800 บาทต่อที่ วิ่งสี่ที่ต่อคืน เห็นสภาพแล้วเหนื่อย ให้ลองรับงานต่างจังหวัดดีกว่าวิ่งรอกแบบนี้ ยิ่งสมัยก่อนเศรษฐกิจดีมาก ครั้งละเป็นหมื่น รับงานบวชบ้านนี้เสร็จแล้วไปงานอีกที่ยังได้

 

ทุกข์สุขร่วมเผชิญ

                ช่วงสุขก็สุขด้วยกัน ช่วงทุกข์ก็ทุกข์ด้วย นี่แหละคือบททดสอบที่แท้จริงของคู่ชีวิต ดังเช่นพ่อบุญโทนกับแม่นกที่เจอช่วงมรสุมใหญ่เข้ามา งานหาย เงินหมด ลำบากลำบนอยู่นานกว่าจะได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นคือบทเรียนสำคัญที่ทำให้พ่อบุญโทนได้คำตอบชัดเจนในใจ

         พ่อบุญโทน: เวลาทำอะไรให้นึกว่าตอนลำบาก เขานอนทุกข์กับเรา เวลาพอเรามี เขาก็ต้องอยู่ด้วยเหมือนเดิม เราสองคนแบ่งกันกินมาม่า ตกต่ำหมดเงินอยู่นาน ก็แต่งเพลง อัดเพลงวันแรกก็ได้มาสองแสนห้า อีกเดือนดังเลย เข้ามาวันละแสน เอาเงินไปซื้อที่ เหลือไม่กี่หมื่น เก็บใหม่ เริ่มต้นใหม่ นกบอกว่าเราต้องมีบ้านอยู่แล้วนะ เช่าอยู่แบบนี้อนาคตจะไม่มีอะไร ผมถามว่าเอาเงินที่ไหนไปปลูกบ้าน เพราะผมไม่ชอบบ้านที่ขายเป็นหลังๆ หน้าตาเหมือนกันหมด นกเลยเปิดสมุดจดงานให้ดู แจกแจงว่าจะมีงานนี้เข้ามา ได้เงินเท่านี้ วางมัดจำเท่านี้ จะเหลือเท่านี้ เขาเก่งนะ ผมไม่เป็นเรื่องพวกนี้เลย

          แม่นก: ดีที่มีในตอนที่ผ่านเรื่องมาแล้ว ไม่งั้นหมดเหมือนเดิม เพราะก่อนนั้นเราปล่อยให้เขาไปเที่ยวกับลูกน้อง ให้ทำอย่างที่อยากทำ จนหมดสัญญากับค่ายเก่า เงินก็ไม่มี ที่ใหม่ก็ไม่มี ลำบากอยู่นาน มีพี่โทร.ชวนให้ไปทำงานที่บริษัทสมาร์ทบอม มีน้องเท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ อยู่ ตอนนั้นเท่ห์กำลังดัง เลยเอาเพลงมาแปลง ทำให้ฟื้นขึ้นมาได้ แล้วพอทำบ้านก็โดนผู้รับเหมาโกงอีก หมดไปสองล้านยังไม่ได้บ้านเลย สรุปบ้านนี้หมดไปสี่ล้าน

         พ่อบุญโทน: ตอนขึ้นบ้านใหม่เราไม่เหลือเงินสักบาท (หัวเราะ) ตั้งแต่นั้นมาพอมีเงิน ก็เก็บเป็นของเลย กลัวหมดอีก พอมีบ้านก็คิดแล้วว่าถ้าเรามีลูกล่ะ คนจีนที่ราชบุรีชอบซื้อคอนโดฯ ที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งลูกมาเรียนกรุงเทพฯ ไม่ต้องตีรถไปกลับ ค้างได้เลย ผมก็เดินตามเขา คนจีนวางแผนไว้ดี หันไปบอกแม่นก เราต้องซื้อคอนโดฯ ละ

 

ทองเนื้อแท้

         พ่อบุญโทน: อยู่กันวันแรกก็รู้แล้วว่าคนคนนี้ยอมตกระกำลำบากกับเรา บางคู่ศึกษาชีวิตซึ่งกันและกันน้อยไปหน่อย และบางคู่ก็มากไปหน่อย น้อยไปคือคบกันสั้นๆ สวยอยากได้ หล่ออยากดี ส่วนที่นานคือคบกันจนเบื่อ แต่อีกคนเลิกไม่ได้ต้องแต่งงาน พอแต่งแล้วก็มีความคิดว่าไม่น่าแต่งเลย จะผู้หญิงหรือผู้ชาย วันแรกที่เจอกันนิสัยเป็นไงเปิดเผยให้หมด แสดงออกมาเลยว่าฉันมีความคิดเห็นแบบนี้ เป็นคนแบบนี้ แล้วเธอเป็นไง อย่าคิดว่าอนาคตค่อยว่ากัน ไม่ได้นะ เกิดวันแรกตามใจทุกอย่าง ทำไมนานไปขัดใจฉันตลอด ก็กลายเป็น รู้แบบนี้ไม่น่าแต่ง คนที่เลิกกันจะพูดแบบนี้ทุกคน

          แม่นก: ความรักนานวันเริ่มจางลง มีแต่ความผูกพันเพิ่มขึ้น ไม่เจอก็ไม่ได้ แต่เห็นก็เบื่อ (หัวเราะ) ห่วงแต่ลูก สามีก็น้อยใจ บ่นว่าดูแต่ลูก ไม่ดูแลเขาเลย (ยิ้ม) เริ่มรู้ละว่าทิ้งเขาให้เหงา บอกลูกว่าถ้างานไหนพาป๊าไปได้ พาไปด้วยกันนะ ชีวิตคู่ต้องมีความผูกพัน และการให้อภัยสำคัญที่สุด ผู้ชายมีเที่ยวอยู่แล้ว คนอื่นรับไม่ได้ที่สามีไปนั่งร้านที่มีสาวๆ แต่เราขับรถไปรับส่งที่หน้าร้านให้เลย เพื่อนเขาหลบกันใหญ่ (หัวเราะ) อยากได้ไปซื้อกิน ขออย่างเดียวอย่ามีเมียน้อย ผู้หญิงทุกคนทนไม่ได้ พอเราให้อนุญาตสามียิ่งเกรงใจ ไม่ไปเที่ยวไหน เบื่อแล้ว และพี่เขาเป็นคนไม่โกหก จะเล่าหมดว่าไปไหนมา เจอใครมา เลยสบายใจ เราเป็นคนไม่หวง ขอให้รักครอบครัว อย่าไปค้างที่อื่น ถึงเวลากลับบ้าน

         พ่อบุญโทน: เจอกันวันแรกบอกเลยว่า ผมเป็นคนดื่มนะ เพราะอยู่ร้านอาหาร ถ้าไม่ดื่มเขาก็ไม่ให้รางวัล แต่ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเมียน้อย ผมทำงานอยู่ห้องอาหารตั้งแต่ประถม เจอทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็กเสิร์ฟ เหล้าบุหรี่ แคชเชียร์เป็นเมียนักดนตรี คนนั้นได้เมียเด็กเสิร์ฟ ทะเลาะเบาะแว้งกัน สังคมคนกลางคืนวุ่นวาย นกรู้จักให้โดยธรรมชาติ ให้ผมไปกับเพื่อน กินกันยันสว่าง ไม่ตาม ไม่โทร.ถาม บอกแค่ไปกับใครยังไงก็พอ เราก็ละอายใจ จะมีเมียคนไหนดีแบบนี้ เพื่อนทุกคนพูดเลยว่าผมมีอภิชาติเมีย (ยิ้ม) อยากได้เมียแบบนี้ ให้ไปหาเอาเอง (หัวเราะ) บางครั้งไปงานก็มีผู้หญิงมานั่งด้วย นกอยู่ตรงนั้นก็เฉย ไม่ว่าอะไร บางคู่ตีกันตายไปแล้ว หรือบางคนเมียปล่อยให้ไป ก็หายไปเลย คือไม่คิดถึงความดีของเมีย ผู้ชายต้องเห็นความดีของผู้หญิง ต้องทำตัวเป็นผู้ชายที่ดีบ้าง

 

ผัวหาบเมียคอน

พ่อบุญโทน: สถาบันครอบครัวมีได้สถาบันเดียว ถ้ามีบ้านหลายหลัง มีเมียหลายคน ยุ่งเหยิงวุ่นวาย เพื่อนผมเป็นแบบนี้จริง ตอนแรกยิ้ม มีเมียสองคน พอลูกเมียสองบ้านไม่ดีกัน มีปัญหาก็ไล่ บอกให้พ่อไปบ้านนั้นสิ หรือบ้านนี้ไม่มีเงินก็บอกว่าพ่อให้แต่บ้านนั้น โห ชีวิตโคตรวุ่นวาย และวลีประจำที่ได้ยินเสมอคือ “เขาดีเกินไป เราไม่เข้าใจกัน” จริงๆ ไม่ได้ดีเกินไปหรือไม่เข้าใจกันหรอก แต่ความไม่พอทำให้ไปไม่รอด

แม่นก: หลักบ้านเราคือให้และอภัย หลายคนบอกหมดโปรฯ แล้วความรักไม่มีเหลือ ที่จริงความรักไม่ใช่แค่รัก แต่มันเป็นความผูกพัน เวลาป๊ามาคอนโดฯ ลาดาชอบแซวว่าคนเสียงดังมาแล้ว ไม่สงบแล้วนะ (ยิ้ม) แต่พอป๊ากลับบ้าน ก็ห่วง ถามว่าถึงหรือยัง กลับยัง มันคือความผูกพันที่เลิกกันไม่ได้

พ่อบุญโทน: ที่เราอยู่ด้วยกันได้เพราะช่วยกันทำงาน หลายคู่สามีทำงานนอกบ้าน เมียทำงานในบ้านเลี้ยงลูก หรือต่างฝ่ายต่างไปทำงาน กลางคืนกลับมาเจอกัน สองอย่างนี้ถ้าไม่ประคองให้ดีก็ไม่รอด ที่ผมรอดเพราะทำงานด้วยกัน อย่างมีถ่ายละครแต่เช้า นกไปด้วย บางทีผมง่วง เขาก็ขับรถแทน มีงานร้องเพลง นกแต่งหน้าทำผมให้ เก็บเงินจากเจ้าภาพ ดูแลให้หมด สามีภรรยาที่ทำงานด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน กินนอนเหมือนกัน โอกาสที่จะเลิกกันนั้นยาก มีที่อยู่ด้วยกันแล้วเบื่อ แต่มีลูกแล้วยังไงก็อยู่ด้วยกันจนตาย ทุกอย่างเราสองคนไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแล้วละ ทำเพื่อลูกแทน

         “เมื่อมีลูก ทุกอย่างมุ่งไปที่ลูก เลี้ยงให้ดีแล้วครอบครัวจะเจริญ หน้าที่ผมคือทำงาน บางงานผมไปกับลูกน้อง ฝากนกดูแลลูกให้ดี จนตอนนี้ลูกกับแม่หน้าตาเหมือนกัน นิสัยเหมือนกัน พูดเร็วเหมือนกัน (หัวเราะทั้งคู่) นกดูแลลูกอย่างดี ขัดเกลา คอยสอน ประคบประหงม สอนทุกอย่าง ชีวิตคนเราถ้าไม่มีลูก จะเอาอะไรเป็นที่พึ่งทางใจ”

 

ปัญหาแก้ไม่ยากถ้ายอมกัน

พ่อบุญโทน: แนะให้ทุกคู่เอาวิธีนี้ไปใช้ ผัวเมียเถียงกันต้องแบบนักโต้วาที คุณเอาไปก่อนหนึ่งนาที พูดมา แล้วตาผมพูดต่อ กว่าจะรอแต่ละนาทีก็เย็นไปแล้ว ถ้าพูดคำโต้คำ ทะเลาะกันล่ะ คู่ไหนทะเลาะกันบ่อยๆ เลิกกันง่าย อยู่กันไม่ได้หรอก มันสั่งสม เหมือนตกตะกอนรอกวนให้ขุ่น

แม่นก: เราต้องรอให้อีกฝ่ายเย็นก่อนแล้วค่อยคุย ไม่มาเถียงกัน ฟังเขาจนจบแล้วเรามีความคิดเห็นยังไงก็บอกเขาไป บางทีพูดมากก็ปล่อยทั้งคืนเลย เช้ามาเงียบละ แถมลืมด้วยว่ามีเรื่องอะไร (หัวเราะทั้งคู่) เรื่องลูกก็เหมือนกัน ถ้าแม่กำลังอบรบอยู่ ป๊าห้ามเข้ามา หรือถ้าป๊าสอนอยู่ แม่ก็ไม่เข้าไป

พ่อบุญโทน: เดี๋ยวเป็นการให้ท้ายลูก ลูกจะรักพ่อแม่ไม่เท่ากัน เวลาลาดาดื้อ ผมจะให้ทุกคนไปอยู่หลังบ้านหมด เหลือผมกับลูกหน้าบ้าน และอบรมตรงนั้น อบรมเหมือนครูสอนนักเรียน มารยาทความถูกต้อง อย่าดื้อดึงเอาแต่ใจตัวเอง ลูกรู้ว่าทำผิดในเรื่องไหน อย่าทำ จะเป็นนิสัยเสียในตอนโต ลูกร้องวี้ดๆ ไม่ดีนะ เสียงวี้ดๆ ทำให้ป๊าเจ็บหู แล้วเสียงลูกก็จะเสียด้วย จะเป็นนักร้องไม่ได้นะ ทั้งปลอบ ดุ ชม แต่อย่าตี ไม่เคยตีลูกสักครั้ง ลูกขอโทษก็กอดกันหอมกัน

 

ลดตัวเอง เติมครอบครัว

แม่นก: ผู้หญิงอย่ามานั่งเถียงกัน ให้ฟังอีกฝ่าย ถ้าโมโหก็ให้เดินหนีไปก่อน พอเย็นแล้วค่อยกลับมาคุยกัน และสำคัญคือการให้อภัย เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต เรื่องไหนปล่อยได้ปล่อย เตือนได้เตือน ลืมบางเรื่องไปบ้าง อย่าไปฟังคนอื่นเยอะ ชีวิตคู่ไม่ได้อยู่กับชาวบ้าน อยู่กันแค่คนสองคน สามีภรรยาต้องคุยกัน อย่าให้คนนอกมาก้าวก่ายในเรื่องของเรา ตรงนี้สำคัญมาก

พ่อบุญโทน: ผมเข้าใจผู้ชายนะ วันแรกที่แต่งงานผู้หญิงคนนั้นสวยที่สุดสำหรับคุณ หลังจากแต่งแล้วอย่าดูแค่ภายนอก ต้องดูภายในจิตใจของเขาว่าสวยไหม อย่าเอาตัวเราเป็นใหญ่ ต้องดูว่าคนที่อยู่ด้วยเขาดีขนาดไหน หลังจากที่ข้างนอกเหี่ยวเฉา เริ่มแก่ โรยรา สายตาสั้น หนังหย่อน แต่ในใจสดชื่นสดใสเต่งตึงตลอดเวลา วันแรกสวยนอก ต่อๆ มาคือสวยใน คิดแบบนี้แล้วไม่มีใครเลิกกันหรอก ผู้ชายต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ดีที่สุด ถ้ามีลูก หน่อไม้เริ่มแตกหน่อแล้ว ผู้ชายที่ดีต้องทำให้หน่อไม้ที่เราสร้างขึ้นมาโตให้ได้ โตให้สมบูรณ์มีอนาคต  

          “การที่เราสร้างเด็กขึ้นมาหนึ่งคนบนโลกนี้ อย่าผลักไสลูกให้เป็นภาระของสังคม ควรเป็นภาระของพ่อแม่เท่านั้น ผมไม่เคยบอกว่าครอบครัวผมล้ำเลิศประเสริฐศรี แต่พูดได้ว่าลูกผมไม่เคยเป็นภาระของสังคมเลย ทำข้อนี้ได้คุณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด อย่าคิดว่าทำงานเป็นหลัก หาเงินเป็นใหญ่ หามาแทบตายลูกไม่ได้ใช้เพราะไปเสียคน ติดคุกติดตะราง ต้องคิดให้ดี มีโฆษณาที่บอกว่าวันนี้เรากอดกันหรือยัง หอมกันหรือยัง บ้านผมก็ทำ มันสำคัญนะ”

 

แม่นก: ทุกวันนี้สามคนพ่อแม่ลูกยังหอมแก้มซ้ายขวาหน้าผากก่อนออกจากบ้าน

 

รักที่ถูกต้องไม่ใช่ที่ถูกใจ

พ่อบุญโทน: ผมบอกเด็กวัยรุ่นทุกคนว่า การเลือกคู่เพราะถูกใจนั้นไม่ถูกต้อง ถ้าเลือกถูกต้องอาจไม่ถูกใจ เลือกหล่อสวย สักวันก็ไม่หล่อไม่สวย อย่าเอาข้างนอกเป็นหลัก อย่าเอาความรักเป็นหลัก อย่าเอาทรัพย์สินมาตัดสินความรัก เราต้องเอาความถูกต้องของคนสองคนที่จะมาอยู่ด้วยกัน แล้วเราจะมีความสุขตลอดชีวิต เพราะมีความถูกต้องในครอบครัวเท่านั้น คนที่เป็นแบบนี้จะเป็นครอบครัวที่ยั่งยืน พวกถูกใจจะไม่รอด

แม่นก: ลาดาจะบอกทุกอย่างว่ามีคนมาจีบแบบนี้ ลูกเต้าเหล่าใคร คุณแม่โอเคไหม ถ้าคุณแม่ไม่โอเค ลูกจะไม่คุยต่อด้วย แล้วถ้าใครมาชอบ ถ้าไม่รักครอบครัวเรา ลาดาไม่คุยด้วย ลาดาเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้อะไรจากพ่อแม่ไปเยอะ จะสอนเหมือนที่ป๊าบอกคือ อย่าเอาความถูกใจ ให้เอาความถูกต้อง อย่าเอาของเพื่อน ของพี่ ของน้อง ห้ามแตะห้ามยุ่ง ของคนใกล้ตัวอย่าไปอยากได้ บางทีถูกใจเราแต่มันไม่ถูกต้อง

พ่อบุญโทน: พ่อแม่เป็นแม่พิมพ์ของลูก พิมพ์ลูกมาสักคน เขาก็ต้องดูว่าทำไมพ่อแม่ถึงอยู่ด้วยกันนาน ทำไมเลี้ยงดี ทำไมไม่ตามใจในสิ่งผิด ไม่ใช่พ่อแม่รังแกฉัน อยากได้อะไรหัดทำงานซื้อเอง พ่อแม่ซื้อให้ได้นะ แต่เขาจะทำเองไม่เป็น กลายเป็นว่าเดี๋ยวรอผู้ชายซื้อให้ มาหลอกอีก ยุ่งเลย

 

แทนความห่วงใยที่มีให้กัน

พ่อบุญโทน: ผมชอบบ่น เมื่อก่อนพูดมาก ตอนนี้ก็ยังพูดมาก ขอโทษด้วย เมื่อก่อนผมขอโทษไม่เป็น ผู้ชายบางทีถือว่าตัวเองเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้าครอบครัว หาเงินเข้าบ้าน แค่ขอโทษเมียสักที แค่นี้เมียก็ชื่นใจแล้ว

แม่นก: ห่วงเรื่องสุขภาพอย่างเดียว ตอนนี้เขาดูแลตัวเอง แต่ไม่ออกกำลังกาย ชอบพูดว่าลงจากเตียงและวิ่งรอบเตียงแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว ถือว่าออกกำลังแล้ว (หัวเราะชอบใจ) เรากับลูกพอว่างก็แวะฟิตเนส เพราะต้องอยู่กับลูกให้นานที่สุด ลาดายังอายุน้อย กว่าจะแต่งงาน มีครอบครัว บอกเสมอว่าถ้าอยากอยู่กับลูกนานๆ ต้องออกกำลังกาย

 

ถ้านี่คือนาทีสุดท้าย

            พ่อบุญโทนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมหันไปหาแม่นก เพื่อบอกความในใจ

พ่อบุญโทน: 1. คือสำนึกผิด 2. ฝากฝังสิ่งที่ผมห่วงหวง 3. อธิษฐานเลยชาติหน้ามีจริงขอให้สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นมาอีก เพราะเราอยู่ด้วยกันแล้วมันดีมาก ผมคิดอยู่แค่นี้จริงๆ เราเจอคนดีแล้วจะหนีไปไหน

แม่นก: ก็เหมือนกัน แต่ฝากย้ำเลยว่าต้องดูแลลูกให้ดี

 

HUG MAGAZINE

รักไม่รู้จบ

มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์

ถึงผู้ชายทุกคน

                 "เมื่อเกิดมาทุกคนมีภาระหน้าที่ ยังเด็กอยู่ก็ต้องไปเรียน ผู้ชายเป็นผู้สร้างภาระให้ครอบครัวและช่วยแบกภาระให้ครอบครัว คำว่า “ภาระ” นี้ไม่ใช่สิ่งหนักหนา เป็นสิ่งที่ช่วยกันรับและแบกไว้ ถ้ารับคนเดียวจะหนักมาก ถ้ารับสามคนไม่หนัก เหมือนซุงท่อนหนึ่ง แบกคนเดียวหนักบ่า มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยแบก ก็เบาขึ้น มีลูกมาช่วยแบกอีก ก็สบายและไปได้อย่างราบรื่น เป็นครอบครัวที่ดีได้ แต่ต้องช่วยกันแบก ไม่ใช่ช่วยกันนั่งเฉยๆ นะ (ยิ้ม)"


“ถึงเวลาเผือก” เรื่อง “ภัยคุกคามทางเพศ”

     ภัยคุกคามทางเพศเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศวัย ทุกสถานที่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการลวนลามทางสายตา วาจา แตะเนื้อต้องตัว ฯลฯ แต่คนส่วนใหญ่ในสังคมกลับมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ที่สร้างความน่ารำคาญและอึดอัดใจเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดหากมองอีกมุมหนึ่งจะเข้าใจว่าภัยเหล่านี้แสนใกล้ตัว และอาจเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่การล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนก็เป็นได้.

 

ฮัก จึงชวนหาทางลดปัญหาในประเด็นนี้กับหนึ่งในคณะทำงานเครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง ดร.วราภรณ์ แช่มสนิท ผู้จัดการแผนงานสุขภาวะผู้หญิงฯ สมาคมเพศวิถีศึกษา

 

เมืองปลอดภัยไร้ภัยคุกคาม

          เครือข่ายรณรงค์เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง นำโดยองค์การแอ็คชั่นเอด ประเทศไทย ร่วมกับแผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สมาคมเพศวิถีศึกษา มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และเครือข่ายสลัมสี่ภาค จัดตั้งขึ้นเพื่อสื่อสารและรณรงค์ยุติการคุกคามทางเพศในที่สาธารณะ เป็นส่วนหนึ่งของ Safe Cities for Women Campaign ทั่วโลก ที่เน้นการทำงานในเมืองใหญ่ เริ่มจากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางเพศสูงที่สุดในประเทศไทย เครือข่ายฯ มองว่า เมืองเป็นที่อยู่ของทุกๆ คน เราทุกคนมีสิทธิ์อยู่อาศัยในเมืองที่ปลอดภัย (Rights to the City) เดินทางและใช้ชีวิตโดยปราศจากความหวาดกลัว หรือความรุนแรงบนท้องถนนหรือขนส่งสาธารณะ และสามารถออกแบบเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทางสังคมเมืองให้ตอบสนองต่อความต้องการของตนเอง ที่ผ่านมาได้จัดตั้งแคมเปญ “ถึงเวลาเผือก” และ “How to เผือก” เพื่อให้สังคมตระหนักถึงปัญหาการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นบนระบบขนส่งสาธารณะ เชิญชวนให้สังคมไม่นิ่งเฉย พร้อมเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเห็นผู้โดยสารคนอื่นกำลังถูกคุกคาม และช่วยกันแชร์วิธีเพื่อหยุดภัยคุกคามนี้ อีกทั้งยังคงเดินหน้ารณรงค์ช่วยลดปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเมืองที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน

          “ตั้งแต่เริ่มทำงานนี้เราบอกเสมอว่า ผู้ถูกคุกคามต้องส่งเสียง อย่ายอม การจะให้ผู้ถูกกระทำลุกขึ้นมาส่งเสียงฝ่ายเดียวไม่เพียงพอ คนรอบข้างมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือ ทีมงานสำรวจผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กว่า 1,600 คนจาก 13 ประเภทขนส่ง ว่าเคยเจอเหตุการณ์คุกคามทางเพศไหม หากนับทั้งเพศหญิง ชาย คนข้ามเพศ ประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ เคยเจอเหตุการณ์ ซึ่งเท่ากับว่ามากกว่าหนึ่งในสามของผู้โดยสารทั้งหมด แต่หากนับเฉพาะผู้หญิง ผลที่ได้คือถูกคุกคามมากกว่าเพศอื่นๆ 45 เปอร์เซ็นต์เคยถูกคุกคามหรือลวนลาม ในผู้หญิงจำนวน 100 คนถูกคุกคาม 45 คน จึงถามต่อว่าเป็นเหตุการณ์วัยเด็ก หรือเพิ่งเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผล 52 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเคยเจอเหตุการณ์ในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา 

          “ส่วนใหญ่ผู้ประสบเหตุจะช็อคจนทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าส่งเสียงโวยวาย เพราะฉะนั้นคนรอบข้างจึงมีบทบาทมาก นำมาสู่แคมเปญ ‘ถึงเวลาเผือก’ ชวนให้ผู้เห็นเหตุการณ์เข้าช่วยเหลือเหยื่อได้ เพราะผู้ที่ถูกคุกคามก็ต้องการความช่วยเหลือ ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ‘เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง’ เป็นช่องทางการสื่อสารหลักที่ให้ความรู้ว่าหากคุณเจอเหตุการณ์ เช่น การถูกเนื้อต้องตัวที่ชัดเจน หลายคนอาจไม่ค่อยสงสัยว่าคือการคุกคามหรือไม่ แต่หากเป็นรูปแบบของการใช้สายตา คำพูดลวนลาม หรือใช้กล้องแอบถ่ายโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม นั่นคือการคุกคามทางเพศอีกรูปแบบหนึ่ง และเมื่อเห็นคนถูกคุกคามจะช่วยเหลืออย่างไร”

 

สิ่งที่ต้องทำเมื่อถูกคุกคาม

          “สิ่งแรกคือต้องแสดงออกให้ผู้ก่อเหตุรู้ว่าเรารู้ตัวและไม่พอใจ ต้องใช้ศิลปะในการสื่อสาร ใช้สีหน้า ท่าทาง แววตา หากเป็นไปได้ให้ขยับตัวออกห่าง แต่ถ้าเบียดเสียดมากจนไม่แน่ใจ เราต้องสังเกต เพราะย่อมมีสัญญาณบางอย่างที่ทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ หากแน่ใจว่านี่คือการคุกคามก็ให้พูดกับผู้กระทำ เช่น ‘คุณขยับออกไปหน่อยได้ไหมคะ’ หรือบางรายที่ถูกจับสะโพก ก็ต้องพูดทันทีว่า ‘เอามือออกไปเดี๋ยวนี้’ ต้องพูดด้วยเสียงดัง ฟังชัด ให้คนรอบข้างรับรู้และเป็นแนวร่วม ส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดบนขนส่งสาธารณะมีแรงจูงใจสำคัญ คือทำแล้วไม่มีใครโวยวาย คนรอบข้างอาจไม่รู้ว่าเกิดเหตุขึ้น หรือสงสัยแต่ไม่กล้ายุ่ง ผู้ก่อเหตุจึงได้ใจแล้วทำซ้ำๆ แต่เมื่อไหร่ที่มีคนกล้าโวย ส่วนใหญ่ผลที่เกิดขึ้นคือสามารถหยุดยั้งเหตุการณ์ได้ จากการสอบถามพนักงานเก็บค่าโดยสารทราบว่า ถ้ามีใครคนหนึ่งโวยขึ้นมา ผู้ก่อเหตุจะรีบลงจากรถทันที แต่ถ้ายังไม่สามารถหยุดเหตุการณ์นั้นได้ ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างหรือพนักงานประจำรถ คือส่งสัญญาณให้คนอื่นรู้ว่ากำลังมีเหตุบางอย่างเกิดขึ้นกับเรา

          “ส่วนคนรอบข้างสามารถช่วยเหลือผู้ถูกคุกคามได้หลายแบบ ข้อแรกให้เราทำทีเข้าไปด้วยความแนบเนียน ให้มุ่งสื่อสารกับตัวผู้ถูกคุกคาม เช่น ถามผู้ถูกคุกคามว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว หรืออีกกี่ป้ายจะถึงสยาม พยายามชวนคุยเรื่องอื่น แล้วค่อยถามเขาว่า ‘คุณโอเคไหม’ ‘ขยับมาทางนี้อีกหน่อยไหม’ เป็นคำถามที่ส่งสัญญาณว่าเรารับรู้ว่าเขากำลังเจอกับการถูกคุกคามโดยที่ยังไม่ต้องพูดกันตรงๆ คนที่ถูกคุกคามก็จะรู้ว่ามีคนพร้อมเข้ามาช่วย เขาจะมั่นใจในการแก้ไขสถานการณ์ตอนนั้น ขณะเดียวกัน ผู้ก่อเหตุก็ได้ยินและรับรู้ว่ามีคนเห็นหรือพยายามเข้ามาช่วยเหยื่อ ถือเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยหยุดเหตุการณ์ได้ในระดับหนึ่ง

           “กรณีที่เราเคยได้ยิน มีผู้ก่อเหตุสำเร็จความใคร่กับเนื้อตัวร่างกายของผู้อื่น ซึ่งบางครั้งผู้ถูกกระทำไม่รู้ตัวและคิดว่าคือการเบียดเสียดปกติ หรือสงสัยแต่ไม่กล้า ผู้เห็นเหตุการณ์อาจเข้าไปพูดกับผู้กระทำโดยตรง แต่ต้องผ่านการประเมินสถานการณ์ว่าเราจัดการได้ โดยไม่เป็นอันตรายกับตัวเองและคนรอบข้าง เช่น พูดว่า ‘คุณทำอะไร’ หรือ ‘ขยับห่างจากน้องเขาหน่อย อย่าไปเบียดเขา’ พูดเสียงดังฟังชัดให้คนอื่นๆ ได้ยินว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เป็นวิธีสร้างความอับอายให้แก่ผู้กระทำผิด ขอเน้นว่าต้องพูดถึงพฤติกรรมให้ชัดเจน อย่าพูดแบบเหมารวม เช่น พูดว่า ‘ไอ้โรคจิต’ เพราะคนรอบข้างจะไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น”

 

ข้อกฎหมายที่ต้องรู้

          นอกจากการระมัดระวังตัวขณะเดินทาง การรู้ข้อกฎหมายนับเป็นอาวุธอีกอย่างหนึ่งในกรณีที่คุณหรือคนรอบข้างประสบเหตุภัยคุกคามทางเพศ 

          “เมื่อก่อนผู้ถูกคุกคามทางเพศไม่ค่อยกล้าพูดถึงประเด็นนี้ ปัจจุบันมีคนกล้าพูดถึงมากขึ้น เพราะมีช่องทางโซเชียลมีเดียด้วย มีลูกเพจเข้ามาแชร์ประสบการณ์ แสดงให้เห็นว่าสามารถพูดถึงปัญหานี้ได้ ผู้ถูกคุกคามไม่ต้องอาย เพราะเมื่อเทียบกับเรื่องมิจฉาชีพอื่นๆ เราจะไปแจ้งความและบอกคนรอบข้างทันที แต่เรื่องคุกคามทางเพศกลับมีคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอับอาย หากมีพื้นที่ในการพูดคุยผ่านสื่อหลายแขนง หรือรับรู้ว่ามีกลุ่มคนที่กำลังพยายามทำงานเพื่อหยุดยั้งปัญหาเหล่านี้ อย่างน้อยก็ให้เห็นว่าจากเดิมที่ไม่เคยมีพื้นที่ในการพูดถึง ก็พูดได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือเราอยากส่งเสียงถึงผู้ก่อเหตุว่าที่ผ่านมาคุณเคยทำได้และไม่มีใครโวยวาย ต่อไปนี้มีคนจ้องจับผิดมากขึ้นแล้ว

          “ประเด็นหนึ่งที่คนในสังคมยังไม่ทราบมากนัก ประเทศไทยมีกฎหมายสำหรับเอาผิดเรื่องการคุกคามทางเพศ เดิมทีมีมาตรา 397 ของประมวลกฎหมายอาญา ความว่า หากใครทำให้เราเดือดร้อนรำคาญ หรือเราถูกข่มเหง คุกคาม จะมีโทษปรับ แต่ต่อมามีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรานี้ว่า หากกระทำการนั้นในที่ธารกำนัลหรือมีลักษณะส่อว่าจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ เพิ่มโทษทั้งจำทั้งปรับ จึงเป็นช่องทางหนึ่งเมื่อเราหรือคนรู้จักเจอเหตุการณ์และเก็บหลักฐานไปแจ้งความ สามารถอ้างตามมาตรา 397 ประมวลกฎหมายอาญา เอาผิดเรื่องการคุกคามทางเพศได้

          “ในฐานะทีมเผือก ถ้ามีคนเข้าไปแทรกแซงการก่อเหตุคุกคามหลังจากนั้น สิ่งที่ทำได้คือถ่ายคลิปวิดีโอไว้ และพูดระบุวันที่ สถานที่เกิดเหตุ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปให้มอบคลิปแก่ผู้เสียหายในกรณีที่เขาต้องการแจ้งความ แต่แนะนำว่าอย่านำไปเผยแพร่เองเพราะอาจจะผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ ให้ผู้เสียหายตัดสินใจเองว่าจะแจ้งความหรือไม่”

  • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
  • ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัลหรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคสอง เป็นการกระทำโดยอาศัยเหตุที่ผู้กระทำมีอำนาจเหนือผู้ถูกกระทำอันเนื่องจากความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา นายจ้าง หรือผู้มีอำนาจเหนือประการอื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท

                      

อนาคตการลดภัยบนขนส่งสาธารณะ

          “ยังคงต้องทำเรื่องภัยคุกคามทางเพศบนขนส่งสาธารณะต่อ เพราะเรื่องนี้ครอบคลุมกว้างมาก ในแง่ของประเภทขนส่ง ผู้ใช้บริการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ เราประสานกับหลายหน่วยงาน หนึ่งในหน่วยงานที่ตอบรับคือ บริษัทขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ซึ่งดูแลรถทัวร์ 400 กว่าคัน ยินดีให้ทีมงานเราเข้าไปอบรมพนักงานขับรถ พนักงานต้อนรับ ผลิตสื่อรณรงค์เพื่อสื่อสารกับผู้โดยสาร นอกจากนี้ บขส. ยังดูแลรถร่วมเอกชนอีกหลายพันคัน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะขยายการทำงานไปให้ทั่วถึง อีกส่วนหนึ่งคือตอนนี้มีการหารือกับกรมเจ้าท่า เรื่องเรือด่วนเจ้าพระยากับเรือคลองแสนแสบที่พนักงานเคยรายงานว่ามีการคุกคามขณะโดยสารทางเรือ จึงอยากให้มีการจัดอบรมให้แก่พนักงานประจำเรือด้วย

          “ในระยะต่อไปเราจะพยายามสร้างกลุ่มคนที่เป็นเจ้าของปัญหาให้มาช่วยกันสอดส่องป้องกันและแก้ปัญหา ที่ผ่านมาเราเปิดเพจเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง และรับสมัคร ‘ทีมเผือก’ โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกเฟซบุ๊กกรุ๊ปภายใต้ชื่อ #ทีมเผือก คือถ้าคุณสนใจกิจกรรมของการรณรงค์นี้ก็สมัครเป็นทีมเผือกด้วยกัน ตอนนี้มีสมาชิกราว 800 คน เรามองว่าคนเหล่านี้เขาปวารณาตัวแล้วว่าสนใจที่จะช่วยกันหยุดปัญหาการคุกคามทางเพศ ปีหน้าเราจะสร้างพื้นที่ให้สมาชิกเหล่านี้มีบทบาทมากยิ่งขึ้น มากกว่าเป็นแค่ผู้รับสารหรือคนที่มาร่วมกิจกรรมที่เราจัดเท่านั้น”

            

          “เรื่องของการคุกคามทางเพศเกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ ทั้งพื้นที่สาธารณะ หรือแม้กระทั่งที่บ้าน โรงเรียน หากกล่าวถึงพื้นที่สาธารณะโดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะ สิ่งแรกคือต้องดูแลตัวเอง ต้องรู้จักระแวดระวัง เพราะปัจจุบันเมื่อขึ้นรถ สิ่งแรกที่หลายคนทำคือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จนเกิดความละเลยไม่สนใจทั้งตนเองและคนรอบข้าง และหากเกิดเหตุไม่ว่าจะคุกคามทางสายตา วาจา การสัมผัส ถูไถ ให้ระลึกเสมอว่าเราไม่ยอม ต้องไม่นิ่งเงียบ เพราะผู้ที่ต้องอับอายคือผู้ก่อเหตุ

“อยากให้ช่วยกันพูดเรื่องนี้กันเยอะๆ คนที่ถูกคุกคามจะรู้ว่าเขาไม่ได้โดนอยู่คนเดียว และสามารถแจ้งความได้ หวังว่าเสียงของพวกเราจะส่งถึงคนที่มีแนวโน้มจะคุกคามผู้อื่น ให้รับรู้ว่าสังคมไม่ยินยอมอีกต่อไปแล้ว นอกจากนี้หน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้จะได้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยของหน่วยงานที่ต้องดูแลให้ทั่วถึงเพื่อสังคมที่ปลอดภัยของทุกคน”


ดูดีแบบคนดัง 'เต้-นันทศัย พิศลยบุตร'

เข้าสู่ช่วงคลายล็อคกันแล้ว หลายคนอาจประสบปัญหาใส่เสื้อผ้าชุดเดิมไม่ได้ เพราะตามใจปากในช่วงกักตัวมากไป ยิ่งรีบหักโหมลดหุ่น แต่เดี๋ยวก่อนค่ะคุณ เรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างหนุ่มเต้คนนี้ ที่โควิด-19 ทำอะไรกล้ามท้องของเขาไม่ได้ ยิ่งฟิตเฟิร์มกว่าเดิม เพียงอ่านแล้วทำตาม รับรองว่า  ซิกแพ็คของแท้มาแน่นอน

 

 

ออกกำลังให้ถูกวิธี

     การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่วิธีที่ถูกต้องก็สำคัญ การออกกำลังหรือเล่นกีฬาควรศึกษาให้ดี ไม่ใช่ดูคลิปแล้วทำตามอย่างเดียว เพราะอาจเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะการเล่นเวท ท่าทางในการออกกำลังและน้ำหนักที่ใช้ แต่ละคนมีพื้นฐานต่างกัน บางคนตัวเล็ก บางคนตัวใหญ่ บางคนเคยเล่น บางคนไม่เคยเลย ท่าเดียวกัน เล่นส่วนเดียวกัน แต่น้ำหนักไม่เท่ากัน บางคนใส่เต็มเหนี่ยวแล้วยก บาดเจ็บแน่นอน

     ถ้าเล่นคนเดียว ไม่มีเพื่อนคอยเซฟหรือไม่มีผู้รู้ดูแลข้างๆ อันตรายครับ ควรศึกษาว่าน้ำหนักตัวเท่านี้ควรเล่นเวทน้ำหนักเท่าไร อย่าใจร้อน ต้องสังเกตตัวเอง ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ถ้าคุณอยากมีกล้ามใหญ่ หุ่นสวย แต่มองข้ามความปลอดภัย บาดเจ็บขึ้นมาอาจต้องพักระยะยาว เพราะฉะนั้นความปลอดภัยนั้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

 

ทางสายกลางดีที่สุด

     ผมทำมาหมดแล้ว ออกกำลังกายหนักแทบทุกวัน ตลอดหกเดือน ชั่งอาหารทุกมื้อเป๊ะ ไม่กินขนม น้ำตาล ซึ่งเห็นผล แต่มีผลเสียตามมาคือความเครียด ดังนั้นควรเลือกทางสายกลาง ค่อยเป็นค่อยไป อยากกิน กินได้ แต่กินในปริมาณที่พอเหมาะ มากไปไม่ดี ถึงแม้สิ่งมีประโยชน์อย่างนม กินมากไปก็ไม่ดี เช่นเดียวกับกินคลีน คุมอาหาร เป๊ะเกินไปไม่หย่อนเลยก็เครียด ควรให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย กินขนมได้ อย่างผมถ้าอยากกินขนมหวาน ก็กินมื้อเช้า แต่ถ้ากินมื้อสุดท้ายแล้วนอนนั่นคือไม่ได้เผาผลาญเลย สะสมไว้ก็อ้วน หรืออยากปาร์ตี้ก็ได้ เป็นเรื่องธรรมดาคนเราต้องเข้าสังคม แต่ต้องพอเหมาะ ไม่ใช่กินข้ามวันข้ามคืนหรือไปทุกวัน

 

 

ใช้เวลาปั้นหุ่นแต่คุ้มค่า

     ช่วงเริ่มต้นนั้นยากทุกอย่าง ไม่ว่าออกกำลังกาย เริ่มงานที่ใหม่ หรือการฝึกฝนต่างๆ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นตั้งใจ ผมมีทริคอย่างหนึ่งคือหาเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ถ้าอยากมีหุ่นสวย คุณทำเพื่ออะไร ทำเพื่อความภูมิใจ เพื่อใส่เสื้อผ้าออกมาดูดี อะไรก็ได้ เมื่อเราตั้งเป้าหมายชัดเจนแล้วทำให้เต็มที่

      ผมขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง หรืออยากมีรูปร่างที่ดีขึ้น สู้ต่อไปครับ ทำต่อไป อย่าเพิ่งยอมแพ้ ของแบบนี้ไม่ได้เห็นผลวันสองวันหรือเดือนสองเดือน ต้องใช้เวลาพอสมควร และใช้ความต่อเนื่องในการออกกำลังกายถึงจะเห็นผล อย่าใจร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างควรอยู่ใต้ความปลอดภัย ควรศึกษา ถามผู้รู้เพื่อออกกำลังกายอย่างถูกต้องเพื่อให้เห็นผลชัดเจนที่สุด

 

ผู้ชายที่ดีในสายตาเต้

     สิ่งสำคัญคือการให้เกียรติ ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่มีใครชอบคนที่ไม่สุภาพ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา การให้เกียรติคนอื่น มีกาละเทศะ ปัญหาต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น และใครมองมาก็จะบอกว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ (ยิ้ม) สิ่งนี้สำคัญที่สุดครับ

 

ความรักกับสังคม

     ทุกวันนี้โลกเราอยู่ยากขึ้น รวมถึงโรคที่เกิดขึ้น เราควรใช้ชีวิตอย่างมีสติ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู่ด้วยอารมณ์ที่ทำอะไรให้คิดเยอะขึ้น เพื่อสังคมที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง เรื่องความรัก ถ้าคุณรักผู้หญิงคนหนึ่งด้วยใจจริง ความรักคือการที่เราทำให้คนที่เรารักมีความสุข อะไรที่เรายอมได้ควรทำ แบ่งปันได้ควรแบ่ง สิ่งไหนที่ทำให้เขารู้สึกไม่ดีก็อย่าทำ นั่นคือการแสดงความรักแก่เธอคนนั้นแล้ว

 

HUG Magazine

ดูดีแบบคนดัง

พี

ภาพประกอบ: @Taekopmam369

"เมื่อรู้สึกหดหู่หรือไม่สยายใจ ผมใช้วิธีออกกำลังกายเพราะได้ปลดปล่อย สดชื่น มีความสุข สิ่งที่เครียด อึดอัด จะคลายลง หลังจากออกกำลังเสร็จ เหงื่อออก ยิ่งสดชื่น แถมสุขภาพดีด้วย ได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตครับ"

Tae’s Tip


“จะรักตลอดไป” ปุ๋ย เดวิล ศุภมิตร & สายพิน จันทร์แจ่ม

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยผ่านตาการ์ตูนของเขา ปุ๋ย เดวิล เจ้าของลายเส้นเอกลักษณ์และผลงานสยองขวัญผสมกลิ่นไอสิเน่หาให้จดจำ และต้องเคยเห็นมุกขำขันของสามีภรรยาบนหน้ากระดาษบ่อยครั้ง จะมีใครรู้ไหมว่าภรรยาคนนั้นมีตัวตนจริงโลดแล่นอยู่เคียงข้างสามีคนนี้เสมอมา วันนี้ปุ๋ย เดวิล จะนำเสนอการ์ตูนเรื่องพิเศษที่มีแค่เรื่องเดียว ที่พระพรหมเป็นผู้เขียน เขาและเธอเป็นตัวละครหลัก โลกใบนี้เป็นกระดาษวาดเรื่องราวแสนสนุกสนานมายี่สิบกว่าปี

 

 

แรกสะดุดตานารีข้ามถนน

เราเริ่มด้วยคำถามคลาสสิคว่าทั้งสองพบกันได้อย่างไร พี่ปุ๋ยหัวเราะก่อนเท้าความถึงความหลังเมื่อยี่สิบปีก่อนนี้ที่ยังสดในความทรงจำ

    “ผมเขียนการ์ตูนอยู่ ตอนนั้นเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยเพราะอยู่แต่ในห้องเดิมๆ เขียนงานไม่ได้ ไปอยู่แถวประชานิเวศน์ ฝั่งตรงข้ามเป็นออฟฟิศของสถาบัน AFS ปกติเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว ชอบไปยืนที่ระเบียงดูถนนเงียบๆ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งข้ามถนนไปทำงานในตอนแปดโมงทุกเช้า วิ่งเหมือนที่ทำงานห่างกันสิบกิโล (หัวเราะ) ทั้งที่ข้ามถนนก็ถึงแล้ว และเป็นแค่ถนนหมู่บ้าน ไม่ใช่ถนนหลวงที่กว้างกว่า แต่วิ่งเต็มเหยียดทุกเช้า จนผมต้องคอยดูทุกวัน ไม่เห็นไม่ได้ เหมือนขาดอะไรไป”

 

เรื่องจึงเดินตามสเต็ปรักที่พระพรหมลิขิตไว้ จากแค่ยืนดูก็เริ่มอยากรู้จัก แต่จะทำอย่างไร ถ้าไปขวางในตอนเช้าคงไม่ได้คุยกันแน่นอน พี่ปุ๋ยจึงคิดหากลวิธีในแบบตน ด้วยการนั่งเฝ้ารอนักวิ่งหญิงคนนั้นกลับมาที่อพาร์ตเม้นต์ และเมื่อเธอมา ชายหนุ่มก็แกล้งทำตัวบ้าๆ บอๆ ให้เธอตำหนิติเตียน หรือหาเรื่องคุยกับคนข้างล่างแถวนั้นเพื่อสืบข่าวของเธอ ค่อยๆ เข้าหา จนในที่สุดพี่สายพิณยอมหันมาพูดคุยกับหนุ่มนักวาดการ์ตูนที่ภายนอกผมยาวกระเซอะกระเซิงดูน่ากลัวคนนี้

     “ไปทักเลยไม่ได้ครับ อาจโดนแจ้งความได้ เพราะสารรูปตอนนั้นไม่น่าดูนัก (หัวเราะ)”

     “ก็เป็นเพื่อนกันก่อน พี่ปุ๋ยคิดไม่เหมือนคนอื่น นักเขียนจะมีจินตนาการ มีเรื่องประหลาดๆ มาเล่าให้ฟังอยู่ทุกวัน ไม่รู้เลยว่าเขามอง จนเขาถามว่าทำไมต้องวิ่ง นั่นสินะ ออกจากบ้านเร็วกว่านี้อีก 5 นาทีก็ไม่ต้องวิ่งแล้ว แต่เคยชิน ต้องวิ่ง (หัวเราะร่วน)”

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัดสินใจเลือกอีกฝ่าย คือการเปิดเผยธาตุแท้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันซึ่งหน้า

     “สมัยวัยรุ่น ย้อมสีใส่กันน่าดูเลย (ยิ้ม) บางคนไม่ได้ชอบสิ่งนี้ แต่หลอกตัวเอง หรือหลอกอีกฝ่ายว่าชอบเหมือนกัน สุดท้ายคืนร่างเดิม เหมือนผีเสื้อสมุทรในพระอภัยมณีที่ต้องคืนร่างจริง ถ้าคนเรารักกันตั้งแต่ร่างเดิม ก็จะไม่มีการคืนร่างอีกแล้ว มีแต่ดีขึ้น บางคนพยายามฝืนเอาไว้ แต่ร่างเดิมก็พร้อมจะคืนตัวอยู่ดี มารู้ทีหลังมันไม่สนุกเลยนะ ผมใช้ตัวจริงแสดงให้เห็นแต่แรก ไม่มีการเสแสร้งอะไร เมื่อเปิดตัวตนจริงแล้ว จากนั้นต้องถามกันว่าโอเคไหมกับแบบนี้ ถ้าไม่ตั้งแต่แรกก็จะไม่เจ็บ แต่ถ้าคบหาดูใจต่อได้ ก็ช่วยกันปรับปรุงให้ดีขึ้น”

 

แสดงจุดร่วม สงวนจุดต่าง

ข้อดีนั้นคนเรารับกันได้อยู่แล้ว แต่ข้อเสียล่ะ จะทำอย่างไร พี่ปุ๋ยกล่าวว่าถ้าไม่ใช่ข้อเสียที่ทำร้ายโลกนี้เกินไปนัก และสามารถแก้ไขได้ เขาก็โอเค ส่วนพี่สายพินพูดสั้นๆ ว่า “ทำใจ” พร้อมหัวเราะร่วน

     “เขาชอบดื่มเหล้ามาก่อนเจอเรา ก็ต้องจำยอม มีหน้าที่ซื้อให้ซะเลย ทำกับแกล้มให้ด้วย เขาก็กินในบ้านไม่ได้ไปไหน นานๆ จะออกไปข้างนอกสักที”

     “ผมเปลี่ยนเป็นการดื่มแบบที่ภรรยารับได้ ดื่มเป็นผู้เป็นคน ไม่ไปอาละวาดเมาสะเปะสะปะ เคยไหมที่เรายอมสิ่งที่ตัวเราไม่ชอบ แต่เป็นสิ่งที่คนที่เรารักที่สุดชอบ เพราะเรารักกัน และเมื่อทั้งคู่คิดเหมือนกัน ก็จะแย่งกันทำสิ่งที่อีกฝ่ายชอบ จนกลายเป็นฉันไม่ชอบแบบนี้ แต่ฉันแคร์เธอ ฉันเลยทำให้ได้ เมื่อแย่งกันทำสิ่งที่คนที่เรารักชอบ แบบนี้คุณอยู่ด้วยกันยันชาติหน้าเลย”

 

ฟังดูเรียบง่ายแต่ทำยากอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่คนเรายึดมั่นในอัตตาว่าสำคัญ สิ่งใดไม่ชอบจะไม่ยอมทำ ไม่ยอมลงให้แก่กันจนเป็นข่าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พี่สายพินจึงอธิบายต่อด้วยคำง่ายๆ

     “เรารักตัวเองหรือเรารักเขา ถ้าเรารักตัวเองก็จะทำเพื่อตัวเอง แต่ถ้ารักเขา ก็จะทำเพื่ออีกคนได้ กลายเป็นต่างคนต่างทำให้กันและกัน”

พี่ปุ๋ยยังแถมท้ายด้วยว่า

     “ทำแล้วไม่ยากครับ เพราะจะเกิดความเคยชิน การได้เห็นคนที่เรารักดีใจ มีความสุข ก็พอละ (ยิ้ม) เคยรักใครมากๆ ไหม เมื่อรักมากแล้ว อย่างอื่นจะเป็นเรื่องรองหมดเลย

เราเหมือนได้คำตอบในใจ ชีวิตคู่ไม่ใช่การเพิ่มใครอีกคน แต่เป็นการลดตัวเองลงเพื่ออยู่ร่วมกัน เพื่อเป็น ‘เรา’ มากขึ้นนี่เอง

 

 เรื่องพิเศษแด่ศรีภรรยาที่รัก

แน่ละ ในฐานะคู่ชีวันขวัญชีวิตย่อมต้องมีเรื่องซาบซึ้งตรึงใจต่อกัน ซึ่งถ้าใครเคยได้อ่าน นั่นแหละคือการ์ตูนรักของปุ๋ย เดวิล ที่มีต่อสายพิน ภรรยาคนนี้

     “เรื่อง ‘จุดนัดพบ’ ครับ เป็นเรื่องสั้น งานจรรโลงสังคมในขายหัวเราะ ในเรื่องชายหญิงคู่หนึ่งจะเจอกันทุกร้อยปีที่เรือถีบรูปห่านกลางน้ำ เนื้อหาสื่อว่าทั้งสองไม่ใช่คน ในร้อยปีมีโอกาสเจอกันแค่หนึ่งครั้ง และมาเจอกันตรงนี้เท่านั้น เก็บความอยากคุยไว้มากมายมาร้อยปี แต่งตัวดีๆมาเจอกัน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนอกจาก ‘คิดถึงนะ รักเธอ’ พูดได้แค่นั้นเวลาก็หมดลง เธอก็ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ ผมก็ลงไปอยู่ยมโลก อีกร้อยปีค่อยเจอกันใหม่ ทั้งที่อยากพูดอะไรเยอะแยะแต่พูดได้แค่นั้น เพราะตลอดร้อยปีคิดถึงแต่เธอคนเดียว ในเรื่องผมเป็นนิรยบาล ส่วนเธอเป็นนางฟ้า และเธอเป็นนางฟ้าจริงๆ ของผม (ยิ้ม)”

เขาว่าคนเป็นนักเขียนพูดไม่เก่ง คงจะจริง เพราะพูดแต่ละคำด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ แต่ตรงชัดเจนเสียจนไม่ต้องตีความอีก เพียงเท่านี้ก็รู้สึกถึงความจริงใจจนล้นพ้นแล้ว

 

การเอาชนะสิ่งยั่วยุ

ชีวิตคู่ต่อให้คนสองคนรักกัน ก็ย่อมมีเรื่องมากระตุ้นยั่วยุอยู่ตามรายทางให้ไขว้เขว พี่ปุ๋ยยกเพลง “ทะเลใจ” ของวงคาราบาวเปรียบเทียบว่าถ้าเข้าใจความหมายของเพลง ก็หักห้ามใจได้ไม่ยาก

     ”ถ้าไม่มีทะเลใจข้างในใจเรา ก็ไม่มีอะไรยั่วยุได้ ปฏิเสธทั้งหมดได้ และมีงานของบรมครูท่านหนึ่งที่ผมได้เคยอ่าน ท่านเขียนว่า ‘ถ้าบุญมี ชาติหน้าจะมาเชย’ ถ้าคิดได้แบบนี้จะไม่มีนอกใจ เพราะคุณเห็นคนนี้สวยนะ คิดไว้ชาติหน้าฉันจะมาเชย เพราะชาตินี้ฉันจะเชยเมียฉันคนเดียว ประโยคนี้ประทับใจผมมาก”

 

ด้วยรักและเป็นห่วง

พี่สายพินบอกว่า เรื่องน่าห่วงในตอนนี้มีแค่สุขภาพของสามีที่นอกจากดื่มเหล้า สูบบุหรี่แล้ว ยังเป็นโรค SLE เพราะเมื่อไรภูมิคุ้มกันมีปัญหา ใบหน้าก็จะเกิดรอยแผล เมื่อเราถามพี่ปุ๋ยบ้าง คราวนี้นักวาดการ์ตูนสยองขวัญก็ตอบชัดเจน

     “ไม่มีอะไรมากไปกว่าที่ว่าจะรักตลอดไป (ยิ้ม)”

เป็นคำรักซึ่งผู้ชายอีกหลายคนไม่กล้าพูด พี่ปุ๋ยกล่าวว่า ถ้าไม่กล้าพูดคำนี้ ก็ไม่ต้องกล้าพูดคำอื่นแล้ว

     “ที่จริงมันมีสองแบบ หนึ่งพูดบ่อยพร่ำเพรื่อ เจอสิบคนก็รักสิบคน พูดเช้าสายบ่ายเย็น พูดง่ายเกินไป ส่วนบางคนไม่พูดเลย ต่อให้รักแทบตายก็ไม่พูด เหมือนมีอะไรอุดปากไว้ แต่ถ้ามีรักจริง ถึงพูดยากแต่จะพูดครั้งเดียว ไม่พูดบ่อย คำนี้เป็นคำขลัง จะพูดเล่นไม่ได้ เพราะนอกจากเราแล้วยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเป็นพยานด้วย ต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเอง”

 

บทเรียนมีไว้จำและพัฒนา

ชีวิตคู่เปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน เมื่อใกล้ชิดกันก็ต้องกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา หลักที่ทั้งคู่ใช้คือ ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำสิ่งอื่น รอให้อารมณ์เย็นแล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่ ถ้าต่างระบายอารมณ์ใส่กัน ก็มีแต่พังเท่านั้น

         “ถ้าไม่จำข้อเสีย ก็จะจำแต่สิ่งที่ดี ช่วยลดปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งเลิกรากัน ถ้าไปขุดความจำที่ไม่ดีมาก็ยิ่งมีปัญหา ให้จำแต่สิ่งดีดีกว่า พอถึงเวลาทะเลาะกัน ก็จะนึกถึงภาพดีๆ ว่าเขาเคยคุยกับเราแบบนี้ เคยทำให้แบบนั้น ทุกอย่างจะเบาลง”

พี่ปุ๋ยยังเสริมด้วยว่าถึงมองข้ามแต่ก็พยายามแก้ข้อเสียของกันและกัน แม้ต้องใช้เวลา แต่ถ้าแก้ไขจนหมด สักวันข้อเสียจะหายไป เหลือแต่ข้อดี พี่สายพินจึงบอกข้อดีของสามีคนนี้ให้ฟังด้วยน้ำเสียงจริงจังแจ่มชัด

     “พี่ปุ๋ยเป็นคนดีมาก (ย้ำ) เป็นคนอารมณ์เย็น ต่างจากเราที่เป็นคนโผงผาง คิดอะไรพูดเลย พี่ปุ๋ยเป็นคนพูดหวาน พูดเพราะ เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าบอกว่าดีไปหมดทุกอย่างคงเว่อร์ (หัวเราะ) เพราะส่วนที่ไม่ดีมันเล็กน้อยเกินกว่าจะมาจดจำหรือมองเห็น ถ้าให้เกรดคือเอ+ (ยิ้ม)”

ฮั่นแน่ ในที่สุดก็ได้ยินคำหวานจากสาวปากแข็งบ้างแล้ว

 

การเลือกคู่ชีวิตที่ไม่ปรากฏในตำรา

เมื่อเรื่องชีวิตคู่ไม่มีสอนในสถานศึกษา นอกจากใช้ชีวิตเป็นตัวเรียนรู้ เราจึงถามทั้งสองในฐานะผู้มีประสบการณ์มาก่อน

     “ถ้าเขาทนข้อเสียของเราได้ และคนคนนั้นจะลดข้อเสียของเขาเองเพื่อให้คนที่ตัวเองรักมีความสุข อย่างที่บอก ถึงจะไม่ชอบแต่ก็ทำถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คนเรารักชอบครับ ถ้าคนคนนั้นทำในสิ่งที่เกลียดเพื่อเราได้ โอเคเลย หนังฝรั่งฉากแต่งงานผมชอบนะ เวลาที่บาทหลวงพูดคำสาบานให้เกียรติกัน จะรักและซื่อสัตย์ในยามชราและยามป่วยไข้ ดีมากๆ ใช่เลย ไม่ใช่ว่าพอทุกข์แล้วต่างคนต่างไป หรือถูกหวยแล้วเอาเงินไปด้วย”

แล้วพี่สายพินล่ะ จะมีคำแนะนำว่าอย่างไร

     “การมาเป็นคู่กันได้ ชาติที่แล้วเราทำบุญกรรมอะไรร่วมกันมา บางทีมีแฟนหลายคนแต่ทำไมไปไม่ถึงจุดแต่งงาน ถ้าอยากมีคู่ที่ดี ทำบุญเยอะๆ ให้ไปในที่ดีๆ อย่าไปในที่อโคจร คนเราต้องศีลเสมอกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ อย่าไปฝืน เพราะอะไรที่ไม่ใช่ของเรายังไงก็ไม่ใช่ อย่าเปลี่ยนตัวเราเพื่อใครสักคน แต่เป็นตัวเราที่พร้อมจะรักเขา เสียสละให้เขา ไม่ใช่อยากได้เขาเลยเปลี่ยนตามเขา ตราบใดที่เรารักคนอื่นมากกว่าเราเอง เราจะให้แหละ แต่ถ้ารักตัวเองมากกว่าก็จะเอาตัวเองเป็นหลักเท่านั้น จริงอยู่ที่คนส่วนใหญ่บอกว่าต้องรักตัวเองก่อน แต่ถ้าคุณจะเป็นครอบครัวกันแล้ว ถ้ายึดเอาแต่ตัวเอง มันก็ไม่ใช่ครอบครัว”

 

เรื่องนี้เป็นการ์ตูนแนวไหน

ก่อนจากกันเราถามปุ๋ย เดวิล ยอดนักวาดคนนี้ถึงการ์ตูนเรื่องราวชีวิตรักยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา

“น่าจะคอมเมดี้ แต่เชื่อไหมว่าพล็อตเดียวกันจะเป็นคอมเมดี้ แอคชั่น เขย่าขวัญได้หมด เรื่องนี้ของผมคงสามารถเปลี่ยนพล็อตได้มากมายแต่เนื้อหายังคงเดิม และชื่อเรื่องคือ ‘จะรักตลอดไป’”

เป็นเรื่องที่เรารอจะได้อ่านในลายเส้นของปุ๋ย เดวิลสักครั้งจริงๆ.

 

 

HUG Magazine

รักไม่รู้จบ

มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์


Salzburg: มนตรามาตุภูมิของโมซาร์ท

“Mozart’s Requiem Mass”

เราเดินทางถึงเมืองนี้ในเวลาบ่าย หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จ การผจญภัยในนครหลวงแห่งยุคบาโรกก็เริ่มขึ้น.

 

     เมืองซาลซ์บูร์กตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรีย เป็นเมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมจนได้ฉายา “นครหลวงเเห่งยุคบาโรก” ซาลซ์บูร์กร่ำรวยจากการค้าเกลือตั้งเเต่ยุคโบราณ เป็นที่มาของชื่อ Salzburg ซึ่งแปลว่า ปราสาทเกลือ เมืองซาลซ์บูร์กแบ่งออกเป็น 2 เขต คือ เขตเมืองเก่าซึ่งได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และเขตเมืองใหม่ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและการค้าที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งของประเทศออสเตรีย โดยมีแม่น้ำซาลซัคไหลผ่าน

 

   

การเดินทางภายในเมืองค่อนข้างสะดวกสบาย มีรถรางไฟฟ้าคอยให้บริการ และค่อนข้างจะตรงเวลา เราเลือกเดินลัดเข้าสู่เขตเมืองเก่า จุดแรกที่เรารีบมุ่งหน้าตรงไปคือสวนมิราเบลล์ หรือสวนแห่งความสุข ตั้งอยู่ภายในพระราชวังมิราเบลล์ สวนแห่งนี้แสดงถึงการจัดสวนแบบยุโรปในสไตล์สวนบาโรกได้อย่างลงตัว มีการปลูกดอกไม้สีสันสดใสไว้กลางสวน ล้อมรอบด้วยสนามหญ้าและไม้ยืนต้นสีเขียว มีโลหะหล่อรูปม้าเพกาซัส ประดับเป็นไฮไลท์อยู่ใจกลางน้ำพุ

 

  สวนแห่งนี้เคยเป็นฉากในภาพยนตร์เรื่องโด่งดัง The Sound of Music จนดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้หลั่งไหลไปตามรอยภาพยนตร์ เราเองก็ไม่พลาดที่จะตามถ่ายภาพ ในมุมเดียวกันกับฉากภาพยนตร์ เมื่อเราถึงจุดที่มองลงไปเห็นฉากมาเรียพาเด็กๆ เต้นรำรอบน้ำพุ ในเพลง “Do Re Mi” มองสูงขึ้นไป เราก็จะเจอกับฉากหลังของสวน เป็นป้อมปราการขนาดใหญ่

 

   

สุดเขตสวนมิราเบลล์เดินต่อขึ้นไปอีกนิด ข้ามแม่น้ำซาลซัคสีเขียวมรกต เพื่อเยี่ยมเยือนบ้านสีเหลืองหมายเลข 9 จุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดของการมาเมืองนี้ บ้านโมสาร์ทหรือพิพิธภัณฑ์โมสาร์ทเกบูร์ตสเฮาส์ เป็นบ้านซึ่งโมสาร์ทคีตกวีของโลกถือกำเนิด ครอบครัวของโมสาร์ทอาศัยอยู่ที่นี่จนเขามีอายุ 17 ปี ภายในจัดแสดงเอกสารต้นฉบับ มีห้องสำหรับนั่งฟังเพลง และจัดแสดงเครื่องดนตรี ภาพวาด ที่เกี่ยวกับประวัติชีวิตและผลงานของโมสาร์ท

 

   

     เดินต่อไปยัง ถนนเกไทรเด้ ถนนสายคลาสสิคแห่งหนึ่งของโลก ปัจจุบันเป็นย่านช้อปปิ้ง ร้านค้าแบรนด์เนม ร้านขายของที่ระลึก สินค้ายอดนิยมของเมืองคือ ช็อคโกแลตลูกบอลโมสาร์ท ที่ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันเกือบทุกคน เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของร้านรวงในย่านนี้คือ ป้ายชื่อหน้าร้านที่ตกแต่งประดับอย่างวิจิตรอลังการ แค่เดินชมป้ายเท่านั้น ก็ถึงกับเมื่อยคอกันเลยทีเดียว

 

ชื่นชมความงามของเมืองมาเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงหน้า มหาวิหารซาลซ์บูร์ก ศาสนสถานขนาดใหญ่คู่เมืองอายุหลายร้อยปี เมื่อก้าวเข้าสู่ภายในมหาวิหาร เสียงเพลงจากออร์แกนดังกระหึ่มไปทั่วทั้งโบสถ์ ภายในมหาวิหารตกแต่งอย่างหรูหราตามอย่างศิลปะเเบบบาโรก ภาพวาดและประติมากรรมที่สร้างสรรค์โดยนักบุญและศิลปินชื่อดัง แสดงให้เห็นพลังศรัทธาทางศาสนาที่มีอย่างไม่เสื่อมคลาย มหาวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่แรกซึ่งโมสาร์ทบรรเลงบทเพลงที่เขาประพันธ์ขึ้น

 

     รถเคเบิ้ลค่อยๆ เคลื่อนตัว พาเราขึ้นไปยัง ป้อมโฮเฮนซาลซ์บูร์ก จุดสูงสุดของเมืองนี้ ป้อมโฮเฮนซาลซ์บูร์กตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา เป็นจุดที่สามารถมองออกไปได้ทุกทิศทาง เป็นป้อมซึ่งคงสภาพสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แม้ว่าสร้างมากว่า 500 ปีแล้ว พื้นที่ภายในป้อมกว้างใหญ่ มีห้องหับมากมาย เคยใช้เป็นที่พักของบาทหลวง คุกใต้ดิน ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงเสมือนพิพิธภัณฑ์เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินชม

 

สองเท้าขึ้นไปยังจุดชมวิวของเมือง ภาพเบื้องหน้าช่างตรึงตาจนเรายืนตะลึงอยู่ตรงนั้นนานหลายนาที พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แสงสีส้มจากขอบฟ้ายิ่งทำให้ภาพเบื้องหน้ายิ่งขึ้น พระอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้าไปพร้อมกับแสงสุดท้าย ความมืดกำลังครอบคลุมทั่วบริเวณ ถึงเวลาที่เราต้องจากป้อมเเห่งนี้แล้ว ก่อนอำลาเมืองคลาสสิคแห่งนี้ด้วยความอาลัยในเช้าวันรุ่งขึ้น.

 

HUG MAGAZINE

‘พาหัวใจไปเที่ยว’

น้องฟาง.


The Five-Year Engagement แท้จริงแล้ว 'ความรัก' เรียกร้องอะไรจากเราบ้าง

     “ถ้าการเสียสละเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ เราต้องเสียสละแค่ไหน อย่างไร ถึงจะไม่กัดกินตัวตนของตนเอง”

 

 

เรื่องนี้เริ่มจากการที่ ทอม ขอ ไวโอเลต แต่งงานหลังจากคบกันมา 1 ปี เขาทำงานเป็นรองหัวหน้าเชฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก ส่วนเธอเพิ่งจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยามาหมาดๆ ความสัมพันธ์ราบรื่น เปี่ยมสุข เข้ากันได้ดี

 

แผนการแต่งงานเริ่มสะดุดเมื่อเพื่อนสนิทของทอมทำน้องสาวของไวโอเลตท้อง เลยต้องสลับให้คู่นั้นแต่งงานก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของทั้งคู่ไวโอเลต ได้งานที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน และจะได้ทำวิจัยหลังจบปริญญาเอกซึ่งเป็นงานในฝันของเธอ แต่เมืองมิชิแกนกับซานฟรานซิสโกนั้นไกลกันมาก เพราะอยู่คนละฟากฝั่งทวีปของสหรัฐอเมริกา ถ้าขับรถก็เป็นระยะทางเกือบ 4,000 กิโลเมตร

 

ในเมื่อตัดสินใจจะลงหลักปักฐานอยากอยู่ด้วยกันก็ต้องมีใครสักคนเสียสละ สุดท้ายทอมตัดสินใจลาออกจากงาน (ทั้งๆ ที่กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าเชฟ) ย้ายตามไวโอเลตไปอยู่เมืองที่ดูแล้วไม่น่าจะรุ่งเรืองทางหน้าที่การงานในอาชีพเชฟเอาเสียเลย งานแต่งงานถูกเลื่อนไปจนกว่าจะพร้อม สถานะของทั้งคู่คือหมั้นกันไว้ก่อน อีกปี อีกปี และอีกปี

 

สำหรับทอมนี่คือ การออกจากพื้นที่ปลอดภัย ย้ายไปเริ่มต้นใหม่ ในสถานที่ใหม่ ต้องปรับตัว ปรับใจ รับมือกับคนรัก กับตัวเอง และกับคำถามภายในใจว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งนี้ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ ไหนจะหน้าที่การงานที่ถดถอย คุณค่าชีวิตในส่วนอื่นๆ ลดลง เรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่ไร้สุขอย่างแท้จริง

 

     “ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนยังเด็กกว่านี้ เราคงหัวเสีย บ่นขรมใส่ตัวละครว่า ก็แล้วทำไมต้องมีใครเสียสละ ต่างคนต่างรักษาหน้าที่การงานของตัวเองไปสิ แต่เมื่อโตขึ้นมาแล้วเราได้เรียนรู้ว่า การเสียสละบางอย่างเพื่อรักษาบางอย่างนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ และสำหรับหลายคน การได้อยู่เคียงข้างคอยดูแล ให้กำลังใจ ใช้ชีวิตร่วมกัน คือเนื้อหาของการมีคู่ชีวิตในยามที่คุณมั่นใจว่านี่แหละคือคนที่อยากใช้ชีวิตร่วมกัน”

 

หนังเรื่องนี้ให้น้ำหนักแก่เหตุผลของตัวละครแต่ละคนได้ดีมาก เราเห็นใจทอมแต่ก็โกรธไวโอเลตไม่ลง เธอเป็นคนรักที่น่ารัก ใส่ใจความรู้สึกอีกฝ่าย และพยายามไม่น้อยไปกว่ากัน การสื่อสารระหว่างคู่ของสองคนนี้อาจจะไม่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย เนื่องจากสถานการณ์นั้นรับมือได้ยากลำบากจริงๆ และหนังไม่ได้ตัดจบให้คำตอบง่ายๆ ว่า ในที่สุดรักย่อมชนะทุกอย่าง แม้รักจะสำคัญเป็นอย่างมาก แต่การหาจุดลงตัวของความเสียสละ เพื่อมิให้กัดกินตัวเองก็ยังคงจำเป็นเป็นอย่างมาก หลายๆ อย่างต้องใช้เวลา และบางอย่างก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป

 

 

ในแง่ของความเป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ The Five-Year Engagement เป็นหนังที่ดูสนุกมากค่ะ ดูเพลินแบบไม่เบาโหวงเลื่อนลอย มาครบทุกสูตรของความคอมเมดี้ ทั้งผองเพื่อนนักวิจัยของนางเอก เพื่อนห่ามๆ ของพระเอก มีมุกตลกเจ็บตัวปนอยู่บ้าง มุกบทสนทนาก็ไม่เบา ที่สำคัญเอมิลี บลันต์ ผู้รับบทนางเอกของเรื่องคือความสวยงาม ดูแล้วเพลินตา น่ารักมาก

 

HUG Magazine

คอลัมน์: สวมแว่นสีชมพูดูหนัง 

เรื่อง: รอมคอมแอดมิน

     เป็นหนังรอมคอมว่าด้วยความสัมพันธ์อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่อยากให้คุณพลาด ควรชวนคนรักมานั่งดูด้วยกันในวันสบายๆ การได้ดูหนังว่าด้วยความสัมพันธ์ที่เขียนบทและออกแบบเรื่องราวมาลึกซึ้งและดีนั้น ช่วยให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์ดีขึ้นได้จริงๆ นะคะ เรายืนยัน : )