“คงเป็นวิชามาร พร่าผลาญหัวใจหลายคน มารยาร้อยเล่ห์กล ฝึกฝนได้อย่างช่ำชอง” เพลงรักอกหักจากนักร้องเสียงหวาน ‘เท่ห์’ อุเทน พรหมมินทร์ เจ้าของตำนานป่าล้อมเมืองของไทย ซึ่งทุกวันนี้แฟนเพลงยังเรียกหาไม่คลาย แต่วันนี้เขาจะมาเปิดอัลบั้มพิเศษ โดยมีนางเอกชั่วชีวิต ‘โหนย’ ปรินดา เกียรติเสริมสกุล มาร่วมรังสรรค์เพลงนี้ด้วยกัน
เริ่มต้นโน้ตเพลงแรก
คุณโหนยเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่ามาจาก คุณกุ้งนาง ปัทมสูต ที่ได้ทำงานละครร่วมกัน คุณกุ้งสนิทกับคุณเท่ห์ในตอนนั้น และกำลังหัดเล่นกอล์ฟ จึงไปที่สนามกอล์ฟออลสตาร์ ซึ่งเหล่าดารามักมาเล่นกันที่นี่ และนั่นคือก้าวแรกของการได้ทำความรู้จักกันในฐานะเพื่อนๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ให้วันเวลากระชับความสนิทสนม แรกทีเดียวเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ต่อมาเริ่มชวนไปดูหนังกันสองต่อสอง พบเจอกันแทบทุกวัน แต่เป็นสถานะที่ไม่มีใครตั้งคำถาม เพราะต่างก็สบายใจในความสัมพันธ์นี้
จนวันหนึ่งกามเทพก็แผลงศรปักอกนักร้องร็อคคนดัง เจ้าของตำนานของมือขวาหน่อย
“นั่งกินกันอยู่ร้านโอวเล้งอาร์ซีเอ วันนั้นมีพี่ๆ ในวงการมานั่งกัน เช่น พี่แอ๊ด คาราบาว (ยืนยง โอภากุล), พี่โอ้ โอฬาร (โอฬาร พรหมใจ) แล้ว พี่หนุ่ย อำพล (อำพล ลำพูน) มานั่งคุยด้วย อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาเลย เท่ห์ นี่แฟนเหรอ ผมก็ครับพี่ โหนยเขาก็งง (หัวเราะทั้งคู่) ก็ได้วะ”
เปิดตัวแฟนได้แบบงงจริง แต่ยังไม่จบ เพราะการแต่งงานก็เกิดขึ้นในจังหวะงงแบบนี้เช่นกัน เมื่อคุณเท่ห์เริ่มไปมาหาสู่ครอบครัวคุณโหนยมากขึ้น ทำความรู้จักกันอย่างสนิทสนม จนพี่สาวคุณโหนยออกปากถามว่า เมื่อไรจะแต่งงาน
“พี่สาวถามพี่เท่ห์เมื่อไรจะแต่งงาน เท่ห์บอกเดี๋ยวรอพร้อมก่อน ช่วงที่พี่เท่ห์ไปทำงานที่อเมริกา พี่สาวก็ชวนโหนยไปกินข้าวกับที่บ้าน อยู่ๆ ป๊าก็ถาม โหนยจะแต่งงานเหรอ เราก็งง อะไรคือจะแต่งงาน ป๊าบอกก็รู้จากพี่สาว โหนยยังไม่รู้เรื่องเลย (หัวเราะ) พี่สาวมองว่าพร้อมของแต่ละคนคืออะไร เขามองว่าแต่งๆ ไป แล้วจากนั้นก็ว่ากันอีกที”
“กลับมาผมถึงกับงงไง (หัวเราะทั้งคู่) บอกเลย ชีวิตคู่ผมไม่มีความหวานอะไรทั้งสิ้น”
“คู่เราไม่มีการขอเป็นแฟน หรือขอแต่งงาน ไม่มีอะไรเลยทั้งนั้น (หัวเราะ)”
เห็นร้องเพลงหวานปานนี้ แต่คุณเท่ห์ยืนยันว่าไม่ใช่คนหวานแต่อย่างใด วันเกิดตัวเองก็ยังลืม ครั้งหนึ่งไปร่วมงานวันเกิดรุ่นน้องที่เกิดก่อนคุณเท่ห์หนึ่งวัน สังสรรค์เสร็จ เป่าเค้กตอนห้าทุ่ม นั่งกินกันต่อ พอเที่ยงคืน ย่างเข้าวันใหม่ เพื่อนมาล้อมวงร้องแฮปปี้เบิร์ดเดย์ให้ คุณเท่ห์กลับถามว่าวันเกิดใครอีก
“ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันเกิด แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญคือวันตายมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าผมว่างต้องไปร่วมงาน ต่อให้มีวันเดียวก็ต้องไป”
เรื่องชวนงงอีกหลายรอบ
“เช้าวันพรุ่งนี้ต้องมีแห่ขันหมาก มีคนถือต้นกล้วยถือของต่างๆ ก็ถามว่าพี่เท่ห์ ใครจะมาถือให้เหรอ พี่เท่ห์บอกอ้าว ต้องมีด้วยเหรอ โทร.ตามกลุ่มเพื่อนตอนสี่ทุ่มนั้นเลย (หัวเราะ)”
“ผมโทร.หาพี่เพชร (เสนาเพชร), ปีเตอร์ ไมอ๊อกซิ, แอนดี้ เขมพิมุก, โฟน ฆธาวุธ ปิ่นทอง โทร.ตอนนั้นเลยว่าใครว่าง แต่ละคนยินดีให้ความร่วมมือ”
คุณโหนยเล่าถึงเรื่องชวนงงที่ยังไม่จบ คนจีนถือว่าคนที่ดวงชงกับคู่บ่าวสาวห้ามเข้าร่วมงาน แต่ช่างภาพปีชงก็ยังต้องอยู่ร่วมตลอดงาน ตะเกียงเข้าบ้านห้ามดับ คุณเท่ห์ก็บอกเปิดทำไมทั้งวันทั้งคืน เดินไปปิด เมื่อจบงาน เข้าห้องหอ ตามธรรมเนียมคือห้ามออกจนกว่าจะพ้นคืน คุณเท่ห์ไม่รู้ ไม่ได้เตรียมอะไรเลย นึกว่าจะออกไปซื้อได้ สุดท้ายต้องโทร.ตามเพื่อนๆ ให้ช่วยซื้อของเข้าไป เรียกว่ารอดเพราะเพื่อนจริงๆ
“วันงาน ผมออกจากโรงแรม เคลื่อนขบวนไปบ้านโหนย ก็คิดว่าไปกันเงียบๆ แต่พี่เพชรโห่มาแต่ไกล แล้วบีบแตรปี๊นๆ ตอนตีห้ากว่าตั้งแต่หน้าโรงแรม (หัวเราะ) ช่วงงานแต่งก็สนุก พี่ๆ ในวงการมากัน พี่ปู (พงษ์สิทธิ์ คำภีร์) เดินมาหาผม บอกว่านายเป็นคนแรกนะที่ทำให้พี่ใส่สูทมาได้ ด้วยความที่ผมมีเพื่อนเป็นนักมวยเยอะ พวกเขาก็มา ลูกๆ นักมวยก็มา และหลานฝั่งโหนยก็เยอะ อายุไล่เลี่ยกัน ข้างหน้าถ่ายรูป ข้างหลังฉากเด็กตีกันอยู่ (หัวเราะทั้งคู่) เล่นกันแล้วแรงไปหน่อย ช่วงออกมาส่งแขก บ่าวสาวอยู่ด้านนอก ข้างในบนเวทีก็เล่นเพลงกันสนุกละ ใครอยากขึ้นเวทีก็ขึ้นเลย”
“เราไม่มีปาร์ตี้หลังงาน เพราะแถวนั้นใกล้อาร์ซีเอมากแล้ว เชิญทุกคนไปต่อกันได้ (หัวเราะ)”
จังหวะของชีวิตคู่
คุณเท่ห์ยอมรับว่าเป็นคนชอบทำงาน ยิ่งพอมีลูก ก็เหมือนลูกนำโชคมาให้ งานจึงมากขึ้นตาม เมื่อก่อนชีวิตคู่มักเกิดปัญหากระทบกระทั่ง จึงเปิดใจคุยกันตรงๆ
“ต้องค่อยๆ ปรับกัน เรามีพี่เลี้ยงก็จริง แต่บางทีโหนยต้องอยู่กับลูกสองคน เข้าใจนะว่าเขาต้องทำงาน แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าอยู่ช่วยกันนิดหนึ่งสิ โหนยจะบอกพี่เท่ห์ว่างานก็คืองาน ถ้าเวลาไม่ได้ทำงาน อยู่เล่นกับลูกให้เต็มที่ ใช้เวลาให้คุ้มค่า แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีปัญหา เพราะโหนยรับงานให้เขาแทน (หัวเราะ)”
“ต้องพูดความจริงให้เข้าใจ ผมมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ และมีแม่ พี่สาว หลานสาว ที่เชียงใหม่ต้องพึ่งผม เพราะฉะนั้น ขาดงานไม่ได้ ยิ่งหาเงินได้เยอะยิ่งดี การที่มีงานเยอะไม่ว่าเล่นละคร ร้องเพลง ผมกลับมีความสุข ต่อให้ต้องออกจากบ้านทุกวันก็ตาม เมื่อก่อนตอนที่ดังมาก เดือนหนึ่งมี 31 วัน บางวันผมอาจรับสองงาน เช้าอยู่ใต้ เที่ยงบินกลับมา เย็นไปอีสาน แต่ตารางงานของผมยังไม่โหดเท่าพี่ปู (พงษ์สิทธิ์ คำภีร์) เพราะผมยังมีเวลาอยู่บ้านบ้าง”
อีกสิ่งที่ทำให้คุณเท่ห์ยังคงมีแฟนเพลงเหนียวแน่น คือการดูแลความรู้สึกของแฟนเพลงทุกคนไม่เคยขาด ใครมาขอถ่ายรูป มากอด คุณเท่ห์พร้อมกอดกลับเสมอ ไปร้องเพลงที่ไหนก็ยังถ่ายรูปกับแฟนเพลงจนคนสุดท้ายจริงๆ ถึงค่อยกลับ เจ้าของร้านจึงพลอยมีความสุขทุกครั้ง ยังคงโทร.มาถามคิวคุณเท่ห์เสมอ เพราะเหล่าแฟนเพลงเรียกร้องไม่ขาด
“ผมพูดกับเพื่อนทุกคน แนะนำน้องๆ ในวงการด้วยว่าอย่ารำคาญแฟนเพลง จำไว้ ถ้าวันหนึ่งเราเดินออกจากบ้านไปแล้วมีแต่คนเมิน ไม่ขอถ่ายรูป ไม่ยิ้มด้วย อนาคตคุณไม่มีแล้ว”
สามีและภรรยากับสิ่งที่ต้องร่วมฝ่าฟัน
เราถามถึงคำแนะนำสำคัญ แม้ว่าคู่ชีวิตหลายคู่ สามีจะไม่ได้เป็นคนของประชาชนอย่างคุณเท่ห์ แต่การทำงานร่วมกับสาวๆ ก็มักเป็นเหตุให้ภรรยาเกิดความหึงหวง จนลามไปถึงการทะเลาะเบาะแว้ง ในเรื่องนี้คุณเท่ห์และคุณโหนยจะแนะนำว่าอย่างไร
“ถ้าเรามีครอบครัวแล้ว เรื่องจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยอย่าไปทำ ถ้าคุณอยากสนุกสนาน ไปเป็นครั้งคราวได้ แต่อย่ามีเป็นตัวเป็นตนเด็ดขาด”
“โหนยบอกเพื่อนว่ายิ่งพี่เท่ห์เป็นคนสาธารณะ เรายิ่งต้องเป็นคนหูหนัก ใจหนัก ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาแล้วเชื่อเลย สมมติมีปัญหาอะไร ถามเขาโดยตรงดีกว่าจะมานั่งคิดเอาเอง ถามแล้วให้เขาตอบ และเขาตอบอะไรมา โหนยเชื่อตามนั้น ก็ไม่ต้องฟังใครต่อแล้ว เพราะนี่คือครอบครัวเรา อย่าไปคิดว่าเขาโกหกหรือเปล่า หรือมันจริงไหม ไม่ต้องคิดแล้ว ใครจะพูดยังไงก็แล้วแต่เขา เพราะนั่นไม่ได้มีความสำคัญกับเรา”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คุณโหนยยังเปิดใจถึงปัญหาใหญ่ ที่กลายเป็นข่าวดังตามหน้าสื่อฯ ต่างๆ ว่าสามารถฝ่าฟันกันมาได้เช่นไร ในช่วงเวลาอันวิกฤติดังกล่าว ทั้งสองยังคงยิ้มให้กันเสมอ
“วันแรกที่มีข่าว โหนยถามพี่เท่ห์ก่อนเลยว่ามีจริงไหม ถ้ามีจริงจะได้หาทางแก้ พี่เท่ห์ยืนยันว่าไม่มี โหนยกับเพื่อนก็ช่วยกันหาต่อว่าคนคนนี้คือใคร จนไปพบว่าแชทที่เป็นข่าว นั่นไม่ใช่ไลน์พี่เท่ห์ แล้วภาษาไทยพิมพ์ผิดอีก ไม่ใช่แน่ๆ จบเลย ในเพจที่ลงข่าวก็เขียนไปต่างๆ นานาจนอยากโพสต์ตอบว่าอย่าสงสารเรา เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง แต่โต้ตอบแล้วไม่มีอะไรดี เลยแคปหน้าจอทุกอย่างส่งตำรวจดีกว่า (หัวเราะ)”
“ส่วนผม พี่คนหนึ่งโทร.มาบอกว่ามีเรื่องแบบนี้ ก็ตอบว่า ผมไม่รู้จัก ไม่ต้องกลัวเรื่องปัญหาครอบครัวครับ เพราะผมไม่ได้ทำ เราสองคนยังนั่งเล่าให้กันฟัง วันนั้นต้องไปเล่นคอนเสิร์ต โหนยบอกว่าขึ้นไปเล่นตามสบาย ทางนี้เดี๋ยวจัดการเอง ไม่ต้องคิดมาก คืนนั้นผมเล่นเป็นปกติ แหย่กับทุกคนสนุกสนาน พอลงมาเขาก็บอกทุกอย่างเคลียร์หมดแล้ว (หัวเราะ)”
สาเหตุที่ทั้งสองตัดสินใจจัดการให้จบเพราะการถูกนำรูปครอบครัวมาโพสต์ลงโซเชียลและพาดพิงถึงจนเป็นข่าวเสียหาย แม้มีการเบลอร์หน้าลูกๆ แล้วก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้จะ “ฝัง” อยู่ในอินเตอร์เน็ตไปตลอดกาล จึงต้องทำให้เป็นกรณีศึกษาสำหรับทุกคน
“แล้วตลกคือวันที่เกิดเหตุพวกเราทั้งหมดนั่งอยู่หลังเวทีด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นคงไปเอารูปจากเพจร้านที่ถ่ายกันส่วนตัว แล้วปะติดปะต่อเป็นเรื่องราว ส่วนตัวผมคิดว่าเขาทำเพราะสนุก และคิดไม่ถึงว่าจะมีคนเอาเรื่อง รวมทั้งเพจนั้นด้วย แอดมินเพจมาร้องไห้ ขอให้ผมเลิกแจ้งความ แต่ผมส่งเรื่องให้ปอท. ไปแล้ว ผมสอนด้วยว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ ถ้าทำกับคนเป็นโรคซึมเศร้า แล้วคนนั้นเกิดฆ่าตัวตายใครจะรับผิดชอบเขาและครอบครัวของเขา แอดมินเพจบอกว่าไม่มีเจตนาทำร้ายครอบครัวเรา แต่การที่เอาไปลงนั้นเป็นการทำร้ายโดยตรงอยู่แล้ว ตำรวจยังบอกเขาอีกว่า ถ้าโหนยไม่มีนิสัยแบบนี้ ป่านนี้เท่ห์ตายไปแล้ว”
เสน่ห์อีกอย่างของเท่ห์ อุเทน
“ครอบครัวผมปลูกฝังเรื่องคำขอโทษ และคนได้รับต้องให้อภัย ผมเป็นคนที่ต่อให้โกรธมากแค่ไหน พอเขามาขอโทษ ก็ให้อภัย แล้วเริ่มใหม่ เคยให้โอกาสคนมาหลายครั้ง ไม่เอาแล้ว พอเขาลำบากก็ช่วย”
เพราะนิสัยแบบนี้จึงทำให้ เท่ห์ อุเทน มีแฟนเพลงมายาวนาน และมีเพื่อนๆ มากมาย และช่วงโควิดระบาดรอบแรก คุณเท่ห์ยังคงช่วยเหลือเพื่อนๆ ในวงการที่ซบเซาด้วยการแนะนำงานจากเหล่าแฟนเพลงที่ต้องการศิลปินดารามาร่วมงาน
สีสันของบ้าน
เรื่องชวนฮาของบ้านนี้ยังไม่จบ เมื่อตอนคลอดลูกคนแรก คุณโหนยอยากให้มีรูปนาทีสำคัญจึงบอกให้คุณเท่ห์เตรียมกล้องไว้ แต่ก็คว้าน้ำเหลว
“หมอบล็อคหลังเตรียมผ่าคลอด พอผ่า เราดันเจ็บ หมอก็รอใหม่ให้ยาชาซึม ก็ยังเจ็บ หมอเลยเปลี่ยนวิธีทันที เพราะตอนนั้นผ่าไปหน่อยแล้ว เอาตัวครอบดมยาสลบมาสวมให้ หลังจากนั้นโหนยไม่รู้ตัวละ ตื่นมาอีกทีคือห้องรอหลังคลอด สักพักพยาบาลมาบอกว่า ขอโทษนะคะคุณแม่ คือคุณพ่อมาโวยวายว่าทำไมไม่ให้เขาเข้าไปในห้องเพื่อถ่ายรูป นั่นเป็นเพราะโหนยหลับไป โรงพยาบาลจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องเรียกมาถ่ายรูป แล้วไม่ได้บอกกับพี่เท่ห์”
“ผมนั่งหลับรอ พยาบาลไม่มาเรียก ก็เลยไม่รู้ ตื่นมาจบไปแล้ว ประเด็นคือกลัวโดนโหนยด่า (คุณโหนยหัวเราะ) พอคุยกันเข้าใจ ผมลงไปขอโทษเขาทั้งวอร์ดเลย (หัวเราะ) ตอนผมลงไปอีกรอบ พยาบาลหน้าเสีย ถามว่ามีอะไรอีกเหรอคะ อ้อ ไม่มีครับ ผมมาขอโทษ (ยิ้ม)”
เพลงหวานที่สุด
ในฐานะนักร้องเพลงรักหวานซึ้ง แม้ตัวจริงจะเป็นคนตลกเฮฮาก็ตาม เมื่อถามถึงเพลงที่ชอบร้องให้ภรรยาฟัง คุณเท่ห์บอกว่าเพลง “หลับตา” ของคุณ ‘แต๋ม’ ชรัส เฟื่องอารมย์
“ตอนนั้นเขาไปร้องเพลงที่พัทยา ร้องอยู่บนเวที อยู่ๆ ก็โทร.มาหาเรา แล้วไม่บอกอะไร วางโทรศัพท์เอาไว้ ร้องเพลงให้ฟัง”
“ผมแต่งเพลงรักไม่เป็น พอเป็นเพลงรักเลยต้องยืมชาวบ้านมาหมดเลย ผมไม่ใช่คนหวาน ร้องเพลงอกหัก พักเบรก พูดคุยกันมีแต่คนหัวเราะ หน้าเวทีผมเป็นคนตลก (ยิ้ม) สิ่งที่พูดออกไปมีแต่รอขำอย่างเดียว”
แต่การโทร.หาคนรัก แล้วร้องเพลงกลางงานให้ฟัง ก็ถือว่าหวานไม่ใช่น้อยแล้วนะ
ตัวจริง
พอว่าตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร คุณโหนยยิ้มพร้อมยืนยันชัดว่าไม่ใช่ตามเพลงหวานที่ร้องมาแน่นอน
“พี่เท่ห์ตัวจริงเป็นคนตลก ชอบดูหนังตลก ชอบต่อยมวย หนังแนวโรแมนติกไม่ดู หนังฝรั่งไม่ดู ดูหนังไทย หนังจีน แล้วถ้าเป็นเรื่องจริงจังก็ซีเรียสทันที เป็นคนใจเย็น ใจอ่อน ขี้สงสาร ขี้แกล้งลูก (หัวเราะ)”
“ส่วนโหนยก็เป็นแบบนี้แหละ (หัวเราะ) เขามีช่วงหวานของเขา แต่ส่วนใหญ่จะนิสัยสบายมากกว่า เราสองคนคล้ายกัน คือเป็นคนไม่ชอบแต่งหน้าทำผม จึงง่ายต่อการไปไหนมาไหน ทุกวันนี้ถ้าไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่ ผมไม่แต่งหน้า ขอแค่ซับมันอย่างเดียว”
เรื่องที่เป็นห่วง
ส่วนความห่วงหาอาทรที่มีต่อกันนั้น คุณเท่ห์บอกว่าห่วงเรื่องสุขภาพภรรยา ส่วนคุณโหนยฟ้องตรงๆ ว่าห่วงสุขภาพสามีเช่นกัน ในเรื่องการดื่มสังสรรค์ เพราะคุณเท่ห์มีเพื่อนเยอะ จึงมักไปพบปะกันบ่อยๆ จนเคยเกิดเรื่องที่ยังเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์กลางกลุ่มเพื่อนมาแล้ว
“ตอนนั้นตีสามพี่เท่ห์ยังไม่กลับบ้าน ถ้ามีคนขับรถไปด้วยจะเบาใจ แต่ตอนนั้นไปเองแล้วไม่ได้ขับรถไป เรากลัวว่าเรียกแท็กซี่แล้วไม่สามารถบอกทางกลับได้ จะถูกทิ้งกลางถนนไหม คุยกับเพื่อนว่าถ้าตีห้าพี่เท่ห์ยังไม่กลับบ้านจะขับรถออกไปหา”
“ผมเมาหลับไม่รู้ตัวอยู่บ้าน ตรี สุขเกษม ส่วนโทรศัพท์หล่นอยู่ในรถพี่เป๊ก สัญชัย ภาพที่ทุกคนเล่าให้ฟังคือ เป๊กให้รถมาส่ง ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง รถก็กลับมาที่ร้าน เปิดประตูรถแล้ว ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม หันไปมองเพื่อนแล้วยิ้มให้อีก เพื่อนฮาตกเก้าอี้กัน (หัวเราะ) ตรีก็พาไปนอนบ้าน ผมรู้แค่ว่าจะต้องกลับบ้าน ไม่งั้นโดนด่าแน่ แต่พอตรีถามว่าบ้านอยู่ไหน ผมตอบว่าไม่รู้ สรุปนอนบ้านตรี สุดท้ายมาส่งตอนตีห้า หลังจากนั้นเวลาไปดื่มกับเพื่อน พวกเขาจะถามก่อนเลยว่า นอนบ้านไหน เหม่งจ๋าย หรือลาดปลาเค้า จะได้ให้ไปส่งถูก แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว ตีหนึ่งก็รีบกลับ”
“ถึงได้ห่วงว่าไปหลับอยู่กลางถนนที่ไหนไหม (หัวเราะ) คุยกันไว้ว่าจะดื่มก็ดื่ม ขออย่างเดียวอย่าดื่มจนไม่รู้เรื่อง ขอให้นึกถึงคนที่รออยู่ที่บ้าน ว่าเขาเป็นห่วง”
อัลบั้มเพลงพิเศษ
เราถามคุณเท่ห์ว่าในเมื่อครองรักกันมานานอย่างนี้ ถ้าเป็นเพลงจะตั้งชื่อว่าอะไร คุณเท่ห์อมยิ้มแล้วตอบทันที
“รักงงๆ (ยิ้ม) ผมเชื่อว่ามีหลายคู่ที่ออกมาแนวนี้แหละ ถ้าไม่มีพี่หนุ่ยวันนั้นอาจยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“วันก่อนเจอพี่หนุ่ยยังบอกเลย”
แล้วทั้งสองก็นั่งหัวเราะกันในเพลงพิเศษเฉพาะนี้
ฝากถึงคนอ่านเรื่องชีวิตคู่
เท่ห์: มีอะไรให้คุยกัน ถ้าคุณมีปัญหาชีวิตคู่ให้คุยกัน ใครผิดก็ขอโทษ คนที่ได้รับการขอโทษก็พิจารณาว่าเมื่อเขาขอโทษแล้วน่าจะให้อภัยกัน เพราะการที่ไม่ให้อภัยชีวิตคู่จะเดินต่อไปข้างหน้ายาก เชื่อเถอะว่าไม่มีใครทำถูกหรือทำผิดไปตลอดชีวิต เพราะงั้นการให้โอกาสซึ่งกันและกันเป็นสิ่งที่ดี คนให้โอกาสก่อนย่อมได้เปรียบ เพราะวันหน้าถ้าคุณทำพลาด คุณสามารถเรียกร้องได้ว่าครั้งที่แล้วยังให้อภัยก่อนเลยนะ ผมเชื่อแบบนี้ และชีวิตจะอยู่ด้วยความสนุก อย่าไปหวานมาก เชื่อเถอะ เห็นหลายคู่แล้วหวานหยดย้อย ท้ายสุดก็เลิกกัน
โหนย: ชีวิตคู่ใช้หลายอย่างนะ หลักสำคัญคือการพูดจา การเข้าใจกัน บางครั้งต้องขอโทษกันทั้งคู่ ลดอีโก้กัน เราสองคนไม่มีอะไรปิดบังกัน ไม่พอใจจะโกรธ ขอให้ได้บอก ไม่อยากเก็บ ถือหลักมีปัญหาอะไรเคลียร์กันให้จบ
HUG MAGAZINE
เรื่อง : มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์
ภาพ : อนุชา ศรีกรการ
การแต่งงานของเราเป็นแบบคลุมถุงชนรึเปล่า? : สำรวจวัฒนธรรมคลุมถุงชนอย่างเข้าใจง่าย
การแต่งงานของเราเป็นแบบคลุมถุงชนรึเปล่า (Is your marriage…