“เชียงใหม่”

          คือปลายทางที่มาเยือนกี่ครั้งก็ไม่เคยหายคิดถึง ไม่ว่าจะออกเที่ยวอีกสักกี่ครั้ง เชียงใหม่ก็ยังคงเป็นจังหวัดแรกๆ ที่เลือกจะไป แต่มาคราวนี้ขอพา ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งนอกตัวเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นที่ร่ำลือถึงความสวยงาม ระดับมีรางวัลมาการันตี รถคู่ใจคันเก่งที่พาเราจากเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปตามถนนลาดยางสายเรียบ เส้นเชียงใหม่-ฮอด บทสนทนาของสาวๆ ภายในรถช่วยย่นระยะทาง 40 กว่านาทีให้เหลือแค่นิดเดียว เมื่อรถเคลื่อนผ่านรั้วสีขาว ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่พื้นที่สีเขียวแห่งการพักผ่อน ความร่มรื่นภายใต้อุโมงค์ต้นไม้ที่ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ทำให้เดาได้ไม่ยากเลย ว่าที่นี่น่าจะมีอายุหลายสิบปี

 

          ย้อนเวลากลับไปสัก 60 ปีที่แล้ว เมื่อ เจ้าชื่น สิโรรส นำเอาใบยาสูบสายพันธุ์เวอร์จิเนียเข้ามาปลูกในเขตภาคเหนือ และก่อตั้ง ‘บริษัทแม่ปิงยาสูบ’ ก่อนจะเปลี่ยนเจ้าของสู่ ‘ฟาร์มหาดทุ่งเสี้ยว’ ดำเนินธุรกิจทำใบยาสูบเพื่อส่งขาย ช่วงหนึ่งที่นี่เคยคึกคักด้วยผู้คน ที่แห่งนี้เปรียบเสมือนอาณาจักรที่เคยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนย่านหาดทุ่งเสี้ยว อำเภอสันป่าตอง สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ และสร้างความมั่งคั่งให้แก่เมืองเชียงใหม่ จนวันหนึ่งธุรกิจใบยาสูบมีอันซบเซาเลยต้องบอกลา พอถึงปี 2538 ที่นี่ก็ถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้ง ในหน้าที่ใหม่แต่ยังคงเล่าความทรงจำแห่งอดีตให้อยู่คู่กับชาวเชียงใหม่ต่อไป

 

 

          ทุกวันนี้ “เก๊าไม้ล้านนา รีสอร์ท” เปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเลือกเข้ามาเยี่ยมชมและพักผ่อน พื้นที่กว่า 44 ไร่ของที่นี่ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นทั้งรีสอร์ท คาเฟ่ ร้านอาหาร พื้นที่พักผ่อน และพิพิธภัณฑ์ แบ่งเป็น 2 โซน ด้านหน้าเป็นพื้นที่ของ “เก๊าไม้ล้านนารีสอร์ท” ที่พักในแบบ boutique hotel จากส่วนต้อนรับในอุโมงค์ต้นไม้ เราย่างไปตามทางเดินที่โรยด้วยหินเกล็ดก้อนเล็กๆ เราจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่นั่นก็ทำให้เราสนใจสองข้างทางที่รายล้อมด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด เหมือนกับว่าตอนนี้กำลังถูกธรรมชาติสะกดเราไว้ จนทางเดินแสนสั้นกลับใช้เวลานานกว่าจะไปถึงห้องพัก อาคารทรงจั่วสูงใหญ่อันเป็นเครื่องระลึกถึงอดีต วันนี้ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ทั่วทั้งอาคาร จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ภายในห้องพักถูกตกแต่งให้มีบรรยากาศเหมือนบ้านในเขตชนบทใจกลางยุโรป วิวนอกหน้าต่างชวนให้เราต้องเปิดผ้าม่านดูลานสีเขียวกว้างๆ ภายใต้ร่มไม้ใหญ่ ว่าถัดจากห้องพักของเรานี้ จะมีอะไรให้เข้าไปชมบ้าง

 

 

“เก๊าไม้ เอสเตท 1955”

          อยู่ถัดจากเก๊าไม้ล้านนา รีสอร์ท พื้นที่ส่วนนี้ถูกออกแบบขึ้นใหม่เมื่อไม่นานนี้ เป็นทั้งพื้นที่พักผ่อน เรียนรู้และลานเอนกประสงค์ โซนนี้อาจจะคึกคักหน่อย เพราะเปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้ามาพักผ่อนได้ ถนนเล็กๆ พาเราย้อนเวลากลับไปดูอดีตของฟาร์มทุ่งเสี้ยว ซึ่งวันนี้ทำหน้าที่คล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ให้เราได้เข้าไปเรียนรู้ผ่านนิทรรศการ ในอาคารโรงบ่มแบบดั้งเดิม ที่กำลังอวดกรรมวิธีบ่มใบยาสูบ เหมือนเมื่อครั้งที่นี่ยังดำเนินกิจการ เรายังได้ชมโครงสร้างข้างในของอาคารก่อนจะถูกแปลงเป็นห้องพักแสนสบายในคืนนี้

 

 

         เสียงนกร้องปลุกเราลุกจากที่นอน อากาศเย็นจนต้องเดินห่อตัว ระหว่างทางไปรับประทานอาหารเช้า ต้นไม้ใหญ่ ต้นหญ้าสีเขียว ให้ความสดชื่นโดยไม่ต้องกังวลกับเจ้า PM 2.5 ที่แห่งนี้เขายังคงเก็บบรรยากาศเมื่อครั้งอดีตไว้ได้เป็นอย่างดี หลังอาหารเช้าแบบง่ายๆ เราก็ขอเลือกไปเติมความสดชื่นกันต่อที่ ‘คาเฟ่โรงบ่ม’ ซึ่งปรับปรุงจากโรงบ่มแฝดของที่นี่ ให้กลายเป็นคาเฟ่สุดชิคในอาคารทรงกล่อง กรุผนังกระจกใส ตกแต่งด้วยสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟท์ พร้อมแฝงเรื่องเล่าเมื่อวันวานของเก๊าไม้ ผ่านวัสดุที่ใช้ก่อเป็นโรงบ่ม ตั้งแต่โรงบ่มไม้ไผ่สานฉาบปูน แล้วกลายเป็นอิฐและผนังสีเขียวครึ้มอย่างทุกวันนี้ ส่วนชั้นบน 2 ยังมีภาพถ่ายให้หวนรำลึกถึงวันวาน แล้วเครื่องดื่มถูกใจก็วางลงตรงหน้า เวลาเริ่มเดินช้าๆ ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง จากตรงนี้เราสามารถเห็นพื้นที่สีเขียวเกือบทั่วทั้งบริเวณ สัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการเคารพและสอดแทรกธรรมชาติ ดูกลมกลืนกับการพักผ่อนหย่อนใจ จนได้รับรางวัลระดับโลกอย่าง UNESCO Asia-Pacific Awards for Cultural Heritage Conservation ประจำปี 2561

 

 

         ร่องรอยอดีตอันมีคุณค่าของเก๊าไม้ล้านนา พื้นที่ซึ่งแวดล้อมด้วยธรรมชาติ และพร้อมจะปรนเปรอความสุขแก่คุณในวันพักผ่อน จนต้องแอบเก็บความสุขนั้นไว้ในลิ้นชักแห่งความทรงจำ สถานที่ที่ใครได้ไปสักครั้ง รับรองว่าต้องหลงรักและอยากกลับไปเยือนอีก.

 

 

HUG MAGAZINE

พาหัวใจไปเที่ยว : น้องฟาง