Q.

ผมมีเรื่องทุกข์ใจครับ พี่อ้อย เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกับแฟน เราเริ่มคุยเรื่องแต่งงาน แค่เริ่มมันก็ไม่ราบรื่นแล้ว ผมมีความรู้สึกสองจิตสองใจว่าจะแต่งหรือไม่แต่งดีสองสามเดือนให้หลัง เราทะเลาะกันตลอดแบบสามวันดีสี่วันไข้ ที่เราต้องพูดถึงเรื่องแต่งงาน เพราะเขามีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีลูกยาก เหลือรังไข่แค่ข้างเดียว หากเราแต่งงานไปแล้ว ไม่มีลูก ตัวผมเองคงไม่มีความสุขแน่ๆ เพราะผมอยากมีลูกจริงๆ จนเราได้คุยกันกับญาติฝ่ายหญิงว่างั้นหมั้นก่อน แล้วเริ่มกระบวนการทำ IVF ไปปรึกษาหมอ ทำไปทะเลาะกันไป ด้วยความที่ฝ่ายหญิงอยากแต่งงาน เขาเลยรู้สึกน้อยใจว่าเหมือนเราต้องการลูกมากกว่าเขา จนตอนนี้ผมยังอยากทำเหมือนเดิม ไม่ได้อยากเปลี่ยนความต้องการที่ตั้งไว้ หากไม่มีลูกก็ต้องจบด้วยการแยกทางกันแน่ๆ จนเขารอไม่ไหว ผมอยากถามพี่อ้อยว่า ผมควรทำอย่างไรครับ ลึกๆ แล้วพอผมนึกถึงอนาคตที่เราอยู่กับเขาแล้วไม่มีลูกก็ดูไม่ตอบโจทย์ เหมือนผมก็ไม่ได้รักเขาสุดหัวใจขนาดนั้นจริงๆ

A.

“ปล่อยเขาไปเถอะน้อง” นี่คือประโยคแรกที่พี่อุทานเลย หลังจากอ่านคำถามของน้องจบ ยังไม่ต้องนับเรื่องมีลูกหรือไม่มีลูก แค่น้องบอกว่า “ไม่ได้รักเขาขนาดนั้น” ก็เพียงพอให้ความสัมพันธ์จบลงแล้ว งานแต่งงานไม่สำคัญเท่าชีวิตหลังแต่งงานค่ะ ความเบื่อทำงานทุกวัน บางคู่ที่รักกันมากๆ ยังยากจะประคองความรักในยุคที่มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายขนาดนี้ นับประสาอะไรกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยรักเท่าไหร่ ชีวิตคู่จะเดินไปได้ไกลถึงไหนหรือ “การแต่งงาน” ไม่ใช่การรับใบปลิวค่ะ รับๆ ไป แล้วไปทิ้งเอาข้างหน้า แต่งๆ ให้จบไป ข้างหน้าค่อยว่ากัน หัวใจคนนั้น รักได้และเจ็บเป็น

วันนี้ไม่แปลกเลยที่แฟนน้องจะรู้สึกน้อยใจ เพราะผู้ชายคนหนึ่งรักในมดลูกมากกว่าตัวเธอ เราไม่ได้เลือกกันเพราะรักกัน ผู้หญิงคนนี้มีค่า มีผลต่อใจ อยากหลับนอนและตื่นมาด้วยกัน อยากหายใจอยู่ใกล้ๆ กัน เปล่า … แค่อยู่ที่เธอมีลูกได้เปล่า ถ้าไม่มี ก็ไร้ประโยชน์ที่จะอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ทำผู้หญิงคนหนึ่งท้อง แล้วแต่งงานทีหลังดีกว่าไหม เพราะเหมือนเรากำลังตัดสินคุณค่าของผู้หญิงคนหนึ่งแค่ว่าเขาเป็นแม่ได้ไหม ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่น้องตั้งเป้าหมายไว้นั้นผิดนะคะ แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าคิดแค่ว่า เราคือศูนย์กลางจักรวาล เป็นผู้เลือกได้แต่เพียงผู้เดียว ถ้าใครคนไหนไม่ได้ดั่งใจเรา เขาผิด ทำไมทำตามสิ่งที่เราขอไม่ได้ ที่จริงการหมั้นไว้ก่อนคล้ายๆ การแทงกั๊ก เข้าทำนองไม่ค่อยรักเท่าไหร่แต่ “หมั้น” เพื่อจองที่ไว้ แล้วดูอีกทีว่ามีลูกได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่งฯ มาถอนหมั้นเอาทีหลัง เราคิดถึงหัวใจเขาน้อยไปหน่อยหรือเปล่า ลองถามตัวเองดูดีๆ อีกทีนะคะ

ความรักเป็นเรื่องคนสองคนที่ต่างรักและเลือกกัน ไม่ใช่น้องคนเดียวที่เลือกได้ วันนี้ฝ่ายหญิงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่รอไม่ไหว แต่คงรู้สึกเสียใจที่คนที่เธอรักตัดสินเธอด้วยเรื่องนี้ หมั้นๆ ไปเพื่อดูว่าเธอผ่านการทดสอบในการผลิตมนุษย์ไหม น้องคะ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีลูกยาก ไม่ใช่ความผิดของเธอแต่เพียงผู้เดียว เราเองก็มีส่วน การป้ายความผิดให้เธอทั้งหมด เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้น่ารักมากพอจะเป็นสามีที่ดีเช่นเดียวกัน เธอเลยเลือกทางที่เธอไม่ต้องต่อสู้หรือพิสูจน์ตัวเองเพื่อรอความรักจากผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งวัดคุณค่าของเธอแค่การตั้งท้องอีกต่อไปแล้ว

 

พี่เข้าใจความรู้สึกนี้ดีค่ะ ต่อให้ตัวเองร่างกายสมบูรณ์ เคยมีลูกแล้วแท้งไป เขาก็ไม่มาอีกเลย มุมเล็กๆ ในใจ คิดตำหนิตัวเองเสมอว่า เธอช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่สมบูรณ์ แค่เป็นแม่เธอยังเป็นไม่ได้เลย แต่สามีพี่บอกเสมอ เราไม่ได้มีใครเพิ่ม แต่โชคดีที่เรายังไม่มีใครขาดเลยนะ เรายังอยู่ข้างๆ กัน กอดกัน แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว ไม่ว่าประโยคเหล่านี้จะเป็นแค่ประโยคปลอบใจหรือเปล่า แต่มันทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นจริงๆ นะคะ เพราะถ้าคนเราเลือกได้ เราก็อยากเลือกเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง บางเรื่องนอกเหนือการควบคุม ความสุขไม่ได้อยู่ที่เรามีอะไร แต่อยู่ที่เรารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เรามี รู้ว่าคนที่เรารักมีรังไข่ข้างเดียว น้องไม่ห่วงแฟนเหรอ อาการเป็นยังไง เจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า เราจะดูแลเธอยังไงให้มีความสุขกับร่างกายที่อวัยวะบางส่วนไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่ด้อยค่าสิ่งที่เธอเลือกไม่ได้ แล้วมาตัดสินว่า ฉันไม่เอาเธอ เพราะเธอมีลูกไม่ได้

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล

คอลัมน์ หัวใจไม่จนมุม

Hug magazine 

“พี่ดีใจกับแฟนน้องจริงๆ นะคะที่ไม่ได้แต่งงานกับน้อง ไม่อย่างนั้นเธออาจจะต้องรู้สึกไร้ค่า ทั้งที่เป็นคนข้างๆ น้อง การที่น้องบอกว่า ถ้าไม่มีลูก น้องต้องไม่มีความสุขแน่ๆ แต่พี่กลับรู้สึกว่า ที่น้องไม่มีความสุข เพราะน้องไม่ได้รักเธอเท่าไหร่ อยู่ๆ กันไปก็กลายเป็นความฝืนใจกันเปล่าๆ คนสองคนรักกัน กอดกัน ใส่ใจกัน และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมพอเพื่อรอให้ลูกมาเกิด แค่ความหวังของน้องผูกความสุขไว้กับสิ่งที่อยู่ในอนาคตเกินไป เกิดมีลูก แล้วลูกดื้อหรือซน ไม่ได้ดั่งใจ น้องจะโทษภรรยาอีกไหมที่มีลูกแล้วดื้อขนาดนี้ ถ้าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ แยกย้ายตอนนี้ ย่อมดีต่อทั้งสองฝ่าย เอาไว้เมื่อไหร่ที่น้องเจอใครสักคนที่รักกันแบบไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง ฉันก็จะรักเธอ เมื่อนั้นค่อยแต่งงาน พี่ว่าน่าจะมีความทุกข์ใจน้อยที่สุดค่ะ”

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล