Q.

พี่อ้อยคะ หนูเพิ่งตรวจเจอว่ากำลังตั้งครรภ์ค่ะ พ่อของเด็กจะรับผิดชอบ เขามีภรรยาที่ยังไม่หย่าและลูกหนึ่งคน แล้วมีภรรยาอีกคนกับลูกหนึ่งคน ซึ่งเขาก็ยังส่งเสียและติดต่อกัน แต่บอกเราว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันแล้ว ช่วงแรกหนูโอเคค่ะ พออยู่มาเรื่อยๆ ก็เริ่มรู้สึกน้อยใจหนักมาก เวลาเขาคุยกับเมียคนที่หนึ่งและสอง หนูรู้ตัวว่าหึงเขามาก หนูควรไปเอาเด็กออกแล้วเลิกยุ่งกับเขาไหมคะ ยังรักเขา แต่เขาไม่กล้าเลิกกับเมียเก่า ต่อให้หนูมีลูก เขาก็ไม่เลิกกับเมียคนไหนเลย เขาบอกว่าถึงเวลาจะหนีมาอยู่กับหนูเงียบๆ ไม่บอกใคร แต่ไม่รู้อีกกี่ปี หนูเลยคิดหนัก กลัวมีปัญหาตามมา ยิ่งช่วงโควิดฯ ระบาดยิ่งแย่ ฝากท้องกับหาหมอก็ลำบาก เด็กเกิดมาก็เสี่ยงอีก หนูเครียดมาก ตอนนี้เลยคิดอยากเอาเด็กออกแต่ก็กลัวบาป

A.

ตั้งสติให้ดีก่อนนะคะ วันนี้น้องมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังเติบโตในท้องของเรา คำว่า “แม่” ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิด ชีวิตน้อยๆ นี้เกิดจากความรักของเรา เมื่อพ่อเขาไม่พร้อมดูแล คนเป็นแม่ก็ต้องดูแลเขาให้ได้อย่างดีค่ะ

 

พ่อของเด็กมีภรรยาตั้งสองคน แล้วยังมามีเรา น้องรู้ทุกอย่างก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ ไม่เห็นมีอะไรเหนือความคาดหมายเลย เขาบอกว่าไม่ได้ยุ่งกันแล้วแต่ยังส่งเสียและติดต่อกัน นี่คือความจริงที่น้องมองข้ามไม่ได้ เวลาเรารักใคร เรามักเลือกมองแต่สิ่งที่เรา “อยาก”มอง จนมองข้ามอีกหลายอย่างที่เรา “ควร” มอง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ดูง่ายๆ ที่การกระทำ เขาบอกว่าไม่ยุ่งกันกับภรรยาทั้งสองแล้ว พอน้องยอมเข้ามาเป็นคนที่สามเลยทรมานตามท้องเรื่อง คนเก่าเขายังอยากมีไว้ คนใหม่ก็ไม่อยากเสียไป และดูเหมือนเราต้องทนให้ได้กับสิ่งที่เขาเป็น จะหึงยังไง ในเมื่อสองคนนั้นมาก่อน

 

น้องบอกว่า ต่อให้หนูท้อง เขาก็ยังไม่คิดจะเลิกกับเมียคนไหน น้องคิดว่าเด็กคือตัวประกันหรือ ลมหายใจของเขามีเอาไว้แค่เรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้นหรือ พอดึงผู้ชายไว้ไม่ได้เลยจะเอาเด็กออก อ้างเหตุผลสารพัดว่า กลัวโควิดฯ หาหมอยาก ที่จริงน้องควรกลัวเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้หรือเปล่า คุมกำเนิดทำได้ไม่ยากแต่ก็ปล่อยมาถึงตอนนี้ เพราะคิดว่าบางทีเขาอาจเลิกกับคนอื่นเพื่อเรา น้องลืมมองไปว่า ทั้งที่ภรรยาคนที่หนึ่งและคนที่สองต่างมีลูกเป็นของตัวเอง ก็ยังไม่อาจหยุดความไม่รู้จักพอของเขาได้เลย ไม่ว่าน้องจะหยุด หรือจะทน เขาก็ปันใจให้หญิงอื่นอยู่ดีค่ะ น้องใช้ชีวิตเสี่ยงไปหน่อย ต่อให้ทุกความรักมีความเสี่ยง แต่ลงท้ายเราควรเลือกคนที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด นี่เขาไม่เคยเลิกกับใครเลย ทั้งเมียหนึ่งและเมียสอง น้องยังยอมเป็นตัวสำรองคนที่สาม ทำไมเขาต้องตามใจน้อง ถ้าเรายอมเป็นตัวสำรองอย่างเต็มใจ ทำไมเขาถึงต้องเลือกเราเป็นตัวจริง สิ่งที่เขาพูดเหมือนการขายฝัน เดี๋ยวจะเลิกกับสองคนนั้นเพื่อไปอยู่กับน้อง ช้าก่อน แล้วบรรดาลูกเมียก่อนหน้านี้ เขาจะดูแลรับผิดชอบยังไง ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องระวังตัวและหัวใจให้ดี รักไหนที่ได้จากการแย่งชิง เราก็อาจถูกทิ้งไม่ต่างกัน

 

 

ล่าสุดได้ดูซีรี่ส์เรื่องหนึ่ง Love (ft .Marriage and Divorce) ความรักของคนหลายคู่ที่คบชู้กันได้ง่ายมาก บ้างเจอบนเครื่องบิน บ้างเจอที่ฟิตเนส จุดเริ่มต้นแต่ละคู่คล้ายๆ กันคือ คิดว่านิดหน่อยไม่น่าเป็นอะไร นอกใจก็คล้ายติดยา เริ่มจากการคิดว่าไม่ติด ไม่น่าเป็นอะไร สุดท้ายเรื่องก็บานปลาย คนนั้นก็อยากมี คนนี้ก็ไม่อยากเสียไป พอถามจะเลือกใคร เขาก็ตอบว่าเลือกไม่ได้ อย่าคิดว่าเขารักมากทุกๆ คนนะคะ ที่จริงเขารักแต่ตัวเอง เห็นแก่ตัวจนไม่แคร์หัวใจใคร คิดว่าการไม่เลือกอะไรคือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เขาอ่อนแอเกินกว่าจะเสียใครไป เลยรวบเป็นทุกคนไว้ด้วยกันเป็นวิตามินรวมแบบนี้

 

ในซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงหัวอกของลูกๆ ด้วย วันที่พ่อทรยศหัวใจแม่ คนเป็นลูกจะรู้สึกแย่แค่ไหน ผู้ชายคนหนึ่งให้เหตุผลว่า “ลูกพ่อ ไม่มีใครหรอกที่จะรักคนคนเดียวไปทั้งชีวิต นี่เพราะแม่คือแฟนคนแรกคนเดียวของพ่อ เรารักกันเร็วไป ชีวิตเลยต้องมาถึงจุดนี้ จุดที่พ่อไปรักผู้หญิงอีกคน แต่ลูกไม่ต้องกลัวนะ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกยังคงเหมือนเดิม พ่อยังส่งเสียลูกเหมือนเดิม” ประโยคหนึ่งในเรื่องจุกหัวใจมากค่ะ “อย่าคิดว่าแค่ให้เงินก็หมดหน้าที่ของความเป็นพ่อแล้วนะ” พ่อพยายามให้เหตุผลของคนเห็นแก่ตัวต่อไป “ต่อให้ลูกแค้นพ่อทั้งชีวิต พ่อก็ต้องไปกับผู้หญิงอีกคนอยู่ดี” ลูกสาวร้องไห้แล้วพูดไปว่า “อย่าใช้คำว่าแค้นเลย ความแค้นจะเกิดขึ้นกับคนที่เราคาดหวัง แต่กับพ่อ หนูไม่มีอะไรให้คาดหวังอีกแล้วจริงๆ”

 

รู้ว่าย้อนไปแก้อดีตไม่ได้ แต่เราน่าจะมีบทเรียนอะไรจากความรักครั้งนี้บ้าง สัญญาณอันตรายดังลั่น เราแค่ไม่ยอมฟัง มีเมียสองลูกสอง ยังยอมเป็นตัวสำรองให้เขา สามีภรรยาเลิกกันก็กลายเป็นคนอื่นค่ะ แต่ความเป็นแม่ลูกและพ่อลูกพันผูกกันทั้งชีวิต รู้ว่าน้องคือคนตัดสินใจ แต่ยังไงก็อยากให้คิดถึงหัวใจลูกเอาไว้เยอะๆ อย่าอ้างโควิดฯ ว่าเดี๋ยวชีวิตลูกจะลำบาก ชีวิตของเขาไม่ควรเกิดมาเพื่อสังเวยความมักได้หรือมักมากของใคร และเมื่อวันนี้เขาเกิดมาแล้ว แม้จะไม่สามารถดึงผู้ชายคนไหนเอาไว้ได้ อย่างน้อยลมหายใจของเขาต้องพึ่งพาคนเป็นแม่อย่างเรา อย่าทำให้เขาผิดหวังเลยนะคะ

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล

คอลัมน์ หัวใจไม่จนมุม

Hug magazine 

การมีลูกไม่ใช่แค่การให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คน” แต่คือการที่เราต้องร่วมกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่นพร้อมพอ เพื่อหล่อหลอมให้ลูกเติบโตอย่างดีด้วยความรัก ไม่ใช่มีลูกเพื่อผูกมัดใคร คิดว่าลูกจะเป็นโซ่ทองเอาไว้คล้องใจ แต่ลืมไปว่า “ใจ” คล้อง “ใจ” คือสิ่งที่สำคัญที่สุด หยุดคิดเอาชีวิตบริสุทธิ์มาหยุดคนไม่รู้จักพอ เพราะมันไม่ได้ผลค่ะ

— DJ อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล