เมื่อเอ่ยถึงความสัมพันธ์ หลายๆ คนคงจะนึกถึงความสัมพันธ์แบบโรแมนติกแสนหวาน เดินจับมือกัน คลอเคลียกันดูพระอาทิตย์ตกดิน แต่ทว่าความสัมพันธ์ก็ไม่ได้มีแค่รูปแบบเดียว มันมีหลากหลายรูปแบบ อีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่เรามักจะพบเจอกันบ่อยๆ ในยุคนี้ก็คือ ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด หากใครเผอิญต้องพัวพันกับความสัมพันธ์แบบนี้ก็จำเป็นต้องเข้าใจลักษณะของความสัมพันธ์ และรู้วิธีรับมือด้วย มาดูกัน

HUG Magazine

ห้องเรียนหัวใจ

ยาชา

+ กฎเหล็กของความสัมพันธ์ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ผูกพันแต่ไม่ผูกมัด เพราะฉะนั้นกฎเหล็กของความสัมพันธ์นี้ก็คือความไม่ผูกมัด นั่นหมายถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่สามารถลดระดับได้ทุกเมื่อ หากคบกันแล้วต่างรู้สึกไม่สบายใจและอึดอัด ก็สามารถเซย์กู๊ดบายกันไป หรือเปลี่ยนมาเป็นเพื่อนกันได้โดยไม่มีฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด

+ เหมาะกับคู่แบบไหนความสัมพันธ์แบบนี้ เมื่อเราคบไปเรื่อยๆ คนรักของเราจะมีหลายสถานะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คู่ชีวิต หรือคู่คิดในเรื่องงาน ซึ่งกลายเป็นข้อดีที่เรามักอยากเห็นในตัวของคนรัก และการคบกันแบบนี้เป็นไปอย่างสบายๆ ไร้แรงกดดัน หมดปัญหาเรื่องการนอกใจ เพราะอยู่นอกเหนือจากข้อตกลงของความสัมพันธ์ หลายคู่เลือกที่จะมีความสัมพันธ์แบบนี้เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการเผชิญปัญหายอดฮิตอย่างการนอกใจ การทรยศ และความเจ็บปวด

+ จะเริ่มความสัมพันธ์อย่างไรการเริ่มความสัมพันธ์แบบนี้ ข้อสำคัญที่สุด คือ ต้องมีการพูดคุยตกลงกันก่อนที่จะคบกัน เพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน เช็คดูว่า ต่างฝ่ายต่างมองไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ความสัมพันธ์แบบนี้จะไม่ประสบผลสำเร็จเลย หากอีกฝ่ายรู้สึกขัดแย้งทางความคิดหรือมีความนิยมไม่เหมือนกัน แรกๆ อาจจะยอมรับความสัมพันธ์แบบนี้ได้เพียงเพื่อต้องการคบกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับรู้สึกอยากครอบครองและต้องการผูกมัด จึงเริ่มล่วงล้ำข้อตกลง คู่ที่เริ่มแบบนี้มักจะจบลงด้วยการเจ็บปวด เสียใจ และเคียดแค้นซึ่งกันและกัน กลายเป็นจุดด่างพร้อยของความรักไปในที่สุด เพราะฉะนั้น หากอยากจะเริ่มความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดนี้ ก็จำเป็นต้องพูดคุยให้เข้าใจตรงกันอย่างแจ่มแจ้ง

+ ชั่งใจในข้อดี ข้อเสีย ก่อนเริ่มความสัมพันธ์แน่นอนว่า ข้อดีที่สุดของความสัมพันธ์แบบนี้ คือการมีอิสระ ไร้พันธะ อยากทำอะไร ไปที่ไหน ไปกับใคร ก็สามารถทำได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องขออนุญาตหรือกังวลว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร แต่ข้อเสียก็มีอยู่เหมือนกัน เพราะความสัมพันธ์แบบนี้มักจะเป็นการคบกันไปเรื่อยๆ แบบไม่มีอนาคต พอเจอคนที่ถูกใจกว่าก็ทำตัวเหินห่างไปได้โดยไม่ถือว่าผิด แต่บางคนอาจจะเผลอจริงจังไปแบบไม่ตั้งใจ กลายเป็นการตัดโอกาสที่จะเจอคนที่ใช่ ใครที่กำลังรู้สึกแบบนี้ บอกได้เลยว่าคุณไม่เหมาะกับความสัมพันธ์แบบไร้พันธะเช่นนี้ หากคุณไม่อยากไปต่อกับความสัมพันธ์แบบนี้ ขอแนะนำให้บอกอีกฝ่ายไปเลย ดีกว่าทนคบแล้วสุดท้ายก็เสียใจ มันเสียเวลาค่ะ

Did you know?          บางคนเลือกความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดเพราะมองว่ามนุษย์ไม่ได้ถูกกำหนดมาให้มีคู่เพียงคนเดียว ผู้คนร้อยละ 97 บอกว่าพวกเขาไม่ยอมรับการนอกใจ แต่ถ้าสังเกตสถิติของการนอกใจ จะเห็นว่าตัวเลขค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ดังนั้นหลายๆ คนจึงเลือกที่จะมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดเพื่อหลีกเลี่ยงการนอกใจนั่นเอง