หลายครั้งที่ซารังกับแฟนแฟนพาคุณไปเยือนคาเฟ่ต่างๆ ครั้งนี้ขอชวนคุณมาดื่มด่ำบรรยากาศย้อนยุคแบบไทย กินอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นฟิวชั่นที่ห้องอาหาร Ross Kitchen โรงแรมอครา กรุงเทพฯ สะดวกสุดถ้าเดินทางโดยรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานีพญาไท ทางออก 4 เดินต่อไปตามถนนศรีอยุธยาราว 10 นาที เมื่อถึงโรงแรมแล้วขึ้นไปยังชั้น 4 ได้เลย

ทันทีที่ประตูลิฟท์ของโรงแรมเปิดออก เราเห็นแสงไฟนีออนสลัวๆ สีสันฉูดฉาดบริเวณเคาน์เตอร์บาร์เล็กๆ ด้านหน้าทางเข้า ซึ่งตกแต่งด้วยประตูเหล็กยืดที่คุ้นตาจากตึกแถวร้านค้า และป้ายร้านขายของชำ สร้างบรรยากาศเหมือนคุณกำลังเดินเข้าไปในร้านค้ายุควินเทจแบบเท่ๆ ใครสนใจอยากนั่งจิบค็อกเทลเพลินๆ ก็ขอเชิญแวะที่บาร์ก่อนได้ไม่ว่ากัน

ถัดไปเป็นห้องอาหารที่ตกแต่งสไตล์ไทยย้อนยุคผสมผสานกับความเป็นลูกทุ่ง โดยนำลวดลายของผ้าขาวม้ามาบุโซฟา เพิ่มเติมบรรยากาศด้วยโปสเตอร์หนังยุคเก่ามาประดับตกแต่งฝาผนัง ใช้จานชามลายดอกไม้ดูเข้ากับเมนูอาหาร ชวนให้หวนรำลึกถึงวันวาน นอกจากนี้ยังมีเคาน์เตอร์บาร์ที่เป็นครัวเปิด และตกแต่งคล้ายกับบรรยากาศภายในรถทัวร์ เหมือนเรานั่งกินอาหารแสนอร่อยบนรถทัวร์เลยละ อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านที่สะดุดตามากจนซารังกับแฟนแฟนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ คือป้ายไฟนีออนบนผนังรูปเสือร้องไห้ สีสันสดใส เมื่อสอบถามจึงทราบว่า คำว่า “เสือร้องไห้” มาจากอาหารที่อร่อยจนเสือร้องไห้นั่นเอง

นอกจากบรรยากาศจะดีเริ่ดแล้ว อาหารก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน สไตล์ของอาหารคือโมเดิร์นฟิวชั่น เป็นการนำอาหารไทยจากทุกภูมิภาคมาผสมผสานกับวัตถุดิบใหม่ ผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์ และจัดวางตกแต่งให้แปลกใหม่ยิ่งขึ้น แต่รสชาติยังเข้มข้นแบบไทย วันนี้ซารังกับแฟนแฟนเลือกเมนูขึ้นชื่อ ลาบเป็ดคองฟี่ เขาเอาสะโพกเป็ดมาตุ๋นด้วยน้ำมันราวชั่วโมงครึ่ง ก่อนจะทอดให้หนังเป็ดร่อนและกรอบยิ่งขึ้น กินคู่กับเครื่องในเป็ด ตับ กึ๋น นำมาผัดกับเห็ดออรินจิ เครื่องปรุงลาบ และเพิ่มความหอมด้วยข้าวคั่ว จานนี้รสชาติเข้มข้น เนื้อเป็ดนุ่มละมุนลิ้นมาก กินคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ยิ่งอร่อย

เมนูถัดมาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ ยำรถทัวร์ ที่เหมาะกับผู้ชื่นชอบอาหารรสจัด เชฟนำแซลมอน หอยเชลล์โฮตาเตะ และหอยนางรม มายำกับเครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ รสชาติคล้ายกับพล่า มีรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด อร่อยกลมกล่อมลงตัว ความพิเศษของจานนี้คือเชฟนำส่วนผสมทั้งหมดมายำให้เราดูทีละขั้นตอนเลยค่ะ

ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน อันเป็นเมนูของหวานที่ดูน่ารับประทานมาก มีผลไม้ลอยแก้ว เช่น สละ ส้ม เงาะ ลำไย ลิ้นจี่ มารวมกัน ด้านล่างเป็นน้ำแข็งปั่นกับน้ำเชื่อม โรยด้วยหอมเจียว ขิงซอย มะม่วงซอย และถั่วเพื่อเพิ่มความมัน กินแล้วสดชื่นมาก ดับร้อนได้ดี ใครมาที่นี่ต้องลองเลย ส่วนอีกหนึ่งเมนูที่แฟนแฟนเลือกมาและพลาดไม่ได้คือ บัวลอยไข่หวาน สีสันสดใสเพราะใช้ฟักทอง เผือก และใบเตยเป็นส่วนผสม ทำแบบสดๆ อย่างพิถีพิถัน กินคู่กับน้ำกะทิใบเตยพร้อมกับไข่หวานต้มน้ำตาล มีความหวานมัน นุ่ม อร่อยจริงๆ ค่ะ

ก่อนกลับซารังขอแนะนำเครื่องดื่มค็อกเทลสไตล์ไทยยอดฮิตของร้านอย่าง รสอุทัย ซึ่งใช้วอดก้าไปอินฟิวส์ (Infused) กับโรสแมรี่ 3-4 หยดแล้วผสมกับน้ำมัลเบอร์รี่และน้ำยาอุทัยทิพย์ ท็อปด้วยลูกมัลเบอร์รี่อบแห้งกับโรสแมรี่ ดื่มแล้วสดชื่น หวานซ่อนเปรี้ยวและได้กลิ่นของน้ำยาอุทัยทิพย์ ปิดท้ายด้วย นวลนาง จุดเด่นของเมนูนี้คือการผสมผงกะหรี่กับน้ำผลไม้และส่วนผสมอื่นๆ ตกแต่งด้วยโป๊ยกั้กและอบเชย รสชาติเปรี้ยวหวานและหอมกลิ่นผงกะหรี่มาก เหมาะสำหรับสาวๆ นอกจาก 2 เมนูค็อกเทลที่แนะนำไปแล้ว ทางร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ แบบไทยๆ รวมถึงน้ำผลไม้ ซอฟต์ดริงก์ ม็อกเทล และอีกมากมายรอให้คุณมาลิ้มรส เพื่อเพิ่มความหรรษาในการรับประทานอาหารอีกด้วย

ในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันพิเศษกับคนสำคัญ ลองชวนใครคนนั้นมานั่งชิลล์ๆ ในบรรยากาศบาร์เก่าย้อนยุค ซารังคิดว่าหากอยากเพิ่มสีสันมากขึ้น ลองแต่งตัววินเทจมาออกเดตหรือปาร์ตี้กับเพื่อนก็น่าสนุก Ross Kitchen เป็นอีกจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดจริงๆ