รักของพี่เกิดที่ 7Eleven

‘ธุวัฒธรรพ์’

ร.ต.ท ณัฐวุฒิ อุดมศีล & ศศิประภา อุดมศีล

     เมื่อหนุ่มหน้ามนเพิ่งเริ่มอาชีพใหม่แวะเข้า 7Eleven ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าที่ทำการ จึงได้พบพานสาวหน้าหวานพนักงานในร้าน ใครเลยจะรู้ว่านั่นเป็นที่มาของกลเม็ดเนียนจีบให้เธอจดจำ จนถึงขั้นตกลงปลงใจแต่งงานกันในที่สุด นี่ไม่ใช่พล็อตนิยายรัก แต่เป็นเรื่องจริงของนักเขียนหนุ่มนามปากกา “ธุวัฒธรรพ์” เจ้าของผลงานมากมายทั้งแฟนตาซี สยองขวัญ และความรักโรแมนติก ฉบับนี้เราชวนมาแวะร้าน 7Eleven สาขาพิเศษ เพื่อหาขนมจีบไส้ความรักเพิ่มกลับบ้านสักชุด

 

 

รับขนมจีบและความรักเพิ่มไหมครับ

ย้อนไปเมื่อสิบห้าปีก่อน คุณมิวเพิ่งสอบติดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ต้องไปทำงานที่สนามบินดอนเมือง เขาไม่คิดเลยว่างานนี้จะชักพาให้เขาได้พบรักกับสาวน้อยนักศึกษาคนหนึ่งที่มาทำงานใน 7Eleven หน้าสนามบิน

“เวลาเดินไปทำงานก็จะต้องแวะ 7Eleven ทุกเช้า ก็เห็นเขา คิดว่าน่ารักจังเลย ผมพยายามทำให้เขาจดจำได้ด้วยการซื้อของเดิมๆ ทุกวัน”

“ตอนนั้นปลาเรียนปีสองที่ราชภัฏพระนคร คิดว่าอยากทำงานระหว่างเรียนค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไร เลยเลือกง่ายสุด ใกล้บ้านด้วย ไปทำ 7Eleven เขาจะมาซื้อของเดิมๆ เมนูเดิมๆ นมเมจิรสจืดหนึ่งขวดทุกวัน เราก็นึกว่าเขาคงแค่ชอบดื่มนม คิดในใจว่าคนอะไรกินทุกวันไม่เห็นสูงเลย เราถามว่ารับขนมจีบซาลาเปาทานเพิ่มไหมคะ เขาซื้อทุกอย่างที่แนะนำ (ยิ้ม) แต่ดูภายนอกไม่น่ามาจีบสาวได้ เหมือนผีดิบ ไม่พูด หน้านิ่ง พูดแต่ครับ ครับ”

คุณปลาอมยิ้มเล่าถึงพฤติกรรมแปลกๆ ชวนให้เอะใจ ช่วงแรกเธอยังไม่รู้ว่าเขาแอบชอบ จนเริ่มสงสัยว่าทำไมถึงเจาะจงจ่ายเงินกับเธอเท่านั้น เลยจับสังเกตเห็นว่าเขายืนลับๆ ล่อๆ ตามชั้นขนมปัง ชั้นวางของต่างๆ เพื่อเมียงมองเธอ เธอถึงรู้ตัว

เป็นการจีบที่ชวนจดจำไปอีกแบบ เราคาดเดาว่าทั้งสองต้องสานสัมพันธ์ฉันคู่รักทั่วไปที่เริ่มทักทายเพื่อปูทางไปสู่การออกเดท แต่นักเขียนมักครีเอทกว่าที่คิด ผ่านไปร่วมเดือนฝ่ายชายจึงได้ออกปากชวนไปกินข้าวเที่ยง แถมไม่ใช่ครั้งเดียว สามวันติดโดยที่ต่างยังไม่รู้ชื่อของกันและกัน มิหน้ำซ้ำไม่ขอเบอร์กันด้วย เอากับเขาสิ

“หลังจากนั้นเขามารอที่หน้าร้านทุกวัน ชวนกินข้าวทุกเที่ยง แล้วพอขอเบอร์ไป เกือบอาทิตย์ก็ยังไม่โทร.มา (หัวเราะ) แต่มา 7Eleven ทุกวัน สร้างความสงสัยให้เราไงว่าตกลงคิดยังไงกันแน่”

คุณปลาย้ำวิธีจีบแบบพิสดารนี้ทิ้งท้ายในการเปิดเรื่อง

 

สินค้าความรักชิ้นต่อไป

เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้เปิดใจ คุณปลายอมรับว่าเพราะความแปลก เล่นเอาคุณมิวหัวเราะร่วน

“พี่มิวเป็นคนใจเย็น ถ้าเขาไม่ชอบก็จะบอกเลยว่าไม่โอเคนะ คุยกันง่าย อายุห่างแค่สามปีแต่เป็นผู้ใหญ่กว่าเรา ทำงานมาก่อน แล้วตอนแรกนึกว่าพี่มิวเป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ใส่เชิ้ตขาว ผูกไท กางเกงสแล็คดำธรรมดา จนวันหนึ่งใส่เครื่องแบบมา อ้าว ตำรวจเหรอ เราก็มีอคตินิดๆ แม่เคยเตือนว่าตำรวจเจ้าชู้นะ แต่ตอนนั้นชอบไปแล้ว พอเล่าให้แม่ฟังว่ามีตม.มาชอบนะ แม่เตือนให้เช็คดีๆ ว่าเขามีลูกเมียอยู่หรือเปล่า (หัวเราะ) ตม.ส่วนมากอายุเยอะแล้วไง”

“ตอนนั้นผมเป็นตม.ที่อายุน้อยสุดในประเทศครับ ผมสอบเข้าตอนอายุ 19 เป็นบุคคลภายนอกรุ่นแรกที่เขาเปิดสอบ ปกติต้องเป็นตำรวจก่อนแล้วค่อยสอบเข้ามา ผมจบม.6 ก็สอบเข้าเลย พออายุ 19 ได้ไปนั่งสนามบินตรวจผู้โดยสารเข้าออกประเทศแล้ว”

คนเราเวลาจีบกันมักแสดงด้านดีให้อีกฝ่ายเห็น โดยไม่กล้าเปิดเผยด้านไม่ดี แต่การใช้ชีวิตคู่หรือการคบหากัน คือการยอมรับตัวตนอีกฝ่ายให้ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญหาทั้งคู่ต่างเลือกใช้วิธีปรับจูนเข้าหากัน ชีวิตคู่จึงไปต่อได้

“ช่วงแรกเขายังไม่รู้จักเรา เราอาจทำความรู้จักด้วยการดูแล เปย์ ทุ่ม ซื้อของ พาไปกินข้าว พอได้คบกัน ธรรมชาติมนุษย์ โปรโมชั่นมีวันลดลง แต่ความเข้าใจ การดูแลที่ไม่ใช่โปรโมชั่นกลับเพิ่มขึ้นแทน ส่วนนั้นลด ส่วนนี้เพิ่ม เลยคบกันยาวห้าปีจนมาแต่งงาน”

“ยอมรับว่าแรกๆ รู้สึกดีที่เขาเปย์มาก แต่ปลาไม่ได้ยึดติดเรื่องนี้ สำคัญที่ต้องคุยกันรู้เรื่องมากกว่า ปลาเป็นคนอารมณ์ร้อนและแรง แต่พี่มิวจะนิ่งและเย็น เราเลยเย็นตาม เราไม่ได้ต้องการคนที่เปย์ตลอดเวลา แต่ต้องการคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยเหมือนเพื่อน สามี ที่เข้าใจกัน”

 

สาวอารมณ์ร้อนกับหนุ่มอารมณ์เย็น

กฎหลักของบ้านหลังนี้เมื่อมีปากเสียงกันคือจะไม่เดินออกจากบ้าน รวมทั้งคุณปลาที่เป็นสาวอารมณ์ร้อนด้วย

“เวลาปลาร้อนมาก เขาจะนิ่งแล้วห่างหายไป เราก็ไปไม่เป็นล่ะ เพราะพี่มิวนิ่งเงียบ เหมือนเราบ้าบออยู่คนเดียว ก็เริ่มรู้ตัว คิดได้ว่าใจเย็นก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน พอสงบลง เราก็มานั่งคุยกันใหม่”

“ต้องแยกมุมก่อน บ้านมีสองชั้นก็แยกกันคนละชั้น ตอนร้อนๆ คุยด้วยเหตุผลไม่ได้อยู่แล้ว อารมณ์นำเหตุผลละ ต้องแยกเพื่อให้เย็นลง ค่อยมาคุยด้วยเหตุผลหลังจากนั้น สิ่งสำคัญเวลาร้อนต้องควบคุมตัวเองให้ได้ ไม่ออกจากบ้านไปกินเหล้า ไม่ประชด เพราะอาจบานปลายเกิดเรื่องไม่ดีได้ ร้อนก็อยู่บ้านอ่านหนังสือ ดูหนัง พอเย็นลงมันคุยกันได้อยู่แล้ว”

 

นางเอกตัวจริงในชีวิต

ถ้าเป็นนิยาย ปัจจัยที่ทำให้พระเอกเลือกนางเอกเป็นคู่ชีวิตย่อมมีหลากหลายแต่ล้วนคล้ายกัน มาถึงพระเอกคนนี้ คุณมิวอมยิ้มสารภาพว่าเพราะแกะเงาะไม่เป็น

“ผมเป็นโรค seedphobia กินผลไม้ที่ต้องคายเม็ดออกมาไม่ได้ กลัวเม็ดผลไม้ ปลาจะคอยคว้านเม็ดให้เหลือแต่เนื้อแล้วแช่ตู้เย็นไว้ ตัวผมเป็นคนไม่ละเอียดในหลายเรื่อง แต่ไม่ได้ต้องการคนมาดูแลพยาบาลนะ ไม่ใช่ผู้ป่วย (หัวเราะ) แค่ขาดความละเอียดรอบคอบ อย่างเรื่องการเก็บเงิน หาเงินได้แต่อาจเก็บเงินไม่อยู่ มีข้อบกพร่องหลายอย่าง แต่พอคบกับเขา เขามาช่วยเติมเต็มให้ เราเลยคิดว่าถ้าอยู่กับคนนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตที่พร่องอาจสมบูรณ์ขึ้นก็ได้”

 

เมื่อนักเขียนสยองขวัญพลิกผันมาเขียนนิยายรัก

นักเขียนมักถือเอาคนใกล้ตัวเป็นวัตถุดิบ จากนักเขียนแฟนตาซีและเรื่องสยองขวัญ ก้าวเข้ามาลองนิยายรัก ทั้งเรื่อง เปิดประตูใจ หรือ หนึ่งถ้อยร้อยรัก ของสนพ.สถาพร แรงบันดาลใจจะใช่ภรรยาคนนี้ไหม คุณมิวหัวเราะทันที

“เคยเอาชื่อเขามาเป็นนางเอกนิยายผี แล้วก็ให้ตายตั้งแต่ต้นเรื่อง”

เป็นแรงบันดาลใจที่ดีมาก แต่ก่อนจะกลายเป็นเรื่องเศร้า คุณมิวก็เล่าต่อว่าได้หยิบยกบางเหตุการณ์ บางคำพูดที่เคยเกิดขึ้น เคยจีบภรรยาเอาไปสอดแทรกในนิยายรักด้วยเช่นกัน เสียดายเพียงแค่คุณปลาไม่เคยอ่านผลงานของสามีสักเรื่อง เพราะไม่ถนัด แต่ค่าต้นฉบับภรรยาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

“ย้ำอีกทีครับ ค่าต้นฉบับเขาได้เต็ม บางทีเขียนเรื่องหนึ่งอดหลับอดนอนสามสี่เดือน ผมไม่ได้สักบาท”

เอาเป็นว่าเปลี่ยนเรื่องกันก่อนดีกว่านะ…

 

จุดที่ปรับเปลี่ยนเพื่อไปต่อ

“เคยทะเลาะกันแรงถึงขั้นท้าเลิกค่ะ แต่กล้าไหม ไม่กล้าหรอก เพราะกว่าจะมาถึงจุดที่ได้แต่งงาน มีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ สร้างอนาคตมาด้วยกัน มันยากมาก ลองคิดให้ดี ถามตัวเองว่าจะหย่าไหม ไม่หย่า เพราะเรารักกัน แล้วให้อภัยเขาได้ไหม เขาผิดมากไหม เทียบกับหลายปีที่อยู่ด้วยกันมา นั่งทบทวนแล้วตอบว่าได้ จึงอยู่กันมาถึงทุกวันนี้”

“ถึงคุณใจเย็นแต่ก็มีขีดความอดทน เราอาจทนได้ในช่วงแรก แต่ถ้าเจอมากเข้า วันใดวันหนึ่งทนไม่ได้ก็จะแตก ผมเคยดูหนังเรื่อง The Mexican ที่จูเลีย โรเบิร์ตส์กับแบรด พิตต์เล่น มีประโยคหนึ่งที่ยังจำได้ นางเอกถามพระเอกว่า ถ้าคนสองคนรักกัน แล้วจะมีสาเหตุอะไรที่ทำให้ต้องบอกว่าเราเลิกกันเถอะ พระเอกก็ตอบว่าไม่มี มันใช่นะ เพราะถ้าวันใดวันหนึ่งที่เราพูดคำว่าเลิกกันเถอะ หรือหย่ากันเถอะ แสดงว่าเราไม่ได้รักกันแล้ว”

     “ต้องขอโทษให้เป็น บางทีปลาเอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าคุณต้องเทคแคร์ตามใจ พอเขาทำให้ไม่ได้ เราก็จะหงุดหงิดชวนทะเลาะ แต่เมื่อเขาเป็นคนเย็น เราโวยวายคนเดียวไม่ได้หรอก เริ่มคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกเหรอ เอาแต่ใจไปไหม ปลาคิดไม่นาน ได้สติก็ขอโทษค่ะ ส่วนพี่มิวเป็นคนที่ผิดไม่ผิด เขาชิงขอโทษก่อนเลย เพื่อให้เรื่องจบ (หัวเราะ)”

 

เราเลียบเคียงถามถึงสาเหตุ คุณมิวเล่าว่าเนื่องมาจากผลงานของเขาเลยทะเลาะกันหนัก ถึงขั้นไม่คุยกันสองอาทิตย์ แต่ความบาดหมางครั้งนี้ก็ทำให้ทั้งคู่ปรับมุมมองความคิด และเข้าใจกันมากขึ้นด้วย

“ในงานแจกลายเซ็น มีแฟนนิยายมาขอถ่ายรูป ก็มีใกล้ชิดกัน แล้วเขาหึง พอดีปลากำลังท้องด้วย ฮอร์โมนเลยพลุ่งพล่าน คือแฟนนิยายบางคนตั้งใจบินจากใต้มาหา นั่งรถจากต่างจังหวัดมาขอลายเซ็น มีคอสเพลย์มาด้วย เขาไม่เคยเห็นตอนผมแจกลายเซ็น ตอนนี้เข้าใจแล้ว เริ่มชินละ”

“ครั้งนั้นผิดจริง พี่มิวเลยไม่ขอโทษก่อน แต่ด้วยอีโก้เราสูง ฉันเป็นผู้หญิง เป็นภรรยา คุณเป็นผู้ชายต้องขอโทษเราสิ แต่มานั่งคิดแล้วว่ามันคุ้มไหม เขาก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรกันจริงๆ เราเลยเย็นลง ค่อยๆ ทำความเข้าใจตัวเอง รวบรวมสติแล้วก็ขอโทษตรงๆ ขอโทษกันให้ได้ ให้อภัยกันให้ได้ บางคนมีอีโก้สูงเกินไป พูดคำว่าขอโทษไม่ได้ สุดท้ายชีวิตก็พัง ถ้าคุณรักเขา อีโก้ไม่สำคัญเลย”

“คุณต้องตั้งคำถามในใจตัวเองว่า คุณต้องการอะไร ถ้าต้องการชีวิตคู่ที่มีคนรักสามารถเดินไปด้วยกันได้ก็ไม่จำเป็นต้องมีอีโก้แม้แต่นิดเดียว มีแค่คำว่ารักคำเดียว รักเขาแล้วไม่ต้องมีเงื่อนไขอะไรครับ”

 

แต่เห็นแบบนี้คุณสามีก็หึงหวงคุณภรรยาเหมือนกันนะ เป็นมาตั้งแต่แรกคบหากันด้วย เราเลยขอให้เล่าสักหน่อย ทำเอาคุณมิวหัวเราะเขินๆ ทีเดียว

“เมื่อก่อนเขาเป็นนักศึกษาตัวเล็กๆ สวยด้วยไง คนมาจีบเยอะ เราเป็นแฟนกันก็จริง แต่เวลาที่เขาต้องคุยกับผู้ชายคนอื่น หรือไปกินข้าวด้วย ก็รู้สึก เอ๊ะ ทำไมวะ จำเป็นเหรอวะ (คุณปลาหัวเราะ) ถ้ามีความจำเป็นต้องคุยงานกัน จะไปโวยวายห้ามยุ่งก็ไม่ได้ เพราะเขามีฐานะทางสังคมที่ต้องทำ ต้องมั่นใจคนของเรา ผมเชื่อว่าปรบมือข้างเดียวไม่ดังหรอก แต่ถ้าเริ่มล้ำเส้นเมื่อไหร่ ผมอาจไปแสดงตัวบ้าง อาจแต่งเครื่องแบบไปให้เห็น ไปทักทายทุกคนที่ทำงานให้รู้ว่าผมเป็นสามีนะ แต่ตอนนี้ผมไม่หึง เพราะมั่นใจในตัวปลา เขาเป็นภรรยาและแม่ของลูกเรา เลยจุดที่ต้องมาหึงหวงละ”

 

บ้านนี้เดินเคียงข้างกัน

ยุคก่อนมักถือคติว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ยุคนี้มีคำเพิ่มว่าผู้หญิงเป็นควาญช้าง แต่บ้านนี้ไม่มีช้าง มีแต่เธอกับฉัน

“หัวหน้าครอบครัวใช้ในยุคที่ผู้หญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แต่ปัจจุบันทำงานกันเกือบหมด คำว่า ‘ช้างเท้าหน้า’ ไม่มี มีแต่เท้าสองข้างทั้งซ้ายขวา ที่เดินไปด้วยกัน อีโก้ผู้ชายควรลดลงตามสภาพสังคมและการใช้ชีวิตครับ”

“เราควรให้เกียรติแก่กันค่ะ เขาให้เกียรติเรา เราให้เกียรติเขา ไม่ใช่ว่าไม่ดูแลเลย อย่าถืออีโก้ตัวเองเป็นใหญ่ ยิ่งแต่งงานใหม่ๆ ผู้หญิงยิ่งเป็นนะ ปลาเคยเป็นแบบนั้น คิดว่าฉันเป็นภรรยาคุณแล้ว คุณต้องเดินตามฉันนะ ไม่โอเคจริงๆ สิ่งที่ควรทำคือ คนคนนี้คือสามีเรา รับรู้ความสุขความเศร้าของเขาเต็มที่ บางทีเขาเครียดก็ไม่กล้าบอกเรา เราต้องปรับเปลี่ยน เป็นทั้งแม่ ทั้งพี่สาว ทั้งภรรยา ให้เขาได้ทุกอย่าง”

 

ถ้อยคำที่อยากบอก

เราทิ้งท้ายด้วยสองคำถามสำคัญ คำถามแรก ถ้าย้อนเวลาได้ อยากบอกตัวเองในเรื่องความรักนี้อย่างไร

“ผมคงบอก มึงไม่ต้องคิดนานหรอก แต่งไปเลย ตอนนั้นคบตั้ง 5 ปี กว่าจะขอแต่งงาน”

“ปลาคิดว่าถ้าย้อนได้ก็เลือกเหมือนเดิม เพราะคิดว่าเลือกถูกแล้ว ทุกวันนี้มีความสุขแล้ว ย้อนเวลาได้ก็เลือกเขาคนเดิม”

ทั้งสองส่งยิ้มให้กันในคำตอบที่มั่นคง เราเลยถามคำถามที่สองว่า ถ้าวันนี้คือวาระสุดท้ายแห่งชีวิต อยากฝากข้อความพิเศษถึงกันว่าอย่างไร

“คงได้แต่ขอบคุณ ช่วงเวลาที่ผ่านมาชีวิตผมเต็มได้ก็เพราะมีเขาอยู่ข้างๆ มีความสุขครับ ถ้าไม่ได้เจอกันอีกแล้ว 15 ปีที่ผ่านมาผมขอบคุณที่เขาสร้างความสุขให้ชีวิตของผมครับ”

“ขอบคุณเหมือนกัน เขาพิสูจน์ตัวเองว่าตำรวจไม่ได้เป็นแบบที่คิดแต่แรก เขาเติมเต็มในสิ่งที่ปลาหายไป เติมเต็มในสิ่งที่ปลาไม่รู้ เติมเต็มเกือบทุกเรื่องในชีวิต”

 

 

สำหรับแฟนผลงานคุณมิวเตรียมติดตามนิยายรักเรื่องใหม่กันได้ ระหว่างนี้อ่านแนวระทึกขวัญเรื่อง Hell ชวนชิม ไปพลางก่อน เพื่อตัดรสหวานของขนมจีบร้าน 7Eleven สาขาพิเศษนี้สักนิด.

 

HUG MAGAZINE

‘รักไม่รู้จบ’

เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์

ภาพ: อนุชา ศรีกรการ

ฝากถึงมือที่สามหรือคนที่กำลังจะออกนอกลู่นอกทางหน่อยสิ ยิ่งในยุคที่เส้นศีลธรรมบางลงเรื่อยๆ ควรจะเตือนสติยังไง 

  • “ผู้หญิงต้องมีศีลมีธรรมก่อนค่ะ จิตใจคุณทำด้วยอะไร เขามีลูกเมียแต่งงานถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง การที่มาทำแบบนี้กับครอบครัวคนอื่นมีความสุขจริงเหรอ”
  • “ผู้ชายที่คิดเป็นมือที่สาม ระวังติดโรคจากการส่ำส่อนนะครับ และคุณดูข่าวอาชญากรรมที่เกิดในสังคม ทุกวันนี้รุนแรงมาก ไม่ต้องจีบหรอก แค่มองหน้ากัน ก็ลงมายิงกันได้แล้ว สมัยนี้อารมณ์คนรุนแรงมากขึ้น อย่าเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ทำให้เกิดเหตุเดือดร้อนถึงแก่ร่างกายและชีวิตคุณเลย”