หากเอ่ยถึงแท็กซี่จิตอาสาที่รับส่งผู้ป่วยผู้พิการคนสูงวัยฟรีอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย หลายคนย่อมเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเขาคนนี้ คุณเดี่ยว สุวรรณฉัตร ชายผู้เดินบนเส้นทางจิตอาสานี้มายี่สิบกว่าปี เพราะการเป็นสะพานบุญนี่เองที่ทำให้เขาได้พบผู้คนมากมาย รวมถึงผู้ที่กลายมาเป็นคู่ร่วมบุญสนับสนุนบนเส้นทางชีวิตนี้ด้วย คุณหมอจำเนียร พรหมชาติ วันนี้ ฮัก มีโอกาสรับฟังเรื่องราวของคู่รักคู่ชีวิตที่ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งมั่นคง รอยยิ้มของทั้งคู่ยามมองตากัน เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่สุขล้นหัวใจ และเป็นสัญญาณว่าพวกเขาจะยังคงเดินต่อไปบนเส้นทางสะพานบุญแห่งนี้

 

ชีวิตบนสายจิตอาสา

คุณเดี่ยวเล่าย้อนความหลังถึงถิ่นเกิดว่าเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอช้างกาง เป็นแท็กซี่จิตอาสาเข้าสู่ปีที่ 24 ในปัจจุบันไม่ได้วิ่งหากิน เน้นช่วยเหลือคนเป็นหลัก นอกจากรับส่งคนก็ช่วยดูแลสิทธิต่างๆของคนป่วยที่พึงได้รับตามกฏหมาย และรับบริจาคข้าวของต่างๆ ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคมาให้ ทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งหมดนี้คุณเดี่ยวส่งมอบให้ผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เมื่อผู้ป่วยคนไหนจากไปแล้ว ทางครอบครัวบริจาคสิ่งของมาให้ ก็จะคัดกรองส่งต่อให้ผู้ป่วยท่านอื่นๆได้ใช้ต่อไป เป็นการให้ที่ส่งต่อเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด คุณความดีนี้ส่งผลมาถึงตัวคุณเดี่ยวเองเช่นกัน

คุณเดี่ยว: ผมได้รับความช่วยเหลือจากหลายๆท่าน รถคันนี้คุณต๊อด (ปิติ ภิรมย์ภักดี) ก็ยกให้ฟรีๆ ไปทานข้าวหลายที่ก็ไม่เก็บเงิน ไปล้างรถก็ไม่เก็บเงิน โตโยต้าเอมไพร์ดูเรื่องน้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์ให้ตลอด ส่วนยางรถยนต์บริษัทสงวนกันยางก็ดูแลให้ตลอดชีวิต มีคนเข้ามาเอื้อเฟื้อ สนับสนุน ผมเลยสามารถใช้ชีวิตเพื่อสังคมอย่างเดียวได้ ล่าสุดทางเราได้ทำโต๊ะบริจาคให้โรงเรียนตามถิ่นทุรกันดาร 500 ชุด มีจิตอาสาไปช่วยกันประกอบบนดอย 13 วันเสร็จ

 

คู่ชีวิตจากสะพานบุญ

การพบกับคู่ชีวิตในวัยที่ต่างฝ่ายต่างผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ทำให้การตกลงปลงใจในเรื่องต่างๆ ดูชัดเจนมากขึ้น ปัจจุบันคุณหมอจำเนียรเป็นข้าราชการบำนาญ จากเดิมเป็นแพทย์ทั่วไปอยู่โรงพยาบาล พอครบอายุราชการจึงตัดสินใจลาออกมาเป็นจิตอาสาเต็มตัวเพื่อร่วมสนับสนุนสามี เมื่อถามถึงวันแรกที่ได้พบกัน คุณหมอก็หัวเราะออกมาทันที

หมอจำเนียร: มีคนแชร์เรื่องที่เขาดูแลผู้ป่วยมายี่สิบกว่าปี ทีแรกคิดว่ามีจริงเหรอ แท็กซี่ที่ช่วยเหลือคนป่วยฟรี (หัวเราะ) ส่วนใหญ่มักได้ยินแต่ในทางที่ไม่ดี เช็คข้อมูลจึงรู้ว่าเขาทำตรงนี้จริง เลยอยากร่วมบุญ ครั้งแรกร่วมบุญเป็นค่าโทรศัพท์ เพราะเขาต้องคอยโทร.เช็คคิวคนป่วยอยู่ตลอด เติมไปห้าร้อยบาท

คนหนึ่งขับแท็กซี่ อีกคนเป็นหมอ แต่กลับมีสิ่งที่ชอบเหมือนกันคือการดูแลผู้ป่วย สิ่งนี้ทำให้คุณหมอจำเนียรรู้สึกประทับใจชื่นชมเป็นอย่างมาก 

หมอจำเนียร: ญาติผู้ป่วยบางคนไม่รู้ตรงนี้เลย เข้าออกโรงพยาบาลเป็นสิบปี แต่ไม่มีใครแนะนำว่าควรไปขอเอกสารจากแพทย์ จะได้สิทธิต่างๆ ที่ดีขึ้นกว่าเป็นผู้ป่วยทั่วไป เมื่อก่อนพี่เดี่ยวต้องอุ้มคนไข้ไปหาหมอที่อื่นเพื่อรับรองความพิการ ยิ่งนอนติดเตียงการเคลื่อนย้ายลำบาก ตอนนี้ไม่ต้อง เพราะแพทย์ทุกคนสามารถออกใบนี้ได้ และเราไปอบรมเพื่อให้ความรู้แน่นขึ้น เคยออกให้คนไข้ที่บ้านมาก่อน จึงช่วยกันง่ายขึ้น ยังช่วยในเรื่องสิทธิอื่นอย่างสิทธิประกันสังคม ได้ไปแนะนำ ทำให้คุณภาพชีวิตเขาดีขึ้น

คุณเดี่ยว: หลายครั้งมีคนป่วยนอนติดเตียงแล้วสายท่อส่งอาหารหลุด เรียกเอกชนวิ่งมาก็คิดสองพัน ค่าใส่ก็ห้าร้อย การที่เขาโทรมาหาเราแล้วมีคุณหมอสามารถใส่ให้ได้เลยโดยไม่ต้องเคลื่อนย้าย สะดวกต่อคนป่วยอย่างมาก คุณหมอห่างกับผมเก้าปี แต่เราไปด้วยกันได้ เรียกว่าศีลเสมอกัน ความคิดไม่สวนทางกัน สละเวลาให้คนอื่นได้เหมือนกัน สละทรัพย์สินเพื่อประโยชน์หรือบรรเทาทุกข์เพื่อคนอื่นได้ ไม่เกิดความขัดแย้ง ถ้าไม่เข้าใจกันอาจทำให้เกิดการหย่าร้างกัน เหมือนอย่างอดีตที่ผมเคยผ่านมา

 

จังหวะที่จะก้าวไปด้วยกัน

คุณเดี่ยว: พอคุณหมออาสาเข้ามามีส่วนร่วมในการทำดี ออกเอกสารรับรองให้ผู้ป่วยยื่นสิทธิต่างๆ คลุกคลีกันได้ระยะหนึ่งก็ชวนจดทะเบียนสมรสกันเลย (หัวเราะ) แต่ก่อนผมต้องไปรับส่งคุณหมอถึงบ้านทุกวันที่ฉะเชิงเทรา หรือบางวันคุณหมอก็นั่งรถตู้มาเอง เพื่อไปออกเอกสารให้คนป่วย บางวันไปส่งตีสี่ตีห้าก็มี จนตกลงปลงใจ ต่างฝ่ายไม่ใช่เด็กวัยรุ่น ผ่านอะไรมาเยอะ เริ่มผูกพันแล้ว รู้ว่าใช่แล้วละ

หมอจำเนียร: ถ้าคนมองภายนอกจะว่า อุ้ย แท็กซี่กับหมอเหรอ มันไม่แปลกที่จะมองตามค่านิยมของสังคม แต่เรามองความดีในสิ่งที่เขาทำมากกว่า เลือกเขาเพราะตัวเขา มาทำตรงนี้ไม่ได้มีสมบัติฐานะดีมาก่อน ได้เงินจากผู้ใจบุญให้มาเป็นสะพานบุญ ตัวเราเมื่อก่อนรับเงินต่อเดือนหลักแสน ตอนนี้เหลือแค่หนึ่งส่วนสี่ ลูกเรียนเกือบจบแล้ว สามารถส่งได้ ไม่มีภาระอะไรมาก ไม่มีหนี้สิน เลยอยากจะแบ่งปัน

 

เมื่อเอ่ยถึงคู่ชีวิต

เมื่อให้เอ่ยถึงความประทับใจภรรยาคนนี้ คุณเดี่ยวที่พูดจาฉาดฉานมาตลอดกลับแสดงอาการขัดเขิน และยิ้มอายๆ แต่ยอมเอ่ยตรงๆ ต่อหน้าหมอจำเนียรที่แอบอมยิ้มรอฟังอยู่

คุณเดี่ยว: เพราะความมีจิตเมตตาแบ่งปันและคิดเหมือนกัน ทำเพื่อผู้อื่นได้โดยไม่ขัดแย้งกัน ชีวิตผมไม่นึกว่าจะเจอคนแบบนี้ ตอนแปะสติกเกอร์ข้างรถที่บอกว่าส่งฟรีก็เคยถูกคนอื่นคัดค้านมาโดยตลอด บอกให้ลอกออก แม้แต่ที่เกี่ยวกับคนพิการก็ถูกสั่งให้ลอกออก เมื่อได้เจอผู้หญิงที่ไม่ขัดแย้งแล้วยังส่งเสริมสนับสนุน มันยิ่งกว่าคำว่าใช่ เมื่อก่อนเราจะรักใคร ต้องคำนึงถึงรูปร่างหน้าตา แต่วันนี้คำนึงถึงความดีเพียงอย่างเดียว มีศีลธรรม มีจิตเมตตาเอื้อเฟื้อ กลายเป็นความรักที่ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลังก็ไว้วางใจกันได้ เกิดความผูกพัน 

หมอจำเนียร: เห็นเขาทุ่มเทดูแลคนป่วยออกจากบ้านตีสองตีสาม การดูแลตัวเองเรื่องกินนอนพักผ่อนก็ไม่พอเพียง เราจึงอยากจะไปดูแลเขา (ยิ้ม) เขาดูแลคนอื่น แต่ไม่มีใครดูแลเขาเลย ถ้าเราเลือกเขาแล้วต้องปรับตัวเข้าหากัน อย่างตัวเราจะเป็นคนทำตามแบบแผน แต่เขาบางทีเปลี่ยนแผนไปเรื่อยๆ ทำให้คิดได้ว่าเราจะตึงมากไปก็ไม่ดี หย่อนบ้างก็ได้ ถ้ามันผิดแผนก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปทำแบบนี้แทน เราเลยตกลงกันคร่าวๆ เอามาผสมผสานกัน

คุณเดี่ยว: แต่ก่อนผมอุ้มคนป่วยไม่มีพัก แผลกดทับเต็มตัว เลือดเลอะเต็มเสื้อเต็มรถเลย ใช้แอลกอฮอล์เช็ดล้างรถแทน ผมดูผอมมาก กินข้าวมื้อเดียวเพราะติดพันในการอุ้มคนป่วย บางทีหาที่จอดรถไม่ได้ เพราะกลัวจะไปอุ้มไม่ทัน จึงกินไม่เป็นเวลา ไปกินทีเดียวเย็นเลย พอได้คบหากับคุณหมอ ผมก็เริ่มหันมาดูแลตัวเองทำ กายภาพบำบัดเพราะหลังผมตึงแข็งมาก การอุ้มคนป่วยหลายๆชั้นลงบันไดมานานหรืออุ้มไกลๆ ทำให้หลังเกร็งจนปวด

 

ความผูกพันที่เพิ่มพูน

คุณเดี่ยว: ตั้งแต่อยู่ด้วยกัน คุณหมอดูแลทุกอย่าง ผมไม่เคยต้องซักผ้าเอง คุณหมอทำให้หมด แม้กระทั่งถุงเท้าคุณหมอก็ใส่ให้ บอกว่าอย่าก้มมาก เดี๋ยวเจ็บหลัง (ยิ้ม) ดูแลผมเหมือนเมียทั่วไป โดยไม่ได้คิดว่าต้องมาบริการเอาใจอะไร ทำอย่างนี้ทุกวัน ผมเป็นเด็กกำพร้า มารู้จักพ่อตอนอายุสิบสามสิบสี่ พ่อมีเมียมีลูกเยอะ ปัญหาครอบครัวสารพัด สมัยก่อนผมยังเจ้าชู้บ้าง แต่พอเชื่อเรื่องบาปบุญ คำสาปแช่งคน กลัวทำให้ต้องเกิดทุกข์ บาปกรรมนะ กลายเป็นว่าผมไปไหนหมอไม่ต้องกังวล ผมไม่มีเรื่องเจ้าชู้แน่นอน แต่ส่วนใหญ่เราสองคนไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด ไม่เคยห่างกัน

หมอจำเนียร: ชีวิตคู่อยากให้เห็นคุณค่าในทุกวันที่ได้อยู่ด้วยกัน สิ่งที่ทำให้ทุกวัน เช่นบีบยาสีฟันใส่แปรงให้ทุกเช้า หากพอวันหนึ่งถือแปรงแล้วไม่มียาสีฟัน จะรู้สึกว่าทำไมมันขาดหายไป อยากให้เห็นคุณค่าของทุกวันในตรงนี้ อย่างเขาขับรถเราก็นั่งเพลิน ฉุกคิดได้ว่า การที่เขาขับรถแบบนี้คือเขารับผิดชอบทั้งชีวิตเราสองคน ต้องคอยมองสังเกตต่างๆ รับผิดชอบตลอดการเดินทางเลยนะ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งปกติที่วิเศษที่สุดที่เราได้รับอยู่ทุกวัน ตื่นเช้ามาแค่ได้เห็นเขาอยู่กับเราก็ยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่ ลองตื่นมาไม่เจอเขาแล้ว ไม่สามารถเรียกเขากลับคืนได้อีก คงไม่อยากให้ถึงวันนั้น

คุณเดี่ยว: ชีวิตคู่เหมือนลิ้นกับฟัน ไม่ราบรื่นตลอดหรอก ผมพูดกับคุณหมอเสมอว่า ถ้ามีเรื่องอะไรติดใจหรือมีอะไรที่ผิดพลาด จนรู้สึกอึดอัดใจ ไม่สบายใจ อย่าเก็บไว้ เดี๋ยวมันจะระเบิด ไม่ชอบสิ่งไหนให้พูดออกมา คุยกันตรงไปตรงมาโดยที่ไม่ต้องเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ คนเราถ้าเกิดทิฐิเมื่อไร-พัง ให้นึกถึงความดีของเขา ถ้ามองในแง่ลบเมื่อไรก็รบกันได้ตลอด ถ้ามองในแง่บวกก็ให้อภัยเมตตาต่อกันได้ การใช้ชีวิตคู่ต้องเริ่มด้วยคำสุภาพ ถ้าใช้คำหยาบใส่กันมากเข้า วันหนึ่งก็ต้องแตกหัก

 

สิ่งที่อยากพูดถึงกัน

คุณเดี่ยว: จริงๆ ทุกวันเราพูดกันอยู่เสมอว่า ใช้ชีวิตเหมือนวันสุดท้ายนะ วันนี้นั่งคุยกัน วันหน้าอาจนอนป่วยติดเตียง ชีวิตมันไม่แน่นอน อาจต้องตายจากกัน แต่บอกกันเสมอว่าอย่าเสียใจกับสิ่งที่ทำไป อย่าร้องไห้ฟูมฟาย ทุกคนที่ได้ไปอุ้มเขาที่ตายจากกันไป ท้ายสุดติดตัวแค่บาปบุญ ให้นึกถึงความดีในสิ่งที่ทำ ผมบอกคุณหมอไว้ว่าถ้าวันเผาศพผม ให้เปิดคลิปที่ได้ไปช่วยคนก็พอแล้ว เปิดให้คนมางานดู ไม่ต้องตั้งไว้หลายวัน ต้องขอบคุณที่มาร่วมใช้ชีวิตกัน ขอบคุณที่ต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์มาก่อน ทำให้คิดถึงความรู้สึกของกันและกัน ผมที่ดูแลแต่คนอื่นๆ โชคดีมากๆที่คุณหมอมาดูแลผม ในชีวิตผมไม่เคยซื้อหวย ไม่เคยถูกรางวัลใหญ่ที่ไหน แต่รู้สึกว่าวันนี้ผมเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่งกับการที่ได้คุณหมอมาเป็นภรรยา (ยิ้ม) เป็นความโชคดีมากๆ จริงๆ

หมอจำเนียร: คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วจริงๆ ไม่เคยคิดว่าจะมาเจอคนแบบเขา อาจมีคนเดียวในโลกก็ได้ (หัวเราะ) ความชอบของแต่ละคู่อาจต่างกัน แต่ตัวเขาคือดีที่สุดในโลกสำหรับเรา ถ้าไม่ได้เจอเขา เราคงยังนั่งตรวจคนไข้ไปวันๆ ไม่มีโอกาสได้เข้าไปช่วยคนหลากหลายแบบนี้ ไม่มีทางได้เข้าไปพระที่นั่งสวนอัมพรได้รับกระแสคำชมเชยจากในหลวง เพราะความดีของเขา ชีวิตห้าสิบกว่าของเราได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้เห็น ได้มาเจอ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น คอยช่วยเหลือคน กลายเป็นสนุกทุกวัน (ยิ้ม)

 

สิ่งที่ใช้สู้กับปัญหา

คุณเดี่ยว: ผมเคยโดนต่อต้านอย่างแรงจากหลายๆ ฝ่าย ทั้งชาวบ้านหรือญาติๆ แม้แต่งานศพก็ไม่ยอมมานั่งใกล้ผม รับไม่ได้กับสิ่งที่ผมทำ จนวันหนึ่งเมื่อเขาเข้าใจ ค่อยยอมรับสิ่งที่ผมทำมากขึ้น เมื่อก่อนเคยบวชเณร เอาหลักธรรมะมาใช้กับชีวิต สิ่งที่ผมทำวันนี้อาจมีคนกดถูกใจหลายหมื่นหลายแสน อีกวันหนึ่งอาจมีแค่สี่ห้าคน แต่ไม่เป็นไร อย่าไปยึดติดกับชื่อเสียง ไม่ว่าทางดีหรือไม่ดีก็ตาม สิ่งที่ผมทำ คือทำให้มันเป็นปกติซ้ำๆ ซากๆ ทุกวัน จนสุดท้ายคนก็ไม่รู้จะวิจารณ์อะไร

หมอจำเนียร: คนอื่นจะพูดอะไรก็พูดไป ให้มั่นใจในสิ่งที่เราเลือก เราเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าคนที่เข้าใจก็จะเคารพการตัดสินใจของเรา ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่เลือกแล้ว มุ่งมั่นศรัทธา ไม่ต้องสนใจว่าใครพูดอะไร ต้องผ่านช่วงเวลานั้นให้ได้ ไม่มีใครเห็นด้วยกับสิ่งที่เราทำทุกอย่างหรอก (ยิ้ม) น่าแปลกที่คนในโซเชียลกลับไม่มีคำตำหนิด่าว่ารุนแรงในเรื่องนี้ หนังสือเอย สื่อเอยก็ช่วยการันตีในตัวพี่เดี่ยว เป็นกำลังใจให้ด้วย

คุณเดี่ยว: เวลาเรามอบของให้คนป่วยก็ให้เขาขอบคุณเป็นคลิปวิดีโอ หรือเป็นภาพ ส่งต่อให้แก่ผู้ให้มา เงินที่บริจาคมาแม้แต่สลึงเดียวผมก็ไม่เอา นอกจากเขาจะบอกว่าให้เก็บไว้ใช้เองเท่านี้นะ ถึงจะรับ แต่ถ้าให้มาเพื่อซื้อสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะต้องมีหลักฐานใบเสร็จชัดเจนว่าได้รับจริงๆ สร้างความเชื่อถือและให้เขาสบายใจ เวลาที่คนป่วยได้รับ พวกเขาดีใจมาก ขอบคุณคนที่ให้มา คนป่วยเอ่ยชื่อนามสกุลคนที่ให้มาได้เลย พวกผมแค่เป็นสะพานบุญเท่านั้น ถ้าวันไหนผมไม่มีกินจริงๆ ก็วิ่งกดมิเตอร์เหมือนแต่ก่อน แล้วเอาเวลาที่เหลือช่วยคนไปด้วย ถ้าวันหนึ่งเกิดอะไรจะไม่เสียใจว่าทำไมตอนร่างกายแข็งแรงถึงยังไม่ทำ

ดังเช่นสำนวน “ปิดทองหลังพระ” ทุกวันนี้ทั้งสองยังช่วยกันทำความดีโยไม่ใส่ใจว่าใครจะรับรู้หรือไม่ไปเรื่อยๆ และใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์อย่างแท้จริง จนละลายทิฐิของคนรอบข้างได้อย่างหมดสิ้น

 

สะพานบุญที่ทอดยาวไปเรื่อยๆ

คุณเดี่ยว: บางคนอายในการทำความดี แต่พอเห็นเราทำอย่างสม่ำเสมอก็อยากทำบ้าง การทำความดีไม่ต้องรอพร้อม หรือรวยก่อน แต่ทำในขณะที่สุขภาพดี ใจมีความสุข บางครั้งช่วยคนลากรถไปเปลี่ยนยางล้อ เขาควักเงินให้เป็นพัน ผมไม่รับ แต่ขอเขาว่าวันนี้ผมช่วยคุณ วันหน้าถ้าคุณเจอเหตุอะไรขอให้ช่วยคนอื่นแทน แล้วเราจะได้คนดีอีกคนเพิ่มขึ้น ผมเคยเจอบ้านที่คุณยายนอนติดเตียง เข้าห้องน้ำบนเตียง แขวนถุงปัสสาวะอุจจาระ หลานก็ทำความสะอาดให้หมดไม่มีรังเกียจใดๆ บอกว่าหนูรักยาย ถ้าไม่มียายก็ไม่มีแม่หนู อยากช่วยยาย บางครอบครัวมีการรังเกียจ แต่พอผมเข้าไปช่วยบ่อยๆ เขาก็เริ่มเข้ามาช่วยเพราะเห็นว่าเราเป็นคนนอกยังไม่รังเกียจ แต่เขาเป็นญาติทำไมจะทำไม่ได้ การช่วยกันดูแลทำให้คนป่วยมีกำลังใจมากขึ้น บางคนกลับมาลุกนั่งเองได้ หรือเดินได้ก็มี

หมอจำเนียร: บางคนคิดว่าจิตอาสาต้องมีเวลา ฉันไม่มีเวลาหรอก จริงๆ ไม่ใช่ แค่เห็นคนจะข้ามถนน คุณก็จอดให้ข้าม หรือเห็นอะไรรอบตัวที่ช่วยใครได้ ก็สามารถทำได้ทุกเวลา ไม่ต้องใช้เงินก็ได้ เอาที่ใกล้ตัวเรา เราทำได้โดยที่ไม่เดือดร้อน เป็นการช่วยเหลือกัน ส่งต่อการทำบุญ ทุกวันนี้พี่เดี่ยวได้มีโอกาสเป็นวิทยากร ให้ทหารตำรวจทุกหน่วยงาน เพื่อเป็นแม่พิมพ์ให้จิตอาสาทั่วประเทศ ตัวเขาจบแค่ป.สี่แต่ไปเป็นวิทยากรให้ระดับนายพลนายพัน คนสี่ห้าร้อยคนไม่ประหม่าเลย (ยิ้ม)

คุณเดี่ยว: ผมแค่พูดในสิ่งที่ผมทำมายี่สิบกว่าปี พูดประสบการณ์ชีวิตที่ทำมา สร้างแรงบันดาลใจหรือจูงใจให้เขาอยากจะทำความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน ตัวผมพูดอยู่เสมอว่า ให้รักษาความสุจริตเท่ากับชีวิตของตัวเอง ถ้าเราทำได้ คนจะศรัทธา เมื่อเราทำสิ่งใด คนก็จะเข้ามาช่วยเหลือ เราจะไม่เอาบุญนั้นเป็นของตัวเอง เราเป็นสะพานบุญส่งต่อกัน.

 

HUG Magazine ปีที่ 11 ฉบับที่ 5

คอลัมน์ ‘รักไม่รู้จบ’

เรื่อง: มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์

ภาพ: อนุชา ศรีกรการ, นฤเบศร์ เทียนมณี

" วันนี้ผมเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง การที่ได้คุณหมอมาเป็นภรรยา เป็นความโชคดีมากจริงๆ. "

— สุวรรณฉัตร พรหมชาติ