“ถ้าการเสียสละเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ เราต้องเสียสละแค่ไหน อย่างไร ถึงจะไม่กัดกินตัวตนของตนเอง”

 

 

เรื่องนี้เริ่มจากการที่ ทอม ขอ ไวโอเลต แต่งงานหลังจากคบกันมา 1 ปี เขาทำงานเป็นรองหัวหน้าเชฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก ส่วนเธอเพิ่งจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยามาหมาดๆ ความสัมพันธ์ราบรื่น เปี่ยมสุข เข้ากันได้ดี

 

แผนการแต่งงานเริ่มสะดุดเมื่อเพื่อนสนิทของทอมทำน้องสาวของไวโอเลตท้อง เลยต้องสลับให้คู่นั้นแต่งงานก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เกิดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของทั้งคู่ไวโอเลต ได้งานที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน และจะได้ทำวิจัยหลังจบปริญญาเอกซึ่งเป็นงานในฝันของเธอ แต่เมืองมิชิแกนกับซานฟรานซิสโกนั้นไกลกันมาก เพราะอยู่คนละฟากฝั่งทวีปของสหรัฐอเมริกา ถ้าขับรถก็เป็นระยะทางเกือบ 4,000 กิโลเมตร

 

ในเมื่อตัดสินใจจะลงหลักปักฐานอยากอยู่ด้วยกันก็ต้องมีใครสักคนเสียสละ สุดท้ายทอมตัดสินใจลาออกจากงาน (ทั้งๆ ที่กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้าเชฟ) ย้ายตามไวโอเลตไปอยู่เมืองที่ดูแล้วไม่น่าจะรุ่งเรืองทางหน้าที่การงานในอาชีพเชฟเอาเสียเลย งานแต่งงานถูกเลื่อนไปจนกว่าจะพร้อม สถานะของทั้งคู่คือหมั้นกันไว้ก่อน อีกปี อีกปี และอีกปี

 

สำหรับทอมนี่คือ การออกจากพื้นที่ปลอดภัย ย้ายไปเริ่มต้นใหม่ ในสถานที่ใหม่ ต้องปรับตัว ปรับใจ รับมือกับคนรัก กับตัวเอง และกับคำถามภายในใจว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งนี้ถูกต้องแล้วใช่หรือไม่ ไหนจะหน้าที่การงานที่ถดถอย คุณค่าชีวิตในส่วนอื่นๆ ลดลง เรียกได้ว่าเป็นช่วงชีวิตที่ไร้สุขอย่างแท้จริง

 

     “ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนยังเด็กกว่านี้ เราคงหัวเสีย บ่นขรมใส่ตัวละครว่า ก็แล้วทำไมต้องมีใครเสียสละ ต่างคนต่างรักษาหน้าที่การงานของตัวเองไปสิ แต่เมื่อโตขึ้นมาแล้วเราได้เรียนรู้ว่า การเสียสละบางอย่างเพื่อรักษาบางอย่างนั้นเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ และสำหรับหลายคน การได้อยู่เคียงข้างคอยดูแล ให้กำลังใจ ใช้ชีวิตร่วมกัน คือเนื้อหาของการมีคู่ชีวิตในยามที่คุณมั่นใจว่านี่แหละคือคนที่อยากใช้ชีวิตร่วมกัน”

 

หนังเรื่องนี้ให้น้ำหนักแก่เหตุผลของตัวละครแต่ละคนได้ดีมาก เราเห็นใจทอมแต่ก็โกรธไวโอเลตไม่ลง เธอเป็นคนรักที่น่ารัก ใส่ใจความรู้สึกอีกฝ่าย และพยายามไม่น้อยไปกว่ากัน การสื่อสารระหว่างคู่ของสองคนนี้อาจจะไม่ดีที่สุดแต่ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย เนื่องจากสถานการณ์นั้นรับมือได้ยากลำบากจริงๆ และหนังไม่ได้ตัดจบให้คำตอบง่ายๆ ว่า ในที่สุดรักย่อมชนะทุกอย่าง แม้รักจะสำคัญเป็นอย่างมาก แต่การหาจุดลงตัวของความเสียสละ เพื่อมิให้กัดกินตัวเองก็ยังคงจำเป็นเป็นอย่างมาก หลายๆ อย่างต้องใช้เวลา และบางอย่างก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป

 

 

ในแง่ของความเป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ The Five-Year Engagement เป็นหนังที่ดูสนุกมากค่ะ ดูเพลินแบบไม่เบาโหวงเลื่อนลอย มาครบทุกสูตรของความคอมเมดี้ ทั้งผองเพื่อนนักวิจัยของนางเอก เพื่อนห่ามๆ ของพระเอก มีมุกตลกเจ็บตัวปนอยู่บ้าง มุกบทสนทนาก็ไม่เบา ที่สำคัญเอมิลี บลันต์ ผู้รับบทนางเอกของเรื่องคือความสวยงาม ดูแล้วเพลินตา น่ารักมาก

 

HUG Magazine

คอลัมน์: สวมแว่นสีชมพูดูหนัง 

เรื่อง: รอมคอมแอดมิน

     เป็นหนังรอมคอมว่าด้วยความสัมพันธ์อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่อยากให้คุณพลาด ควรชวนคนรักมานั่งดูด้วยกันในวันสบายๆ การได้ดูหนังว่าด้วยความสัมพันธ์ที่เขียนบทและออกแบบเรื่องราวมาลึกซึ้งและดีนั้น ช่วยให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์ดีขึ้นได้จริงๆ นะคะ เรายืนยัน : )