ศรีหลอด เชิญยิ้ม ตลกร่างผอมที่หลายคนคุ้นหน้าจดจำเขาได้จากโฆษณาฮอลล์ข้าวมันไก่อันโด่งดัง ติด 1 ใน 10 ที่คนไทยโหวตอยากรู้ว่าคนเล่นเป็นใคร เส้นทางอาชีพที่คร่ำหวอดกับการเรียกเสียงหัวเราะ หน้าสปอตไลท์ที่ฉายฉาน ย่อมต้องมีเงาพาดผ่าน เรื่องราววันนี้จึงเป็นช่วงชีวิตอีกด้านหนึ่ง หลังแสงไฟสว่างจัดจ้า นั้นมิได้มืดมนแต่อย่างใด เพราะยังมีแสงรักอันอบอุ่นละมุนละไมของคู่ชีวิต (พลอย-ยุวดี นัยนามาศ) ที่ชูใจให้ตลกคนนี้ยังคงมีแรงโลดแล่นบนเวทีต่อไป

 

เมื่อตลกเข้ามาจีบ

“เพื่อนบอกว่าคนนี้ไงที่อยู่ในโฆษณาฮอลล์ ก็คิดว่าคนนี้เหรอ ทำไมในทีวีขี้เหร่ ดูแก่จัง แต่ตัวจริงดูดี (หัวเราะ) เพื่อนเหมือนเป็นแม่สื่อ เวลาไปไหน จะมาคอยถามว่าพี่หลอดไปด้วยนะ พลอยไปไหม เลยเริ่มสนิทกัน”

พลอยเล่าถึงวันที่เพื่อนมาเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์ แรกเจอกันในงานวันเกิดคนรู้จัก ตอนนั้นยังไม่ปิ๊งกัน และฝ่ายชายก็จีบเพื่อนในกลุ่มเธอก่อนด้วย แต่กลับไม่มีใครระแคะระคาย

“ช่วงนั้นผมเล่นตลกอยู่คณะพี่สุเทพ ศรีสังข์ ได้เจอกับพวกเขา กลุ่มพลอยจะมี 4-5 คน ไปไหนด้วยกันตลอดเหมือนนิ้วทั้งห้า ตอนแรกผมจีบเพื่อนเขา แต่ก็คุยกันไม่นาน รู้ว่าไม่ใช่ละ ตอนเราจีบ เราไม่ได้แสดงออกมาก ทำให้คนอื่นเลยดูไม่ออก เฮฮาไปเรื่อย พอเลิกคุยกับเพื่อนเขาได้สักพัก ก็ไปถามเพื่อนอีกคนว่าจำได้ไหมที่มีผู้หญิงคนหนึ่งใส่เสื้อสีนี้ในวันนั้น เขาชื่ออะไร แล้วบังเอิญคนที่มีเบอร์พลอยคือแฟนเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มห้านิ้วนี้ด้วยเหมือนกัน”

สถานที่แรกที่ทั้งสองนัดพบกัน คือทำบุญที่วัดหัวลำโพง ถือว่าเปิดฉากคบหาดูใจได้ขลังดีนะ

 

เอาชนะความเจ้าชู้

การที่คนดังมาจีบ ฝ่ายถูกจีบมักความคาดหวังสูงเป็นธรรมดา แต่พลอยก็ตัดสินใจทำตัวปกติ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ปรุงแต่งเพิ่มเติม เพราะเขาชอบที่เราเป็นแบบนี้ถึงได้มาจีบไม่ใช่เหรอ พอคบได้สักพัก ศรีหลอดมองถึงอนาคต ถามตรงไปตรงมาว่าตัดสินใจเป็นผัวเมียกันจริงไหม

“ถ้าตกลงปลงใจ ผมก็จะพาพ่อแม่มาอยู่ด้วย หาที่อยู่เป็นกิจลักษณะ และจะได้บอกกล่าวพ่อแม่พลอยด้วย ตอนนั้นตลกรายได้ดี ผมไม่เล่นพนัน ไม่กินหรู ไม่เสพยา เดือนหนึ่งก็พอมี เลยคิดว่าทำงานคนเดียวไหว จะเลี้ยงทุกคนเอง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย พลอยก็ดูแลพ่อแม่ผม ดูแลบ้าน ผมออกไปทำงานหาเงินเอง”

พลอยเสริมต่อว่า

“รู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้อบอุ่น เป็นคนรักครอบครัว ถึงจะเจ้าชู้แต่รักครอบครัว ดูแลพ่อแม่ ดูแลครอบครัวได้ เลยตัดสินใจอยู่กับเขา ปีแรกเกือบจะเลิกกันแล้ว พ่อแม่พี่หลอดบอกว่าให้ใจเย็นๆ เราก็รอเขาปรับปรุงตัวเอง ถ้าไม่ปรับปรุง ก็อยู่กันไม่ได้ละ เรารู้ว่าพี่หลอดมีข้อดีอยู่ และทุกคนมีข้อผิดพลาดเช่นกัน ต้องให้เวลาเขาหน่อย”

เราถามศรีหลอดผู้ประกอบอาชีพที่มักถูกตราหน้าว่า เป็นตลกต้องเจ้าชู้ แต่เขาเลิกเจ้าชู้ได้อย่างไร

“ผมหยุดเจ้าชู้มาสิบกว่าปี เลิกไปเลย ปกติสี่ห้าโมงเย็นต้องออกจากบ้านไปเล่นตลก ตีสองต้องกลับ พอกลับ พลอยก็รอเปิดประตู ถ้าผมกลับตีสี่ตีห้า ก็ต้องมีทะเลาะกันละ เธอไปไหนมา ทำไมกลับช้า มันทำให้ความรักที่มีให้กันเสื่อมลง แล้วการเลิกเจ้าชู้ดีอย่าง ประหยัดเงิน ไม่ต้องเลี้ยงผู้หญิงอีกคน เอาเงินมาซื้อนม ซื้อแพมเพิร์สให้ลูก ซื้อกุ้งหอยปูปลามาทำข้าวให้พ่อแม่กินดีกว่า ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มือถือดังให้เมียรับได้เลย ดีกว่าไปไหนต้องติดไปด้วยเพราะระแวง ทำไมเราไม่มีเมียคนเดียว หยุดไปเลยไม่ตายหรอก พลอยไม่เคยนอกใจผม ตื่นเช้ามาทำกับข้าวให้กิน ดูแลพ่อแม่ผมอย่างดี ดูแลบ้านอย่างดี แล้วพอน้องเหมยเกิดมา เป็นเด็กพิเศษ ถ้าไม่รักกันจริงคงไปแล้ว แต่พลอยทุ่มเทให้ลูกมาก ตั้งใจอดทนกับการดูแลลูก เขาทำอะไรผิดเหรอ เราถึงต้องทำร้ายจิตใจเขา”

 

ขบจึงขันพลันเจ็บ

ครั้งหนึ่งศรีหลอดคิดมุกตลกจากวงสนทนาเรื่องความเจ้าชู้ได้ นำไปใช้บนเวที เรียกเสียงฮาครืนเป็นอย่างดี ด้วยวลีว่าหายกัน

“ผมถามผู้ชมว่ามีผู้ชายคนไหนแอบไปนอนกับสาวแล้วเมียจับได้บ้างครับ คนฟังก็ยกมือกัน ถามมีใครโกหกเมียไหม มีใครยอมรับบ้าง ก็ตอบโกหกทั้งนั้น ผมบอกเวลาเมียจับได้ให้ยอมรับไปเลย แล้วครอบครัวพี่จะมีความสุขแบบผม วันก่อนผมกลับบ้าน เมียยืนชี้หน้าถามว่าไปนอนกับผู้หญิงมาใช่ไหม เรากล้าทำกล้ารับ เมียไม่ด่า พูดมาว่าถ้างั้นมึงกับกูหายกัน ตอนเล่นมุกตลกฟังแล้วขำ แต่ชีวิตจริงมันเจ็บปวดนะ สมมติผมไปเล่นตลก ภรรยาอยู่บ้าน เราไม่รู้ว่าอยู่จริงไหม รู้แค่ว่าเขาอยู่กับพ่อแม่ แล้วถ้าเขาบอกแม่ เดี๋ยวออกไปข้างนอกหน่อยนะ หายไปสักชั่วโมง ไปทำอะไรก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นต้องเชื่อใจกัน”

ศรีหลอดยอมรับว่าช่วงนั้นยังสนุกสนานเฮฮา จนได้เจอกับคำว่าหายกันจริงๆ ที่ไม่ใช่มุกตลกจากแฟนคนเก่า พอคบพลอย และเห็นความดีที่เธอทำไว้ ก็เริ่มฉุกคิดว่าควรยุติได้แล้ว ทุกวันนี้ทำอะไรภรรยารู้หมด สบายใจ ไปไหนมาไหนคอยบอกเสมอ

 

ผูกใจด้วยเสน่ห์ปลายจวัก

ฝีมือกับความจน คือเหตุผลที่เขาเลือกผู้หญิงคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต

“เวลาผมไม่มีเงิน พลอยไม่ได้เอาเงินมาให้ เขาทำกับข้าวให้กิน เป็นน้ำพริกปลากระป๋อง ปลาทูทอด ชะอมดิบ ผักต่างๆ หาเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การทำอาหารให้แบบนี้ต่างหาก พลอยมีเงินของเขาเอง จะไปซื้อกับข้าวดีๆ มาเอาใจก็ได้ ผมเคยคบผู้หญิงคนหนึ่ง รวยมาก ใช้เงินกับทุกอย่าง จ้างซักผ้า ซื้ออาหาร แม้แต่ไข่เจียวไข่ดาวก็ซื้อ ถ้าวันหนึ่งเงินหมดล่ะ ทำอะไรไม่เป็นเลยนะ แต่พอมาเจอพลอย เงินมีแต่ทำกินเอง ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่ซื้อในสิ่งที่ตัวเองทำได้ อย่างน้อยถ้าเราไม่มีเงิน เขาก็ยังมีฝีมือทำกับข้าวให้เราและพ่อแม่กิน อีกหน่อยพอมีทุนในการทำธุรกิจ ก็เปิดร้านขายข้าวแกง ทั้งหมดนี้ผมคิดระหว่างที่นั่งกิน รู้ว่าฝากผีฝากไข้ได้ละ เขาทำอร่อยด้วย น้ำพริกปลากระป๋อง คำแรกเข้าปากคือใช่ ผมกินข้าวสองจานเลยนะ”

พลอยเห็นพ้องเช่นกันในเรื่องอาหารการกิน

“พี่หลอดเป็นคนกินง่ายด้วย เราไม่ชอบคนกินยากอยู่ยาก เพราะเราเป็นคนบ้านนอก กินอะไรง่ายๆ แค่น้ำพริกปลากระป๋องกับปลาทูทอด เขาก็กินได้ ทุกวันนี้ยังบ่นว่าไม่ทำน้ำพริกปลากระป๋องให้กินเลย ช่วงที่พี่หลอดมาจีบ ก็มีอีกคนมาจีบเหมือนกัน เป็นคนรวยเลยละ แต่ถ้าเลือกคนนั้นก็ต้องเป็นเมียน้อยเขา เราไม่เอาดีกว่า พี่หลอดถึงไม่มีเงินแต่ดูแลเราได้ เขารักพ่อแม่ เป็นคนจริงใจ อะไรชอบไม่ชอบบอก ไม่ฟุ่มเฟือย ทำให้รู้ว่าถึงไม่มีเงินก็รักกันได้”

ศรีหลอดยังย้ำด้วยว่าทุกวันนี้ติดใจเสน่ห์ปลายจวักของภรรยาถึงกับถ้าออกไปทำงานต้องกินข้าวฝีมือภรรยาก่อน กลับมาก็ต้องได้กิน แค่ผัดกะเพราไข่ดาวก็พอใจแล้ว

“ต้องฝีมือเขา ไม่ก็ฝีมือแม่ มีแค่สองคนนี้ พอพลอยจดจำสูตรแม่ผมได้ ทุกวันนี้แม่ไม่ต้องทำแล้ว เพราะสูตรทุกอย่างของแม่อยู่ในตัวพลอยหมดแล้ว และรวมกับฝีมือเขาเอง ผมตายรังเลย (หัวเราะ)”

เล่นเอาเรากลืนน้ำลายตาม นึกอยากลองมีโอกาสได้ลิ้มชิมรสสักครั้ง

 

พลังใจเพื่อเด็กพิเศษ

บททดสอบใหม่เข้ามาอีกครั้งในชีวิตคู่ของทั้งสอง ครั้งนี้หนักหนาสาหัสจนเราอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าประสบกับตัวเอง เราจะฝ่าฟันอุปสรรคได้อย่างพวกเขาไหม เมื่อน้องเหมย (อณุภา พรามเย็น) ลูกสาวคนรองเป็นเด็กพิเศษตั้งแต่เกิด

“อยากบอกคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่เป็นเหมือนกันคือทำใจให้ได้ ไม่ต้องเครียด แรกๆ พวกเราก็ทำใจไม่ได้นะ คนเป็นพ่อแม่ตั้งความหวังอยู่แล้วว่าลูกต้องน่ารัก ต้องแบบนั้นแบบนี้ พอฟื้นขึ้นหลังจากคลอด พยาบาลเดินมาบอกว่าลูกไม่ปกติ เป็นเหมือนสายันต์ ตอนนั้นไม่รู้จักตลกที่เป็นเด็กพิเศษ เลยงง พี่หลอดเดินมาจับมือร้องไห้บอกรายละเอียด เรานอนน้ำตาไหล ทำไมต้องเป็นลูกเรา หมอยังไม่แน่ใจเป็นจริงไหม ให้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเด็กที่ราชวิถี และผนังหัวใจก็มีรูรั่ว ต้องเทียวไปเทียวมา เข้าออกโรงพยาบาลแทบทุกวัน ตื่นตีห้าไปรับบัตรคิว

“พอไปโรงพยาบาล ได้เจอเด็กทุกประเภท เริ่มทำใจว่าลูกเรายังดีที่ครบสามสิบสอง เด็กบางคนปกติแต่ไม่ครบ หน้าตาน่ารักแต่ไม่มีขา หรือปากแหว่ง แล้วลูกยังพูดโต้ตอบรู้เรื่องได้ ไม่ใช่เหม่อลอย ยังวิ่งเล่นได้ เราเลยมีกำลังใจ ฮึดสู้ เล่นกับเขา เปิดเพลงให้ฟัง เด็กพิเศษชอบฟังเพลง จะเต้นตาม อารมณ์ดี อย่าให้ดูทีวีเพราะจะมีอะไรหลายอย่างรบกวนเกินไป อย่าคิดว่าทำไมลูกเป็นแบบนี้ เขาเลือกมาเกิดกับเราแล้ว ยังไงเสียเขาก็เป็นลูกเรา ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด”

ศรีหลอดเองยอมรับว่าในช่วงแรงที่เจอเรื่องนี้ เขาก็ยังเป็นคนธรรมดาที่มีความรู้สึกอับอาย ไม่กล้าโพสต์ภาพน้องเหมยให้ใครเห็น หรือแม้แต่จะพาออกไปข้างนอก จนกระทั่งวันหนึ่ง คำปรามาสของคนคนหนึ่งได้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขาอย่างรุนแรง

“ตอนน้องเหมยยังตัวเหลือง ต้องเข้าตู้อบ มีคนพูดกับผมว่า ‘ถ้าเขามีลูกมีหลานแบบนี้ไม่ปล่อยให้เกิดมาหรอก เกิดมาก็เป็นภาระสังคม ทำให้สังคมเดือดร้อน เพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้’ คำพูดนี้ทำให้ผมมุมานะและคิดในใจว่าสักวันหนึ่งจะทำให้เห็น และทุกคนจะยอมรับในตัวลูกเรา ถึงผมตายไป ลูกก็ช่วยเหลือตัวเองได้ จนน้องเหมยโตขึ้น แล้วเจอคนที่เคยพูดคำนั้น เขาก็ได้เห็นว่าน้องเหมยโตมาอย่างดี และไม่ใช่พ่อแม่ทุกคนจะปล่อยลูกให้เป็นภาระสังคม

“อยากให้ทุกครอบครัวที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ตัดคำว่าอายออกไปจากชีวิตเลย ถ้าคุณอาย ให้อยู่แต่ในบ้าน ลูกจะไม่มีพัฒนาการแน่ๆ ตั้งใจเลี้ยงลูกให้เหมือนเด็กปกติ อย่าไปใส่ใจหรือสนใจสายตาคนรอบข้างที่มองลูกคุณ ถ้าสามารถเอาชนะสายตาทุกคู่ที่มองลูกคุณได้ คุณจะพาลูกไปได้ทั่วโลก บ้านเราเลี้ยงลูกเหมือนเด็กปกติ ทั้งการสอนและการพูดจา ตอนแรกผมอายที่ลูกเป็นแบบนี้ แต่ทุกวันนี้เขาเป็นส่วนหนึ่งของผมไปแล้ว สวรรค์ส่งน้องเหมยมาอยู่กับเราต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยดูแล ให้คำแนะนำเป็นอย่างดีแก่พวกเรา อยากเป็นกำลังใจให้แก่ทุกคนครับ”

อีกกรณีที่ศรีหลอดยกเป็นอุทาหรณ์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ก็คือ ตอนที่น้องเหมยไปโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษ เมื่อกลับมาบ้านก็ทำท่าขาเป๋ให้ดู เป็นท่าที่จำมาจากเด็กพิการในโรงเรียน ตอนนั้นคุณพ่อรีบละลายพฤติกรรมลูกสาวทันที รู้ว่าต้องป้อนข้อมูลที่ดีให้จดจำแทน เพราะเขาแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนถูกต้อง เลยได้แต่เลียนแบบมาเท่านั้น

เราคิดว่าความไร้เดียงสามีอยู่ในเด็กทุกๆ คน เขาไม่รู้ถูกรู้ผิด เขาแค่สนใจอยากเรียนรู้ เพราะฉะนั้นหน้าที่หยิบยื่นสิ่งดีๆ จึงเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่พึงใส่ใจให้มาก

 

เรื่องโกหกครั้งแรก

“ผมเคยแอบซ่อนเงิน เพื่อซื้อของขวัญให้พลอย ยอมทะเลาะกัน พ่อแม่ผมสอนมาตลอดว่าห้ามโกหก ผมไม่เคยโกหกเลยในชีวิต แต่เพื่อจะซื้อสร้อยให้เขาในวันเกิด เลยโกหกว่าเพื่อนยืมไปบ้าง หลอกล่อไปเรื่อย สะสมเงินจนครบ ถึงวันเกิดก็เอาสร้อยมาให้ แล้วบอกว่านี่เป็นการโกหกครั้งแรก อยากเซอร์ไพรส์ ที่ทำไปทั้งหมดคืออยากซื้อให้ (ยิ้ม)”

ศรีหลอดยังคงอารมณ์ดีทุกครั้งที่พูดถึงภรรยาด้วยน้ำเสียงระรื่น แม้บางช่วงสนทนาจะมีเสียงเครืออยู่บ้าง

“ผู้หญิงทุกคนแหละอยากแต่งเติมเสริมความสวย พลอยก็เหมือนกัน ผมจะบอกว่าไม่ต้องทำหรอก ชอบแบบธรรมชาติอย่างนี้ ผมรักที่พลอยเป็นตัวพลอย ผมให้ได้ทุกอย่าง ฟังเหมือนพระเอกที่ภรรยาจะโดนยิง ผมเอาร่างกายไปรับแทนได้ เพราะเขาดีกับผมมากๆ ผมให้เขาได้หมด ไม่รู้ว่าคนตีค่าความดีจากอะไร แต่พลอยมีหมด บางทีผมใจร้อน ขับรถเจอคนแซงบีบแตรหงุดหงิด พลอยจะจับมือแล้วบอกคิดถึงลูกไว้มากๆ ผมก็ได้สติ”

 

ครองคู่อย่างยั่งยืน

เราถามถึงเคล็ดการใช้ชีวิตคู่ให้คงทน เพื่อเป็นแนวทางแก่คนที่เพิ่งแต่งงานหรือกำลังเจอความหวั่นไหวทางใจ พลอยหัวเราะเสียงสดใส บอกไม่คิดเหมือนกันว่าจะอยู่กันมานานถึง15-16 ปีแล้ว

“อยากบอกทั้งผู้หญิงผู้ชายว่าต้องใจเย็นๆ ค่ะ มีปัญหาอะไรให้ใจเย็นไว้ก่อน ใจร้อนใส่กันเลิกรากันได้ รับฟังว่าปัญหาเกิดจากอะไร ทุกครอบครัวต้องมีปัญหาแน่ละ อยู่ที่เราจะใจเย็นหรือตอบโต้ ถ้าตอบโต้ก็มีปัญหาต่อ ทางที่ดีที่สุดต้องใจเย็น ฟังซึ่งกันและกัน ช่วยกันคิดว่าจะแก้ปัญหาตรงนี้ยังไง คอยปรึกษากัน ชีวิตคู่ต้องอยู่ด้วยความเข้าใจ ยิ่งถ้าสามีทำงานหาเงินคนเดียว เขาก็มีความเครียด เพราะงั้นภรรยาต้องใจเย็นๆ ที่สำคัญอย่ามีอีโก้ใส่กันเลยค่ะ ไม่งั้นเลิกราแน่นอน”

 

ความในใจที่อยากให้รู้

ถ้าวันนี้ได้เปิดอกพูดกัน อยากกล่าวความในใจอะไรแก่คู่ชีวิตบ้าง

พลอย: “อยากบอกว่ารักพี่หลอดมากค่ะ (ยิ้ม) ปกติเราไม่เคยพูดเลยนะ ไม่เคยบอกรักพี่เขาเลย (หัวเราะ) ห่วงเขามากนะ เพราะเขาชอบดื้อรั้น ทำงานตื่นแต่เช้ากลับดึก ห่วงเรื่องขับรถ เพราะขับเร็ว บางทีมีไลน์เข้ามาในมือถือ เขาจะอ่านตอนขับ กลัวจะเจออุบัติเหตุ เพราะเขาเป็นเสาหลักครอบครัว แล้วสุขภาพเดี๋ยวนี้ก็ไม่สบาย เรารักเขาจริงๆ ไม่อยากให้ไปไหน อยากให้อยู่ด้วยกันนานๆ อยู่บ้าๆ บอๆ แบบนี้ไปเรื่อยๆ (หัวเราะ) สร้างสีสันให้ลูกเมียมีรอยยิ้ม อยู่กับครอบครัวไปนานๆ ไม่อยากให้จากกัน”

ศรีหลอด: “อยากบอกว่ารักพลอยมาก อยากได้อะไรจะหามาให้ จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวดีขึ้น ในตอนนี้มีสิ่งหนึ่งที่พลอยอยากได้มาตลอด แต่ผมยังทำให้ไม่ได้ เขาอยากจัดงานแต่งงาน ผมยังไม่พร้อม เพราะไม่เข้าใจว่า การแต่งงานคืออะไร ทำไมต้องเอาเงินเป็นแสนมาละลายแค่วันเดียว การแต่งงานไม่ได้บ่งบอกว่าเรารักกัน หลายคู่จัดงานกันหลายล้านแล้วเลิกกัน พ่อพลอยเสียแล้ว แม่เขาเลยถามว่าเมื่อไรจะแต่ง ผมก็บอกไปตรงๆ ว่าไม่รู้ แต่ถ้าพลอยยังมีชีวิต ผมไม่มีวันเลิกกับพลอยแน่นอน จะดูแลเขาให้ดีที่สุดด้วย และดูแลทั้งสองครอบครัวให้ดีที่สุดเช่นกัน

 

     “ทุกวันนี้ผมทำเพื่อเขา ผมรู้ว่าถึงเอาสินสอดให้บ้านพลอย เขาก็คืนให้ผม แค่อยากทำให้ถูกต้องตามประเพณี ตามประสาคนบ้านนอก อยากให้ชัดเจน บางทีขับรถผ่านร้านชุดวิวาห์ พลอยแซวว่าชุดสวยเนอะ มันเจ็บจี๊ดๆ นะ คำว่า ‘รัก’ เราไม่ต้องพิสูจน์แล้ว เพราะเขารู้ว่าผมทำทุกอย่างเพราะรัก คิดว่าถึงวันหนึ่ง ผมจะเดินไปบอกพลอยว่าพร้อมแล้วนะ (น้ำตาคลอ) แต่งงานกันไหม”

— ศรีหลอด เชิญยิ้ม