เรื่อง: ครูจักร์

เชื่อว่าเราทุกคนต้องเคยมีเรื่องที่ไม่สบายใจกันบ้าง

 

มีคนทำให้เราโกรธ เกลียด ทำให้เสียหน้า และทำร้าย ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเมื่อเราโกรธหรือไม่พอใจ คนแรกที่ได้รับผลร้ายคือตัวเรา

 

“ไฟแห่งความโกรธ เกลียด อิจฉา ริษยา จะทำให้เราร้อนรนไม่เป็นสุขทั้งกายและใจ

ไฟเหล่านี้จะวนเวียนในความคิด บางคนเป็นไม่นานก็หาย บางคนนานมาก

บางคนตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ บางคนคิดถึงเมื่อใดไฟก็มาทำร้ายใจเมื่อนั้น

มีแต่คนที่รู้จักการให้อภัยและปล่อยวางเท่านั้นที่จะดับไฟในใจนี้ได้”

 

คนที่ไม่รู้จักการให้อภัย มัวแต่จับผิด มัวแต่พูดสิ่งไม่ดีที่ผ่านมาแล้ว มัวแต่ทำให้ตัวเองดูดีและคนอื่นด้อยค่าลง ไม่มีวันเติบโตหรือทำงานใหญ่ได้ โลกของคนประเภทนี้จะแคบ เพราะกลุ่มหรือคนรอบข้างมีแนวโน้มเป็นคนประเภทเดียวกัน

 

เราทุกคนล้วนเคยประสบเรื่องไม่พอใจ แต่เราก็ต้องเข้าใจว่าโลกใบนี้มีสองด้าน และมีคนที่คิดตรงกันข้ามกับเราเสมอ ไม่ว่าพวกเราจะคิดแบบไหนถูกของเรา ผิดสำหรับเขา ถูกของเขา ผิดสำหรับเรา

 

“ดังนั้นจงเข้าใจและยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้

เพราะเราต้องเจอตั้งแต่เกิดจนตายแน่นอน

และในช่วงหนึ่งของชีวิตมักเจอบ่อยๆ

เราไม่สามารถห้ามความคิดของผู้คนได้

แต่เราเลือกเดินออกมาจากจุดที่ทำให้เราไม่พอใจได้

นั่นคือวิธีที่ดีที่สุดในยามที่เราท้อแท้และขาดสติ”

 

วันนี้ผมได้เล่นหมากล้อมกับลูกสาว เห็นได้ว่าเธอเดินผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลายครั้งที่ความรู้สึกไม่ได้ดั่งใจถาโถมเข้ามา พร้อมกับคำต่อว่าที่รุนแรงทั้งน้ำเสียงและหน้าตา แต่พอลูกมีน้ำตาเอ่อล้นจึงคิดได้ว่า เราหวังจะให้เขาเป็นและคิดได้เหมือนเรา จนลืมนึกว่าเขาอายุยังน้อย ประสบการณ์ในโลกใบนี้ยังไม่กว้างนัก แต่ละคนมีด้านดีและร้ายต่างกัน หมากที่เดินบนกระดานย่อมแตกต่างกัน

ผมจึงขอโทษลูกสาวพร้อมบอกว่า “ให้อภัยพ่อนะ พ่อไม่ตั้งใจ”

 

ชีวิตคนเราอยู่ได้ไม่เกิน 100 ปี มีผู้คนมากมายที่ฝากรอยยิ้ม น้ำตา และรอยแผลแต่เชื่อเถอะว่า ร่องรอยเหล่านั้นจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น

 

“ผมหวังว่าวันใดวันหนึ่งก่อนจากโลกใบนี้ไป

เราจะปล่อยวางและให้อภัยผู้คนที่ทำให้เราเจ็บทั้งกายและใจ

และที่สำคัญ เราก็ต้องให้อภัยตัวเองกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

ด้วยถ้าแม้แต่ตัวเองคุณยังให้อภัยไม่ได้ แล้วจะให้อภัยคนอื่นได้อย่างไร”


Hug magazine ปีที่ 12 ฉบับที่ 5
คอลัมน์: มองชีวิตผ่านหมากล้อม