เธอคือบทเพลงรักของชีวิตปาล์ม-นิติภูมิ ภู่กฤษณา & ปิงปอง-กชกร คุณาลังการ

“ฉันจะไปกับเธอจนวันสุดท้าย ต้องพบเรื่องราวมากมาย หนักแค่ไหนก็ไม่หวั่น จะมีฉันคอยเคียงข้างเธอตลอดไป ไม่ว่าจะอย่างไรใจฉันนั้นไม่เปลี่ยน
….ท่อนหนึ่งจากบทเพลง “จะไม่มีวันเปลี่ยน” ของวงสโลโจขับร้องและร่วมแต่งคำร้องโดยปาล์ม-นิติภูมิ เจ้าของเรื่องราวความรักฉบับนี้สะท้อนภาพความรักของปาล์มและปิงปองได้เป็นอย่างดีว่าไม่ว่ากาลเวลา ระยะทาง หรืออะไรก็ตาม “ขอให้เธอได้โปรดมั่นใจ” ในความรักที่เขามอบให้


บทเพลงเมื่อแรกเจอ

ย้อนเวลาถึงวันแรกพบสบตา เมื่อครั้งปาล์มยังไว้ผมยาว เล่นดนตรีกับเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง กระทั่งเขาสนิทกับกลุ่มเพื่อนของเพื่อนที่มาเป็นประจำ และหนึ่งในนั้นมีพี่ชายของปิงปองที่พาคุณแม่และเธอมาฟังเพลง ปาล์มเล่าว่า “ผมสะดุดตาเพราะหน้าเขาสวยโฉบเฉี่ยว เพียงแค่เริ่มบทสนทนาก็รู้สึกว่าทุกอย่างนั้นง่าย เพราะท่าทีของเขาไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามีกำแพงกั้นหรือไม่เป็นมิตร ปองเป็นคนที่เปิดใจและยิ้มแย้ม อัธยาศัยดีมาก ผมไม่รู้สึกประหม่าเวลาที่คุยกับเขา กลับผ่อนคลายด้วยซ้ำ เห็นครั้งแรกก็ปิ๊งเลย แต่ตอนนั้นไม่ได้จีบเพราะปองมีแฟนแล้ว แต่ก็จำหน้าเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน”

ระหว่างนั้นทั้งคู่สานสัมพันธ์กันเพียงแค่เป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊ก ปิงปองรู้ว่าปาล์มเป็นนักร้องซึ่งคุณแม่ชื่นชอบและเป็นเพื่อนกับพี่ชายเท่านั้น ทั้งคู่ไม่เคยคุยกันเลย กระทั่งสี่ปีผ่านไปจึงมีโอกาสได้พบกันอีกครั้งที่ร้านอาหารอีกแห่งซึ่งฝ่ายชายเล่นดนตรีอยู่ “ปองจำได้ว่าพี่ปาล์มเป็นนักร้องที่แม่ชอบ แล้วปองก็เล่าให้แม่ฟังว่าเจอพี่ปาล์ม แม่ก็คอมเม้นท์ในเฟซบุ๊กพี่ปาล์มว่า ปิงปองเจอปาล์มมาเหรอ แม่เหมือนเป็นตัวเชื่อมระหว่างปองกับพี่ปาล์ม หลังจากนั้นก็มีโอกาสเจอกันอีกเพราะเป็นร้านประจำที่เพื่อนๆ ชอบไป บังเอิญว่าวันนั้นที่นั่งข้างเราว่าง พอเขาเล่นดนตรีเสร็จก็มานั่งเพราะมีเพื่อนๆ ที่เขาสนิท” ปิงปองเล่าด้วยรอยยิ้มเขินๆ ฝ่ายชายเสริมทันทีว่า “จริงๆ ผมเล็งไว้แล้วว่าจะไปนั่งข้างเขา”

ปิงปองบอกว่ามีเรื่องหนึ่งที่ยังจำได้และรู้สึกว่าเป็นเรื่องตลกในความซื่อของผู้ชายคนนี้ “คืนนั้นเราไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก แต่พี่ปาล์มอาสาเดินมาส่งที่รถ และมีเพื่อนพี่ชายอีกคนที่เข้ามาคุยกับปองก็ขอเดินไปส่งด้วย สุดท้ายก็เดินไปด้วยกันสามคน พอปองกลับถึงบ้านพี่ปาล์มก็ไลน์มา ตอนนั้นเรางงว่าเขามีไลน์เราได้ยังไง ความซื่อของเขาคือขอไลน์จากผู้ชายคนที่เดินมาด้วยกันนั่นละ ก็เป็นเรื่องตลกที่เกิดขึ้น (หัวเราะ) แต่หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยได้คุยกันเพราะปองเตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ และเป็นช่วงที่ต้องไปอยู่กับพี่ชายที่เนเธอร์แลนด์ จู่ๆ เขาก็ไลน์มาช่วงปีใหม่ ตอนนั้นเราต่างคนต่างโสดเลยคุยกันมาเรื่อยๆ เราเริ่มคุยกันจากความชอบฟังเพลง จึงรู้สึกว่าคุยเรื่องเดียวกัน เราคุยกันทุกวันและส่งเพลงแลกกันวันละเพลง” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่น่ารักของคู่รักคู่นี้

ท่วงทำนองชีวิตที่ลงตัว

ทั้งคู่เริ่มทำความรู้จักกันในช่วงที่ฝ่ายหญิงใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ด้วยระยะทางที่ห่างไกลแล้วเหตุอันใดความสัมพันธ์ครั้งนี้จึงสามารถเริ่มต้นได้อย่างสวยงาม ความโชคดีที่แสนลงตัวอย่างหนึ่งคือ อาชีพนักร้องนักดนตรีของฝ่ายชาย ณ เวลานั้นเอื้อต่อความสัมพันธ์ระยะไกลครั้งนี้ เพราะเวลาที่เขากลับถึงบ้านตอนเที่ยงคืน นั่นเป็นเวลาหนึ่งทุ่มของประเทศเนเธอร์แลนด์ เวลาของเขาและเธอจึงตรงกันพอดี

“ช่วงที่เราตัดสินใจจีบเขาเพราะมีความรู้สึกลึกๆ ในใจว่าตอนนี้เขาน่าจะโสด เพราะเขาไปเรียนต่างประเทศ ถ้ามีแฟนก็น่าจะอยู่ไกลกัน ผมจึงเริ่มคุยและรีบทำคะแนน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเพราะไลฟ์สไตล์ของเราคล้ายกัน มีความชอบเหมือนๆ กัน ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับผม และเป็นเรื่องที่ประทับใจตั้งแต่โทร.หาเขาครั้งแรก เพราะแค่เสียงรอสายของเขาก็เป็นเพลงที่เราชอบแล้ว เขาชอบเพลงของค่ายเบเกอรี่ มิวสิคและเลิฟอีสมาตลอด ผมก็ชอบเหมือนกัน ส่วนเพลงสากลเราฟังอาร์แอนด์บีเหมือนกัน ยิ่งรู้จักเขามากเท่าไหร่ยิ่งประทับใจมากขึ้นเท่านั้น ถามถึงเพลงไหนเขาก็รู้จัก เราจีบกันด้วยเพลงคือส่งเพลงแลกกันวันละเพลง ฟังไปก็ยิ้มเขินไปเพราะเราอยู่ไกลกัน เรียกว่าใช้เพลงเป็นสื่อรัก”

ระหว่างที่กำลังฟังฝ่ายชายเล่าก็หันไปเห็นสาวปิงปองยิ้มแล้วบอกว่า “ตอนเราจีบกันเหมือน puppy love ทั้งที่จริงๆ ก็อายุไม่น้อยแล้ว แต่ความรู้สึกเหมือนเด็กจีบกัน (หัวเราะ)” หนุ่มปาล์มให้เหตุผลของการจีบแบบน่ารักๆ ว่า “ผมมีประสบการณ์ความรักไม่มากนัก มีแฟนหนึ่งคนที่คบกันมาหนึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่มีแฟนเลยจนมาเจอปอง สำหรับผมจึงยังเป็น puppy love เวลาผมรักใครจะให้เกียรติผู้หญิงคนนั้นมากๆ ไม่ได้มีระยะเวลากำหนดว่าเราคบกันมาสองเดือนแล้วสามารถจับมือเธอได้ สำหรับผมแม้เวลาผ่านไปนานเป็นปีแล้วก็ยังไม่จับมือ เพราะผมมองว่าเรื่องนี้สำคัญ เป็นการให้เกียรติในตอนที่เราเริ่มทำความรู้จักกัน เริ่มจีบกัน เพื่อสะท้อนให้เขาเห็นว่าเราเป็นคนยังไง” ขอบอกว่าประเด็นนี้หนุ่มๆ ควรนำไปใช้นะ

ปิงปองเล่าให้ฟังต่อว่า “ตอนนั้นเราคุยกับเขามาตลอดและรู้สึกว่าเขาเป็นคนคุยสนุก โดยส่วนตัวปองไม่คิดว่าเขาจะจีบเรา เพราะเขาเป็นเพื่อนกับพี่ชาย อีกประเด็นคือพี่ปาล์มเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนเรา แต่พอเราเริ่มคุยกันทุกวันจนถึงวันที่ปองกลับจากเนเธอร์แลนด์ ถึงเมืองไทยประมาณตี 5 พอตอนเที่ยงพี่ปาล์มส่งข้อความมาว่า ‘วันนี้กินข้าวที่ไหน ไปกินข้าวด้วยกันไหม’ ทั้งๆ ที่เป็นวันแรกที่เราเพิ่งกลับมาและเราไม่ได้เจอหน้ากันมานาน หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ สานต่อกันมาเรื่อยๆ เรากลับมาเมืองไทยแค่ 1-2 เดือน แต่ไปกินข้าวด้วยกันทุกวันเหมือนเป็นช่วงโปรโมชั่น พอถึงเวลา 11 โมงของทุกวันก็มีข้อความส่งมาว่า ‘วันนี้กินข้าวที่ไหน’ กระทั่งรู้สึกดีต่อกันมากขึ้น ปองจึงตัดสินใจบอกแม่”

ด้วยความที่ฝ่ายหญิงละเอียดอ่อนและใส่ใจในคนรอบข้าง การที่เธอจะคบกับแฟนเก่าของเพื่อนที่แม้เลิกรากันมานาน 3-4 ปี แต่ปิงปองก็อยากเปิดใจคุยกับเพื่อนของเธอ แต่ไม่ทันไรเรื่องราวของปิงปองและปาล์มก็ถูกนำมาปะติดปะต่อโดยเพื่อนๆ ที่ติดตามผ่านโลกโซเชียล “วันวาเลนไทน์ปี 2013 ก่อนตกลงคบกัน พี่ปาล์มนัดปองไปทานอาหารฝีมือเขา ปองก็โพสต์รูปลงไอจี กลุ่มเพื่อนเลยใช้รูปนั้นไปโมเมเอาว่าปองกับพี่ปาล์มนัดกัน กระทั่งเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพื่อนหลายคนพูดกันว่าเราจะคบกับแฟนเก่าของเพื่อนไม่ได้ แต่ด้วยความที่เรารู้จักแฟนเก่าของพี่ปาล์มเป็นอย่างดี ก็บอกเพื่อนคนนั้นไปว่าเราเข้าใจถ้าเธอรู้สึกไม่ดี เราให้เกียรติเธอ เขาบอกว่าไม่เป็นไร แต่เพื่อความสบายใจของคนรอบข้างขอไม่เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กสักพักนะ ปองบอกว่าเรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็กลับมา หลังจากนั้นหนึ่งปีเราก็กลับมาคุยกันและสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิมอีก” ปิงปองร่วมแชร์ประสบการณ์ที่อาจเป็นแง่คิดสำหรับใครได้บ้าง

ปาล์ม-นิติภูมิ ภู่กฤษณา & ปิงปอง-กชกร คุณาลังการ


จังหวะรักระยะไกล

เกือบครึ่งทางของสัมพันธ์รักระหว่างปาล์มกับปิงปองนั้นทั้งคู่คบหากันระยะไกล เพราะฝ่ายหญิงใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ สาวปิงปองเล่าว่า “ตอนนั้นเราคบกันแค่ 6 เดือน ปองก็ไปเรียนต่อที่อิตาลี คิดเหมือนกันว่าความสัมพันธ์จะไปรอดไหม แต่เราก็คุยกันว่าลองดูสักตั้งแล้วกัน เพราะถ้าเราผ่านความสัมพันธ์ระยะไกลครั้งนี้ไปได้ ไม่ว่าปัญหาอะไรต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป กลายเป็นว่าการคบกันของเราไม่มีปัญหาเลย คู่เราโชคดีที่พี่ปาล์มทำงานตอนกลางคืน เวลาของเราเลยตรงกัน เขาเลิกงานตี 2 ซึ่งตรงกับเวลาที่อิตาลีตอน 2 ทุ่มพอดี ทำให้มีเวลาคุยกันทุกวัน ใช้ระบบการไว้เนื้อเชื่อใจกันล้วนๆ”

แต่เรื่องราวความรักระยะไกลของปาล์มและปิงปองนั้น ไม่ใช่แค่ที่เนเธอร์แลนด์ อิตาลี แต่มีที่อังกฤษด้วย เพราะปิงปองตัดสินใจไปเรียนต่อด้าน Marketing Management เพื่อกลับมาช่วยธุรกิจของครอบครัว ปิงปองเล่าถึงเหตุการณ์ช่วงนั้นว่า “ปองยังสนุกกับการเรียนจึงขอไปเรียนต่อ และตัดสินใจบอกคุณพ่อว่าถ้าสอบ IELTS ผ่านแล้วยื่น portfolio ไปที่มหาวิทยาลัยแล้วผ่าน ปองขอหมั้นกับพี่ปาล์มไว้ก่อน คุณพ่อก็ตกลงตามนั้น ปองคิดว่าก่อนที่เราจะทำการใหญ่ต้องพิสูจน์ให้ทั้งครอบครัวเราและเขาเห็นก่อน สุดท้ายปองก็ได้ไปเรียนและแต่งงานเมื่อปี 2017 เรียกว่าเป็นงานหมั้นกึ่งแต่งงานเพราะเราทั้งคู่ไม่อยากจัดงานแต่งงานใหญ่โต เราไม่ชอบปาร์ตี้ และไม่ได้มีเพื่อนเยอะ เราอยากมีแค่งานเล็กๆ พอให้ผู้ใหญ่และเพื่อนสนิทรับรู้ เราไม่จัดงานแต่ง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เปิดกว้างมาก หลังจากนั้นสองเดือนก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษเลย ตอนคบกันช่วงนั้นราบรื่นดีเหมือนเคย มีครั้งหนึ่งที่พี่ปาล์มตัดสินใจบินเดี่ยวไปอังกฤษครั้งแรกในชีวิต จึงได้เจอกันบ้าง อีกอย่างหนึ่งเพราะเรามีประสบการณ์จากการคบกันตอนที่ปองไปอิตาลีแล้ว”

ปาล์มเล่าย้อนหลังถึงช่วงที่ต้องอยู่ไกลกันว่า “เราเห็นคู่อื่นๆ มีปัญหากัน เพื่อแฟนไปอยู่ต่างประเทศแล้วเลิกรากัน แต่เหตุการณ์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับคู่ของเรา เราไม่เคยมีปัญหาจนถึงขั้นต้องเลิกรา ผมรู้สึกว่าเราโชคดีที่ใส่ใจกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การพูดจากันดีๆ เติมเต็มด้วยการบอกรัก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมและปองมาก เราจึงหมั่นเติมเต็มความรักให้แก่กันเสมอ เลยรู้สึกว่าไม่มีอะไรขาดหายหรือขาดตกบกพร่อง”

ปาล์ม-นิติภูมิ ภู่กฤษณา & ปิงปอง-กชกร คุณาลังการ

เมื่อถามถึงวิธีบริหารจัดการรักระยะไกล เพื่อส่งต่อประสบการณ์ให้ผู้อ่านที่อาจอยู่ในความสัมพันธ์ลักษณะเดียวกันนี้ได้นำไปปรับใช้ ปิงปองเล่าว่า “เราใช้แอพพลิเคชั่นที่ดูได้ว่าแต่ละคนเดินทางไปที่ไหน กลับถึงบ้านหรือยัง ปองลองใช้แอพฯ นี้ตั้งแต่ตอนอยู่เมืองไทยเพราะเดินทางคนเดียวบ่อย เคยขับรถไปหาเพื่อนที่พัทยาแล้วโดนเจาะยางรถยนต์ เราใช้แอพฯ นี้เพื่อจะได้รู้ว่าตอนนี้เราและเขาอยู่ที่ไหน ซึ่งใช้ได้ดีกับคู่เราตอนที่ปองอยู่ต่างประเทศ เพราะตั้งแจ้งเตือนได้ว่ากลับถึงบ้านแล้ว ช่วยให้เขาไม่เป็นห่วงมากนัก และยิ่งสร้างความไว้ใจกันยิ่งขึ้นเพราะเราไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังกัน วิธีนี้สะดวกสำหรับความสัมพันธ์ระยะไกลในเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจ ปองบอกกับเพื่อนเสมอว่าความสัมพันธ์แบบนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าเราคิดว่าจะร่วมชีวิตกับคนคนนี้จริงๆ มันไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก ปองมองว่าความไว้เนื้อเชื่อใจสำคัญมาก เขาทำงานร้องเพลง พอเลิกงานแล้วตรงกลับบ้านเลย หรือมีคนมาขอไลน์เขาก็เล่าให้เราฟัง ฉะนั้นถ้าเราไม่มีอะไรปิดบังกันเราก็คบกันด้วยความสบายใจ”

แต่งเติมท่วงทำนองรัก

เมื่อถามถึงบางปัญหาของความรักในวันที่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ฝ่ายภรรยาคนสวยบอกว่าไม่มีปัญหาใหญ่โต มีเพียงลักษณะนิสัยบางอย่างที่ต้องปรับ “อาจเพราะพี่ปาล์มเรียนโรงเรียนชายล้วนมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาเป็นผู้ชายที่ห่ามมาก (หัวเราะ) ส่วนปองเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายมาก ช่วงแรกที่คบกันมีบ้างที่รู้สึกว่าทำไมเขาพูดไม่รักษาน้ำใจกันเลย ไม่เข้าใจการใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่บางครั้งการถกเถียงหรือทะเลาะกันก็เนื่องจากนิสัยบางอย่างของปองเองด้วย พอเราเริ่มมาอยู่ด้วยกัน ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของเขามากขึ้น ก็พยายามช่วยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตเขาให้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งวิธีปรับตัวคือเรียนรู้การหลับหูหลับตาบ้าง (หัวเราะ) หรือเวลาที่เขาต้องไปงานอีเว้นท์ก็คอยถาม เพราะบางทีเขาจำงานสลับกัน ล่าสุดพี่ปาล์มให้ปองเข้ากรุ๊ปเรื่องงานแล้ว ปองก็จดตารางงานลงสมุดไว้คอยเตือนเขา”

เมื่อหันมาทางฝ่ายชายเพื่อฟังคำตอบของคำถามเดียวกัน เขาเล่าว่า “ผมเองก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน เพราะในแต่ละวันเราไม่ค่อยได้คิดอะไรมาก อยู่กับเพื่อนผู้ชาย พูดอะไรทำอะไรก็ห่ามๆ เมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกัน ก่อนพูดหรือทำอะไรก็ไตร่ตรองมากขึ้น บอกตัวเองตลอดว่าเราพูดแบบนี้ไม่ได้นะเพราะมันทำร้ายจิตใจเขา ขนาดผมคิดก่อนพูดแล้วนะ เมื่อคืนยังทะเลาะกันเรื่องนี้อยู่เลย (หัวเราะ) ถึงจะเป็นเรื่องเดิมแต่ก็ดีขึ้นเพราะเราคิดก่อนพูดมากขึ้น ที่สำคัญคือเขาเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ผมไม่มี ทำให้ชีวิตเรามีระเบียบขึ้นและเขาก็ยังไม่เบื่อที่ต้องดูแลเรา”

ส่วนเรื่องการเติมเต็มความหวานให้ชีวิตคู่ ทั้งเขาและเธอตอบเหมือนกันว่าภาษารักของทั้งคู่นั้นตรงกันอย่างลงตัว ปาล์มบอกทันทีว่า “เห็นภายนอกผมเป็นแบบนี้แต่ที่จริงเป็นคนขี้อ้อนนะ ผมรู้สึกว่าภาษากายของเราทั้งคู่เข้ากันอย่างลงตัว คือเราชอบเหมือนกัน ชอบจับมือ ชอบกอดกัน ชอบแสดงความรักแบบใกล้ชิดกันตลอดเวลา บางทีอยู่ด้วยกันสองคนก็บอก ‘I love you.’ คือขอแค่ได้พูดเพราะไม่ชอบให้อยู่กันแบบเงียบๆ ปองชอบให้ผมบอกรัก ผมเองก็เช่นกัน จึงช่วยให้ความรักของเรายังคงเบ่งบานอยู่ตลอดแม้แต่ในตอนที่เราต้องอยู่ไกลกัน ผมคิดว่าภาษารักของเราสองคนเหมือนกันซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการสื่อสารในเรื่องความรักนั้นบางคนไม่ชอบให้แตะตัวทั้งๆ ที่ผู้ชายอาจจะชอบ บางคนไม่ชอบให้บอกรักตลอดแต่อีกฝ่ายหนึ่งชอบ แต่คู่เรามีภาษารักที่ตรงกันพอดี ผมมองว่านี่คือโชคดีและเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คลิกกันที่สุด”

ปิงปองยิ้มเขินก่อนเล่าว่า “ปองคิดว่าเราเป็นคู่ที่บอกรักกันบ่อยจนเคยถามกันว่า ‘เธอคิดว่าเราพูดคำว่ารักฟุ่มเฟือยเกินไปไหม’ ส่วนใหญ่คู่เราใช้ภาษากาย เช่น ชอบจับมือไม่ว่าจะไปที่ไหน อย่างขับรถก็จับมือกัน เหมือนกับว่าถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องสัมผัสกัน ก่อนไปทำงานก็บอกรักกัน ปองมองว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ช่วยหล่อเลี้ยงให้หัวใจชุ่มชื้น เพราะบางวันเขาไปทำงานทั้งวันก็ไม่ได้คุยกันเลย กว่าพี่ปาล์มจะกลับบ้านก็ตี 1 ตี 2 อีกอย่างคือเรายังไม่รำคาญกัน ชอบแสดงความรักกันแบบนี้ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเงียบเกินสิบนาที รู้เลยว่าทะเลาะกันอยู่แน่นอน รู้เลยว่าใครคนใดคนหนึ่งกำลังอารมณ์ไม่ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นปอง เขาก็คอยถามว่า ‘เธอเป็นอะไรหรือเปล่า’

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเผยถึงส่วนสำคัญที่ช่วยเติมเต็มความรักคือ “ครอบครัว” หนุ่มปาล์มบอกว่า “สำหรับความรักของเรา ผมมองว่า ครอบครัวทั้งสองฝ่ายมีส่วนสำคัญมาก เพราะผมมีโอกาสรู้จักคนในครอบครัวของปองก็รู้สึกเลยว่าโชคดีมาก ทุกคนน่ารักมาก อาจด้วยความที่ทุกคนมีความเป็นศิลปินเหมือนกัน คุณพ่อคุณแม่ปองเป็นดีไซเนอร์ ชอบฟังเพลง พี่ชายเขาก็เล่นดนตรี ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจในเรื่องอาชีพการงานและชีวิตความเป็นอยู่ของผม เข้าใจความรู้สึกของศิลปิน ผมมองว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ท่านเปิดกว้างทุกอย่าง สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องจริงๆ คุณพ่อคุณแม่ของปองน่ารักมาก” ปิงปองกล่าวเสริมว่า “คุณพ่อของปองบอกว่าทุกอาชีพมีคุณค่าเท่ากันหมด แค่คุณขยันและเป็นคนดี อาชีพไม่ใช่ตัวชี้วัด ปองคิดว่าองค์ประกอบความรักของคู่เราไม่ใช่แค่เราสองคนที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน แต่ครอบครัวของเราก็ช่วยเติมเต็มในส่วนนี้ด้วยเหมือนกัน”

บทเพลงรัก “จะไม่มีวันเปลี่ยน”

เมื่อให้ทั้งคู่บอกความในใจ สามีให้เกียรติภรรยาบอกความรู้สึกที่อยากบอกกันในวันนี้ก่อน ขอให้คุณผู้อ่านร่วมเป็นสักขีพยาน “เราสองคนเวลามีปัญหาก็เปิดใจพูดจากัน ปองพูดอยู่เสมอว่าถึงแม้เราจะทะเลาะกัน แต่ปองก็รักพี่ปาล์มมากจนเรารู้สึกว่าข้อเสียของเขาไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับชีวิตครอบครัวของเรา เขาเป็นคนดี ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แค่นี้ปองก็รู้สึกโชคดีมากๆ ที่ได้ใช้ชีวิตกับผู้ชายคนนี้ ปองสบายใจที่ได้อยู่กับคนคนนี้ มีบ้างที่คนอื่นมองว่าเขาธรรมดาเกินไป แต่สำหรับเรานั้นพี่ปาล์มคือคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เขาเป็นผู้ชายคนแรกและคนเดียวที่ปองพาไปเจอครอบครัว คุณพ่อไม่มีข้อสงสัยอะไรในตัวพี่ปาล์มเลย ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าพี่ปาล์มคือคนที่ใช่สำหรับเราจริงๆ แบบเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ปองบอกเขาเสมอว่า ถ้าไม่รักกันแล้วให้บอกเพราะปองรับได้มากกว่าการไปมีคนอื่น ขออย่างเดียวคืออย่าโกหก ขอให้พูดตรงๆ ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเราจะก้าวข้ามไปได้หรือไม่ค่อยว่ากัน”

ปาล์มมองภรรยาด้วยแววตาเป็นประกายก่อนเอ่ยว่า “ปองเป็นคนอ่อนไหวง่ายมาก ผมเป็นห่วงแต่ทำได้แค่ให้กำลังใจ มีบางครั้งที่เขาน้อยใจตัวเอง ผมไม่อยากให้เขาคิดมากเพราะทุกคนรักเขา ผมโชคดีมากที่มีปองเข้ามาในชีวิตและใช้ชีวิตร่วมกัน ด้วยบทบาทหน้าที่ของเราที่เป็นนักร้องนักดนตรีทำให้ต้องพบปะผู้คนมากมาย ถ้าเราเริ่มมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นเราก็รู้สึกผิดต่อปองแล้ว เพราะฉะนั้นผมจะไม่มีทางเริ่มต้นความสัมพันธ์กับหญิงอื่นหรือตัดสัมพันธ์ของเราลง เพราะผมคิดว่าไม่สามารถหาผู้หญิงที่ดีแบบปองได้อีกแล้ว” ปาล์มพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอ แล้วการสัมภาษณ์ก็จบลงเพียงเท่านี้ แต่บทเพลงรักของเขาและเธอยังคงบรรเลงต่อไป


" ปองชอบให้ผมบอกรัก ผมเองก็เช่นกัน จึงช่วยให้ความรักของเรายังคงเบ่งบานอยู่ตลอดแม้แต่ในตอนที่เราต้องอยู่ไกลกัน ผมคิดว่าภาษารักของเราสองคนเหมือนกันซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ "

— ปาล์ม-นิติภูมิ ภู่กฤษณา