Start it over again      กลับมารักครั้งนี้ให้ดีกว่าเดิม                        นิว ชัยพล & เมษา กิตติมา

เมื่อรักเราเข้ากันไม่ได้ การเลิกราและแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเองจึงเป็นคำตอบ ชีวิตที่ค่อยๆ เติบโต ผนวกกับการกลับมาบรรจบกันในวันที่รับมือสถาณการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น ก่อเกิดรักที่มีความสุขในทุกวัน นักแสดงหนุ่มหล่อ ‘นิว’ ชัยพล จูเลียน พูพาร์ต และ ‘เมษา’  กิตติมา วงศ์สวัสดิ์ สาวหมวยนอกวงการ ทั้งคู่บอกว่าการเลิกราก่อนหน้านี้เป็นการตัดสินใจที่มีทั้งผิดและถูก

เพื่อนสนิท (ใจ)

                จากคนแปลกหน้าได้กลายมาเป็นคนรู้จักผ่านการแนะนำของเพื่อนสนิท เมื่อหนุ่มนิวได้ไปทำงานที่อเมริกาและต้องการอยู่เที่ยวที่นี่อีกสักระยะ เพื่อนของเขาจึงแนะนำให้เมษา ซึ่งตอนนั้นกำลังเรียนอยู่ที่นั่นให้เป็นไกด์แทน นิวเล่าว่า “มีปีนึงรายการ Nine entertain ให้ผมไปงานประกาศผลรางวัลออสการ์ที่ลอสแอนเจลิส จากนั้นก็ให้ไปเที่ยวซานฟรานซิสโกต่อ ผมเลยติดต่อเพื่อนเขาให้พาเที่ยวเพราะไม่เคยไป แต่วันที่ผมว่างจะไปเที่ยว เพื่อนดันไปเรียนพอดี เขาเลยไหว้วานเมษาให้พาผมเที่ยวแทน เราเลยได้รู้จักและสนิทกันมากขึ้น ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนกันเพราะต่างคนต่างมีแฟนและไม่ได้คิดอะไร” เมื่อกลับจากอเมริกาทั้งสองก็ติดต่อกันในฐานะเพื่อนอยู่เรื่อยมา กระทั่งต่างคนรู้ใจตัวเองและค่อยๆ ลองคบหากัน

               “คบกันแล้วยิ่งทำให้รู้ว่าเราเข้ากันดีมาก เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อน มีอะไรก็เล่าสู่กันฟังตลอด ก่อนเป็นแฟนกันเราก็กลัวว่าถ้าคบกันแล้วไม่เวิร์ค จะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้ไหม เราไม่อยากเสียความรู้สึกตรงนั้นไปเพราะเราสนิทกันมาก แต่พอมาคบกันแล้วก็เป็นเพื่อน เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากกับการค่อยๆ ขยับสถานะมาเป็นแฟน” นิวเล่าก่อนจะบอกต่อว่า สิ่งที่ทำให้เขาชอบสาวเมษานั้นเป็นเพราะความสบายใจ มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันและเป็นตัวของตัวเอง

               แม้การใช้ชีวิตคู่ดูจะราบรื่น แต่ปัญหาในความสัมพันธ์กลับเป็นเรื่องรักระยะไกล ประกอบกับการเติบโตทางความคิดในช่วงวัยนั้นด้วย

               เมษาเผยว่า “ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหาอะไร นอกจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นความผิดเราเอง เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต พอเรียนปริญญาตรีเสร็จก็กลับมาทำงานที่เมืองไทย แล้วก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ เราแยกย้ายกันไปหนึ่งปี เป็นความสัมพันธ์แบบ long distance เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง มีอิสระมากขึ้น ส่วนพี่นิวก็โตขึ้น มีมุมมองบางอย่างที่เปลี่ยนไป พอเรากลับมาจากอังกฤษ กลายเป็นว่าหมดอิสรภาพ ถูกส่งไปทำธุรกิจของครอบครัวที่ประเทศจีนคนเดียว ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ความฝันเราแต่เป็นความรับผิดชอบ ทั้งๆ ที่เราเป็นคน extrovert ต้องการเจอผู้คน ทุกอย่างไม่มีความสุข ตอนนั้นเราบอกกับเขาตลอดนะว่ายังอยากมีเขาในอนาคต แต่ปัจจุบันอยู่ด้วยกันแล้วเราไม่มีความสุข เราเลยขอเขาแยกย้าย เหมือนช่วงนั้นเรากดดันหลายเรื่อง เขาก็พยายามช่วยประคับประคองไว้แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แบบที่เราต้องการ ถ้าอยู่แล้วไม่มีความสุขก็ไม่อยู่ดีกว่า”   

 

ถึงเวลามูฟออน

          เมื่อความรักถึงจุดเลิกรา นักแสดงหนุ่มเลือกใช้วิธีการตัดสัมพันธ์ “พอเวลาผ่านไปปุ๊ปก็ตัดเลย เราบล็อกทุกอย่าง ไลน์ อินสตาแกรม ไม่ได้คุยกันเลยเกือบสองปี เพราะผมยังทำใจไม่ได้ ไม่อยากติดต่อ ถ้ายังติดต่อกันอยู่ก็มูฟออนไม่ได้สักที” 

          สาวหมวยดีกรีนักเรียนนอกเล่าว่า “เวลาผ่านไปสองปี ครอบครัวเราทำธุรกิจคาราบาวแดง ฝ่ายการตลาดเขามีแคมเปญทำเกมโชว์ที่เป็นโปรโมชั่นให้ผู้บริโภค เราก็ไปติดต่อบริษัทนึง เขาเสนอดารานักแสดงหลายคนเพื่อมาเป็นพิธีกร แต่เขาเชียร์พี่นิวโดยไม่รู้มาก่อนว่าเราเคยคบกัน แต่เงื่อนไขของบริษัทเรา ข้อแรกเป็นนิวเจนเนอรเรชั่น แล้วเราก็เป็นทายาทด้วย สองเคยทำงานพิธีกร เขาอยากให้มีคนที่ทำงานกับคาราบาว เราร่วมงานได้แต่ไม่แน่ใจว่าพี่นิวจะสะดวกไหม เพราะเขาบล็อกเราไป ถ้าพี่นิวไม่ร่วมงานด้วย ยังไงเราก็ต้องทำ สุดท้ายเขาตอบรับงานนี้

         “ตอนทำรายการด้วยกันครั้งแรกเขาไม่คุยกับเราเลย เหมือนเราเป็นอากาศ คุยกันเฉพาะตอนทำงานหน้ากล้อง แต่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่กลับมาเจอหน้ากัน ตอนนั้นเขายังบล็อกเราอยู่นะ แต่เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับครอบครัวและเพื่อนเรา จนร่วมงานกันไปสามเดือนก็เริ่มคุยกันได้บ้าง” 

 

Chapter 2 ของความรัก

           หลายอย่างในชีวิตอาจเกิดขึ้นเพราะจังหวะที่ประจวบเหมาะ ดังเช่นทั้งสองซึ่งกลับมาพบหน้าในวันที่มองความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาและเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต นิวเล่าด้วยเสียงจริงจังว่า “ผมก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาคบกันได้ แต่สุดท้ายด้วยประสบการณ์ชีวิต รวมถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม การที่เราโตขึ้นกลับทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นและไม่ทำพลาดในสิ่งที่เราเคยทะเลาะกัน ยอมรับว่าอะไรที่เกิดขึ้นแล้วมันปรับตัวกันได้ง่ายขึ้น พูดตรงๆ ว่ากลับมารอบนี้ทุกอย่างดีกว่าเดิมเรื่อยๆ การที่เรารู้ข้อเสียของกันและกัน ทำให้ไม่ทะเลาะกันแบบเดิม กลับมาครั้งนี้เรามีความสุขในทุกๆ วัน แทบไม่ได้ทะเลาะกันเลย”

           เมษาเห็นคล้ายกันว่า เราสองคนคุยกันว่าการกลับมาคบกันครั้งนี้ดีกว่าครั้งที่ผ่านมา การเลิกกันตอนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ผิด แต่มีส่วนที่ถูกอยู่แม้ว่าความเสียใจอาจทำให้ชีวิตเป๋ไปบ้าง แต่ทำให้ต่างคนต่างแยกไปมีชีวิตที่เติบโตแล้วกลับมาเจอกัน ช่วยให้เราเมื่อย้อนมองอดีตแล้วเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น พอกลับมาคบกันใหม่นิสัยพวกนั้นก็ไม่เกิดขึ้นแล้ว เพราะกลายเป็นบทเรียนจากการเรียนรู้ของเราทั้งสองคน”

 

 

วงกลมสามวง

            นอกจากการดูแลกายและใจให้ดีในทุกวันแล้ว ยังมีความประทับใจมากมายตลอดระยะเวลาที่คบกันมา นิวเล่าว่า “มีเรื่องเล็กๆ แต่สำคัญสำหรับผม ผมไม่ชอบคนจิก วุ่นวาย พูดแล้วเข้าใจรู้เรื่อง เชื่อใจกันแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง ผมพูดตลอดว่าเรามีวงกลมสามวง วงนึงของผม วงนึงของเขา และวงตรงกลางคือของเรา เราต้องมีเวลาส่วนตัวด้วย แล้วเขาเป็นคนที่เข้าใจเราและเชื่อใจกัน แต่ต้องไม่โกหก ผมว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตคู่นะ”

           ส่วนเมษาก็เห็นด้วยว่า “เราประทับใจเรื่องความรักกับการดูแลใส่ใจของเขา เขานึกถึงเราเสมอ เช่น พี่นิวเป็นคนชอบกิน สมมติไปกินข้าวเขาก็จะเสียสละส่วนที่ดีที่สุดให้เรา เช่น มีแก้มปลาสองชิ้นเล็กๆ เขาก็ให้เรากิน มีบ้างที่เราไม่ได้ชอบกิน แต่เขาอยากให้เราได้กินในสิ่งที่ดีที่สุด เขาเสียสละให้เรามากกว่าให้ตัวเอง รักเรามากกว่าตัวเอง อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องความรักที่เขามีให้ เขาไม่ได้รักแค่เรา แต่ดูแลไปยังครอบครัวเรา เรารู้สึกประทับใจตรงนี้” ลึกลงไปในบทสนาของทั้งคู่ เราก็พลันคิดว่าความหวังดีและการเสียสละนั้นเป็นฟันเฟืองที่คอยขับเคลื่อนความรักไปข้างหน้าไม่มีวันสิ้นสุด

 

 

สุขในทุกข์

           ประสบการณ์ความรักไม่ว่าดีหรือร้ายล้วนกลายเป็นเกราะป้องกันความเจ็บปวด ความเสียใจและการยอมรับความผิดพลาด จนนำมาเป็นเครื่องเตือนใจและหลักคิดในชีวิตคู่ ว่าที่เจ้าบ่าวพูดถึงความเห็นนี้ “เราเคยดียังไงตั้งแต่แรกก็ต้องดีอย่างนั้น เสมอต้นเสมอปลาย ผมเชื่อว่าถ้าจะหาใครสักคน เราควรคงความเป็นตัวเอง ไม่ควรเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเกินไปจนไม่เป็นตัวเรา เพราะท้ายสุดเราก็ต้องมีความสุขในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ด้วย มีความสุขกับเขาและมีความสุขกับชีวิตคู่ ความสัมพันธ์คือความสบายใจและเชื่อใจ แต่ไม่ใช่ว่าเชื่อใจจนอีกฝ่ายหนึ่งสามารถโกหกได้ เราต้องทำทั้งสองอย่างไปด้วยกันให้ดีที่สุดด้วย ผมคิดว่านี่คือหลักง่ายๆ ถ้าทำได้ชีวิตคู่ก็มีความสุขที่สุด รวมถึงผมชอบประโยคที่พี่ฮิวโก้เคยพูดว่า ‘การที่ผู้ชายคนนึงจะรักผู้หญิงคนเดียว มันไม่ใช่สิ่งพิเศษ ไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมเพราะมันเป็นเรื่องปกติที่เราควรจะรักใครแค่คนเดียวอยู่แล้ว’”

            ส่วนว่าที่เจ้าสาวก็นิ่งคิดก่อนตอบว่า “หนูเชื่อเหมือนพี่นิวว่าความรักที่ดีต้องคงความเป็นตัวของตัวเองไว้ได้ ถ้าเกิดไปคบกับใครแล้วต้องปรับเยอะ สุดท้ายก็ไปไม่รอดอยู่ดีเพราะมันไม่ใช่ตัวตนของเรา และถ้าเราจะอยู่กับใครได้นาน ไม่ใช่เรามองแต่เรื่องความรัก ข้อดีของกันและกัน หรืออยู่เพราะสิ่งดีๆ แต่ต้องยอมรับข้อเสียของเขาให้ได้ด้วย นอกจากนั้นถ้าจะแต่งงานก็ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุข ต้องดีทั้งเวลาทุกข์และสุขด้วย ถ้าตอนที่ต่างคนต่างไม่ดี ให้มองว่ามีความรักอยู่ในตอนที่เราทุกข์ไหม เวลาทะเลาะกัน เราบอกพี่นิวว่ามันทำให้เรารักกันมากขึ้น”