ทุกคนล้วนต้องการพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน
ไม่ใช่เฉพาะการใช้ชีวิตหรือการทำงานเท่านั้น
การเป็นคนรักที่ดีก็ต้องพัฒนาเช่นกัน

ฮักมีโอกาสได้ร่วมงานกับ ‘มิว’ ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์
ผู้ยึดหลัก “Better version of myself” ในการใช้ชีวิต
เขาเชื่อว่าไม่ใช่แค่การทำวันนี้ให้ดีที่สุด
แต่ต้องพยายามทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานอยู่เสมอ


Love and Life

นิยามรักของ ‘มิว’ ศุภศิษฏ์

          ฮักขอถามประเด็นความรักกับหนุ่มมิวเป็นเรื่องแรก เพราะอยากรู้มุมมองรักของเขาคนนี้เป็นพิเศษ

          “สำหรับผมความรักคือการให้โดยไม่คาดหวัง ผมชอบ give and give มากกว่า take and give ผมได้เรียนรู้เรื่องนี้จากสุนัขของผมคือช็อปเปอร์ ต้องเล่าก่อนว่าผมเป็นคนที่จัดระบบระเบียบทางความคิดค่อนข้างมาก ส่งผลให้ตอนเรียนการแสดง ผมไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ช็อปเปอร์ช่วยปลดล็อคเรื่องนี้ให้เรา การกระทำของเขาชัดเจนทั้งที่พูดไม่ได้ ช็อปเปอร์รอผมกลับบ้านทุกวัน ตื่นเช้าก็เห็นเขามานั่งเฝ้า ก่อนเข้านอนก็มารอส่ง เรารับรู้ได้ถึงความรักที่ช็อปเปอร์มอบให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เราจึงค่อนข้างเข้าใจความรักในมุมนี้คือรู้จักการเป็นผู้ให้ด้วยความรัก

          “สำหรับผมสิ่งสำคัญที่สุดของความรักคือ ‘ความรู้สึก’ บางครั้งคนที่พร้อมอาจยังไม่ใช่ ส่วนคนที่ใช่ถ้ามาในเวลาที่ไม่เหมาะสมก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน การจะมีความรักได้นั้นต้องประกอบด้วยความรู้สึก เวลาที่เหมาะสม และอาจจะรวมถึงเรื่องดวงด้วย (หัวเราะ) โดยปกติผมไม่เช็คดวงความรัก ส่วนใหญ่ดูแต่เรื่องการทำงาน เรียกได้ว่าค่อนข้างงมงาย (หัวเราะ) ส่วนตัวเชื่อว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เพราะชีวิตล้วนมีทั้งเรื่องที่ควบคุมได้และไม่ได้ ฟังคำแนะนำไว้บ้างก็ไม่เสียหาย จริงไหมครับ”

เปิดใจเพื่อเข้าใจซึ่งกันและกัน

          ถามเรื่องรักแล้วคงต้องถามต่อแล้วว่า เมื่อเจอคนที่โดนใจ หนุ่มมิวมีวิธีจีบอย่างไร

          “ก่อนอื่นก็ต้องดูว่าคนคนนั้นชอบอะไร เพราะแต่ละคนมีความแตกต่าง มีประสบการณ์ต่างกัน ต้องใช้เวลาในการรู้จักเรียนรู้ซึ่งกันและกัน วิธีจีบของเราคือค่อยๆ สังเกตว่าเขาชอบอะไรมากกว่า แต่ถ้าพูดถึงสเปค ผมชอบคนที่ดูน่ารัก แต่งตัวเก่ง พร้อมจะเข้าใจกันและอยู่เคียงข้างกันเสมอ

          “ผมพร้อมเปิดเรื่องความรักเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม แค่คิดว่าไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนและเรารู้ได้ด้วยตัวเอง คนอื่นๆ อาจคิดกันไปต่างๆ นานา แต่เขาไม่มีทางรู้เลยว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างคนสองคน เพราะต่างคนต่างผ่านประสบการณ์ชีวิตและความรักที่ไม่เหมือนกัน ทั้งยังมีเรื่องในอนาคตและอีกหลายองค์ประกอบ ในเรื่องความรักความสัมพันธ์ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับเวลาที่ใช่กับคนที่ใช่เท่านั้นเอง”

          จริงอย่างที่หนุ่มมิวบอก เพราะเราทุกคนล้วนแตกต่าง การเปิดใจทำความเข้าใจซึ่งกันและกันนับเป็นสิ่งสำคัญ

สิ่งสำคัญของความรัก

          Mewlions และหวานใจคงอยากรู้ว่ามิวมีวิธีแสดงความรักยังไงบ้าง “หลายคนบอกว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ผมคิดว่าเราสามารถทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปได้ ผมจึงเป็นคนที่ชอบแสดงออกทางความรักด้วยการกระทำและบอกรัก”

          เมื่อถามมิวว่าข้อห้ามร้ายแรงในความสัมพันธ์คืออะไร เขาตอบชัดเจนในทันทีว่า “การโกหกสิครับ เพราะเป็นเครื่องทำลายความเชื่อใจทั้งหมดที่มี คนรักที่ดีในมุมมองของผมต้องมีความจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่โกหกกัน พร้อมเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ต้องเติบโตไปด้วยกันก็ได้ เพียงแค่รู้ว่ามีอีกคนคอยเป็นกำลังใจให้ก็พอ ผมเข้าใจว่าแต่ละคนเดินเร็วช้าต่างกัน คนรักกันไม่จำเป็นต้องเดินเคียงข้างกันหรือก้าวไปพร้อมกันตลอด อาจมีบางช่วงที่บางคนเดินนำ อีกคนเดินตามก็ได้เช่นกัน”

สมดุลชีวิตกับความรัก

          อยากรู้แล้วสิว่าตัวตนของมิวเป็นแบบไหน ชีวิตทุกวันนี้สมดุลดีไหม โหมงานหนักเกินไปหรือเปล่า “ผมเป็นคนทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ชอบความท้าทาย เป็นคนจริงจัง ชอบการเรียนรู้ ไม่ชอบการหยุดนิ่ง อยากพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ สิ่งสำคัญในวันนี้คือการทำงาน แล้วก็รักตัวเอง รักครอบครัว และรักแฟนๆ เพราะคือกำลังใจสำคัญ เราจึงตั้งใจทำงานมากขึ้น ผลิตผลงานใหม่ๆ ออกมาเพื่อตอบแทนพวกเขาที่มอบความรักให้เรา

          “ชีวิตตอนนี้สมดุลดี แต่ก็มีที่รู้สึกเหนื่อยแต่รู้ตัวก่อนเลยต้องพัก วันไหนที่รู้สึกหนักก็พยายามกลับบ้านเร็วหน่อยเพื่อพัก บางคนอาจจะมีพลังเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่การพักผ่อนของผมคือการอยู่เงียบๆ คนเดียว ดูหนัง ฟังเพลง หากเปรียบชีวิตช่วงนี้กับแนวเพลงคงเป็นเพลงร็อค แต่ถ้าเป็นเพลงผมนึกถึงเพลง ‘มันคงเป็นความรัก’ ของพี่แสตมป์ครับ”

Perfect คือทางตัน

          ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งค้นหาข้อมูลของผู้ชายคนนี้ ยิ่งได้รับรู้ว่าเขาทั้งเรียนดี กีฬาเด่น เล่นดนตรีได้ ร้องเพลงเพราะ เป็นศิลปินที่พ่วงตำแหน่ง CEO แบบนี้คงหนีไม่พ้นคำว่าเพอร์เฟ็กต์และแรงกดดันต่างๆ

          “สำหรับผมคำว่าเพอร์เฟ็กต์คือ ‘ทางตัน’ ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบคำนี้สักเท่าไหร่ ผมชอบ ‘การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด’ มากกว่า เราเป็น better version of myself ได้ เรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นได้ในทุกๆ วันย่อมไม่มีทางตัน ความเพอร์เฟ็กต์เปรียบได้กับน้ำเต็มแก้ว แต่การเรียนรู้ทุกวันเป็นการพัฒนาตัวเองให้เก่งกว่าเดิม ถ้าเราเป็นน้ำเต็มแก้ว แต่ยังคงใฝ่รู้ เราแค่เทน้ำที่มีใส่ภาชนะที่ใหญ่กว่าเดิม ก็จะสามารถเติมน้ำได้อีก ถ้าเต็มแล้วก็เปลี่ยนถ่ายใส่ภาชนะใบใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้าคุณไม่หยุดเรียนรู้ คุณสามารถเป็นอะไรก็ได้ในอนาคต แต่ถ้าคุณหยุดนิ่งหรือไม่ใฝ่หาความรู้ คุณก็จะหยุดอยู่กับที่”

อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับใคร

          เก่งรอบด้านแบบมิวยังเคยถูกเปรียบเทียบมานักต่อนัก “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วเขาก็ไม่สนว่าเรารู้สึกยังไง แต่สิ่งที่ผมพยายามทำทุกวันคือการเปรียบเทียบกับตัวเอง เป็นหลักเกณฑ์เดียวที่เราสามารถวัดได้ เพราะทุกคนล้วนแตกต่างกัน ทั้งการเลี้ยงดู บุคลิกนิสัย รวมถึงการเรียนรู้ แล้วเราจะเปรียบเทียบกันเพื่ออะไร ผมไม่เห็นความจำเป็นของการนำแต่ละคนมาเปรียบเทียบกัน กว่าจะถึงวันนี้ผมถูกเปรียบเทียบมาโดยตลอด และก็ยังไม่เข้าใจว่าผลลัพธ์ของการเปรียบเทียบนั้นคืออะไร ผมแค่ทำทุกอย่างเต็มที่ให้ดีกว่าเมื่อวาน ก่อนเข้าห้องสอบเราไม่รู้หรอกว่าผลสอบจะออกมาเป็นยังไง เพราะเราแข่งกับตัวเองคนเมื่อวาน ผมอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นจากที่เคยทำไว้ไปเรื่อยๆ และอยากก้าวไปข้างหน้าก็เท่านั้นเอง”

“เวลา” เยียวยาใจ

          แล้วมิวผ่านวันเศร้าๆ แบบนั้นมาได้อย่างไร “กว่าจะก้าวผ่านความเสียใจในช่วงที่เราถูกเปรียบเทียบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เวลาช่วยเยียวยาจิตใจให้ฟื้นตัวได้ ทั้งหมดเกิดจากปัจจัยภายนอก ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเรา การที่เราถูกเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นย่อมไม่มีใครได้รับผลดีจากการกระทำนั้นเลย จนเราคิดว่าอย่างน้อยสิ่งที่เราพอจะทำได้ในวันนี้คือ การปลูกฝังทัศนคติให้แก่คนที่พอจะเปิดใจรับฟังอย่างเข้าใจ ผมจึงพยายามพูดอยู่เสมอว่าเราควรเป็น better version of myself. ประเด็นเรื่องการเปรียบเทียบนั้นถ้าเป็นการสอบย่อมมีเกณฑ์การวัดผลที่ชัดเจน แต่ในโลกของชีวิตจริง การเปรียบเทียบและตัดสินใครนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เราจะเปรียบเทียบการใช้ชีวิตของแต่ละคนไปเพื่ออะไรในเมื่อจุดเริ่มนั้นแตกต่างกันตั้งแต่แรก”

Live and Learn

เด็กสายวิทย์ผู้หลงรักดนตรีและศิลปะ

           ฮักขอพาคุณย้อนสู่โลกของเด็กชายมิวเมื่อวันวาน เพื่อเรียนรู้มุมมองและวิธีคิดของศิลปินคนนี้ “ผมชอบทั้งศิลปะและการคำนวณมาตั้งแต่เด็ก รู้สึกว่าทำได้ทั้งสองอย่าง เหมือนตอนนี้ที่เรียนต่อปริญญาเอก ด้านวิศวะฯ แล้วก็เป็นนักแสดงและนักร้องด้วย ส่วนเรื่องกีฬาเริ่มจากตอนประถมที่หม่าม้าบังคับให้เล่นรักบี้ (หัวเราะ) จากนั้นก็เป็นนักวิ่งและว่ายน้ำ พอเข้ามัธยมก็เริ่มเล่นดนตรี อยู่วงโยธวาทิต จนกระทั่งจบ ม.6 ก็สอบเข้าวิศวะฯ ม.เกษตรฯ เรียนตามที่ครอบครัวต้องการ คุณพ่อคุณแม่มักทำข้อตกลงกับเรา เช่น ถ้าผลการเรียนดี หลังจากนั้นอยากทำตามความฝันก็ทำเลย คุณพ่อคุณแม่เปิดโอกาสให้เราได้ทำในสิ่งที่รัก ไม่เคยปิดกั้น และอยู่ในข้อตกลงที่เราให้ไว้ต่อกัน”

ต่อยอดคำสอนของครอบครัว

          “คำสอนของครอบครัวที่ผมนำมาปรับใช้คือเรื่องความพยายาม สิ่งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้คือเราควรพยายามทำสิ่งที่ใจรักและทำได้ดี เพราะการเรียนรู้นั้นมีหลายแบบ เราต้องหาวิธีการที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อช่วยย่นเวลาการเดินไปถึงฝั่งฝัน อีกประเด็นสำคัญคือเรารู้ว่ามีความสุขทั้งระหว่างทางและปลายทาง แม้เส้นทางนั้นจะมีหลายคนบอกว่า คุณเป็นคนที่ไม่ใช่ ยังเก่งไม่พอ ไม่เหมาะสม อายุเยอะเกินไป แต่สุดท้ายแล้วเราเลือกได้ว่าจะใส่ใจคำพูดเหล่านั้นไหม เพราะนั่นคือเครื่องบั่นทอนเส้นทางการเดินทางสู่ความฝันของคุณ ความพยายามย่อมลดน้อยถอยลง แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่ใส่ใจและยังคงพยายามทำตามความฝันอย่างตั้งใจจริง เชื่อว่าเส้นทางนั้นต้องมีความสุขมากแน่ๆ เมื่อถึงจุดหมายปลายทางคุณจะยิ่งภูมิใจในตัวเอง”

ความสุขรอบตัว สร้างสุขรอบใจ

          ปีที่ผ่านมาหนุ่มมิวผลิตผลงานเพลงอย่างต่อเนื่อง เพลง “Good Day” ที่เพิ่งปล่อยออกมาล่าสุดให้แฟนๆ ได้ติดตามนั้นมีจุดเริ่มอย่างไร

          “เพลงทั้งหมดมาจากประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของผม บางครั้งเป็นข้อความที่อยากบอก ณ ช่วงเวลานั้น ยกตัวอย่างเพลง ‘Good Day’ มีที่มาจากคำว่า ‘ช่างมันเถอะ’ เรามีวันที่รู้สึกดีแบบนี้ ก็ปล่อยวางปัญหาบางอย่างไว้ก่อน ผมต้องการสื่อสารว่าถ้าทุกคนมีวันที่ดีก็ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น ตอนนี้เรามีความสุขอยู่ ก็ปล่อยเรื่องไม่สบายใจอื่นๆ ไว้ก่อน”

          เมื่อเราถามว่า แล้ววันดีๆ ของมิวเป็นยังไง เขาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “วันที่รู้สึกดีก็นับเป็นวันดีๆ แล้ว ความสุขของผมในวันนี้คือการได้ทำงานในวงการบันเทิง ส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้เราสามารถหาได้รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น การได้ฟังเพลงที่ชอบ ได้กลิ่นที่ชอบ หรือวันนี้ท้องฟ้าสวยก็เป็นวันดีๆ ได้ ท้องฟ้าในวันฝนตกก็อาจสวยมากสำหรับเราในวันนั้น อยากให้ทุกคนลองหาสิ่งที่ชอบหรืออยู่กับปัจจุบันขณะ บางทีคุณอาจจะเห็นว่ามีสิ่งรอบตัวที่สวยงามอยู่มากมายที่ช่วยเพิ่มความสุขใจให้คุณ”

เมื่อความทุกข์เคาะประตูทักทาย

          เหรียญยังมีสองด้าน ชีวิตก็เช่นกัน ความสุขเปิดประตูเข้ามา ไม่เร็วก็ช้าความทุกข์อาจมาเยือน แล้วในวันที่มิวไม่สบายใจมีวิธีจัดการอย่างไร

          “ส่วนใหญ่ผมจะพูดคุยกับคนที่สนิทหรือจัดการความรู้สึกตัวเอง ลำดับแรกคือต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าเรื่องที่กำลังเครียดนั้นสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเองไหม เกิดจากปัจจัยภายในหรือภายนอก ถ้าเกิดจากตัวเองก็แก้ไขเลย ถ้าเกิดจากปัจจัยภายนอกก็แค่ปล่อยมันไป วิธีการช่างมันมีหลายแบบ เช่น สมมติว่าเรากินขนมที่ชอบแล้วอารมณ์ดีขึ้นก็กิน ฟังเพลงแล้วรู้สึกดีขึ้นก็ฟัง ดูซีรีส์แล้วรู้สึกดีขึ้นก็ดู ถ้าปัญหานั้นยังไม่เบาลงก็อาจการออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งช่วยให้รู้สึกดีขึ้น”

มองข้าม hate speech ทำร้ายใจ

          ทุกคนล้วนเคยมีบาดแผลในใจจากคำพูดของใครต่อใคร มิวผู้อยู่ในวงการบันเทิงก็เช่นกัน “ต้องดูก่อนว่าคำวิจารณ์เหล่านั้นติเพื่อก่อไหม หรือเป็นเพียง hate speech ถ้าเป็นอย่างหลังผมเลือกที่จะมองข้าม เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขามีเจตนาที่ไม่ดี มีอคติในใจ การจะทำให้เขามารักเราคงเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าวันหนึ่งเราสามารถทำให้เขารักเราได้ก็ถือเป็นเรื่องดีๆ ถ้ามัวแต่ใส่ใจ hate Speech ทั้งหมด หัวใจของเราคงจะรับไม่ไหว สู้เราใช้เวลาใส่ใจคนที่เขารักเราดีกว่า อย่างคนที่เขาตั้งใจตักเตือนด้วยความเป็นห่วง อยากเห็นเราเติบโตไปในทางที่ดี เลือกนำสิ่งเหล่านั้นมาพัฒนาตัวเองดีกว่า

          “ในชีวิตหนึ่งเราล้วนเคยถูกคนอื่นๆ ตัดสินอยู่เสมอ ทั้งที่บางครั้งเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนจริงๆ ของเราเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอเรื่องแบบนี้ คนที่พูดถึงคุณอาจจะไม่รู้จักคุณเลย แต่เขาสามารถบรรยายตัวตนของคุณได้ยังไง ผมอยากบอกว่าถ้าคุณเคยเจอเรื่องแบบนี้ คุณก็ไม่ควรทำแบบเดียวกันนี้กับคนอื่น ต้องเปิดใจยอมรับว่าบางทีสิ่งที่คุณได้ยินมาอาจไม่ใช่เรื่องจริง หรืออาจจะมีเรื่องจริงอยู่แค่ 20-30 เปอร์เซ็นต์ อยากให้คุณลองเปิดใจทำความรู้จักกันก่อนแล้วค่อยบอกว่าเราเป็นคนยังไง”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางมุมคิดจาก ‘มิว’ ศุภศิษฏ์
ราเชื่อว่าเขายังมีหลากหลายมุมในชีวิตให้คุณค้นหา
ฮักขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้มิวเป็น
“better version of myself”
ในบทบาทของศิลปิน ลูก คนรัก ฯลฯ
ที่ดียิ่งขึ้นในทุกวันได้จริงดั่งใจ
และเป็นที่รักของ Mewlions และหวานใจเรื่อยไป