INTRO
คุณคิดเหมือนกันไหม ไม่ว่าใครก็ไม่ควรถูกบูลลี่ (Bully) ถูกกลั่นแกล้งทางกาย วาจา และสังคม ทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์
ปัญหาการบูลลี่ไม่ได้แพร่กระจายอยู่เฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่เกิดขึ้นมานานเกือบทุกแห่งหนบนโลกใบนี้ ทั้งในโรงเรียน มหา’ลัย ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งสถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยที่สุดอย่างบ้าน
บางคนรับบทผู้ถูกกระทำมาตั้งแต่เด็กจนโต หรือบางคนอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนโตด้วยซ้ำ เหตุเพราะคำพูดหรือการกระทำไม่ดีจากคนรอบข้างนั้นทำร้ายจนกัดกร่อนใจในทุกๆ วันจนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง
ตัวอย่างของการแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านสื่อออนไลน์ ที่บางครั้งอาจกล่าวได้ว่าไร้การควบคุมสติให้หยุดยั้งคิด ก่อนลงมือพิมพ์และโพสต์ว่าร้าย ด่าทอ ดารา นักแสดง ผู้มีชื่อเสียง ที่ผลของการกระทำนั้นสะท้อนย้อนกลับให้เราได้เห็นและเรียนรู้
ยกตัวอย่างกรณี ‘แมท’ ภีรนีย์ ที่ถูกว่าร้ายจากคนในโลกโซเชียล โดยเธอใช้เวลารวบรวมข้อมูลจ่อดำเนินคดีบรรดานักเลงคีย์บอร์ดเพื่อบอกให้กลุ่มคนเหล่านั้นน้อมรับผลของการกระทำ สะท้อนให้เห็นว่า หลังแป้นคีย์บอร์ดใช่ว่าคุณจะถ่ายทอด Hate Speech ทำร้ายความรู้สึกใครต่อใครก็ได้ ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่ควรถูกซุกไว้ใต้พรมหรือเมินเฉยอีกต่อไป
หรือแม้กระทั่งกรณีของศิลปินไอดอลเกาหลีที่ถูก Cyber bully อย่างหนัก จนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น
แล้วเหตุใดทำไมสิ่งเหล่านี้ที่เรารู้ทั้งรู้ว่าเป็นเรื่องไม่พึงกระทำนั้นยังไม่หมดไปเสียที
ทำไมต้องมีคนที่ถูกทำร้ายด้วยคำพูด การกระทำ หรือตัวอักษรความหมายแย่ๆ เหล่านี้ ที่จนแล้วจนรอดเราก็ยากที่จะหลุดพ้นจากสังคมแห่งการบูลลี่ได้ หากพูดอย่างตลกร้ายก็คือ ตายแล้วเกิดใหม่อีกสักกี่รอบเรายังคงหนีไม่พ้นเรื่องการดูถูกถากถาง เหน็บแนม ว่าร้ายอยู่ร่ำไป
เหตุใดทำไมถึงคิดร้าย
คนที่มีความสมดุลทางอารมณ์และความคิด จะไม่ไปก่นด่าว่าร้ายใส่ใครต่อใครทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก คนที่มีปัญหา มีความเครียดด้านใดด้านหนึ่งต่างหากที่ต้องการระบายออก โดยมักเลือกคนที่ “แตกต่าง” จากตัวเอง เช่น สีผิว ความเชื่อ ศาสนา รสนิยมทางเพศ ฯลฯ ซึ่งมีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่คนเหล่านี้เลือกที่จะไปบูลลี่ชีวิตคนอื่นว่า
- อยากเป็นที่สนใจ เพราะในชีวิต “ด้านหนึ่ง” ของเขา เป็นมนุษย์ล่องหนที่ไม่มีตัวตน
- อิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมี และคิดว่าตัวเองควรได้รับสิ่งที่ดีกว่าคนคนนั้น
- ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าตัวเองเจ๋ง และรู้สึกมีอำนาจ โดยการกดคนอื่นให้ต่ำลง
- เกลียดตัวเอง ไม่ชอบในสิ่งที่ตัวเองเป็น และแก้ไขไม่ได้ จึงเลือกที่จะด่าคนอื่นในเรื่องเดียวกัน
- แก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ เลยต้องหนีปัญหาด้วยการมาทำลายคนอื่น
9 ข้อปรับ Mindset เมื่อเผชิญหน้าคนช่างบูลลี่
1.อย่าเอาคืนและตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง
2.อย่าเก็บคอมเมนต์หรือคำพูดแย่ๆ มาคิดมาก หรือสงสัยในความเชื่อ ความสามารถของเรา ถ้าสิ่งที่เราทำไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครขอให้ทำดีต่อไป
3.อย่าอ่านคอมเมนต์แย่ๆ นึกถึงสถานการณ์ หรือคำว่าร้ายนั้นซ้ำไปซ้ำมา เพราะมีแต่จะทำให้จิตใจหดหู่ลง
4.เข้าใจว่าต่างคนต่างความคิดและความเชื่อ แต่ละคนมีสิทธิ์เห็นต่างไปจากเราได้เหมือนกัน บางครั้งความเห็นที่เรารู้สึกว่าแย่อาจเป็นเพียงความคิดที่เห็นแตกต่างก็เป็นได้
5.รู้จักปล่อยวาง มองข้าม และเพิกเฉย บางครั้งการตอบโต้ที่ดีที่สุด คือ ความเงียบ และทำเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น ก็จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนได้เหมือนกัน
6.เข้าใจว่าคนเหล่านี้ต้องการให้เรารู้สึกแย่
7.ใช้กฎ 30 วิ คิดก่อนพูดหรือโพสต์ ทบทวนกับตัวเองเพื่อเรียกสติ
8.ห่างกันสักพักจากโลกโซเชียล ถ้าการคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ เหมือนติดกับดักทางความคิด ทำให้เราเครียดจนเกินไป ลองออกห่างจากโลกโซเชียลสักพัก เบี่ยงเบนความสนใจไปอ่านหนังสือ แช่น้ำอุ่น เล่นกีฬา ชมงานศิลป์ พบปะผู้คนใหม่ๆ อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น
9.พูดคุยกับคนที่มีความเชื่อ ความชอบที่คล้ายกัน เพื่อเติมพลังบวก และทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
สุดท้ายแล้วการจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ เราคงต้องเข้มแข็งให้มากพอ ยิ่งเติบโตยิ่งต้องมีเกราะปกป้องใจตนเอง ในความโชคร้ายย่อมมีเรื่องดีซ่อนอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองหาแง่งามนั้นเจอหรือเปล่า
โลกใบนี้มีคนหลากหลายประเภท หลายครั้งในชีวิตที่เราจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับคนที่เก่งเรื่องบูลลี่ ไม่ชอบหน้าเราตั้งแต่แรกเจอ หรือเกิดเหตุหมางใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฯลฯ
ขอให้คุณก้าวผ่านช่วงชีวิตที่ไม่น่าจดจำนั้นให้จงได้ เพราะหากนี่คือเกมชีวิต คุณต้องชนะให้ครบทุกด่านจนกว่าจะถึงด่านสุดท้าย ถ้าแพ้ก็รีสตาร์ทแล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ จริงมั้ย?
ขอขอบคุณข้อมูล:
https://droidsans.com/howto-handle-cyber-bullying/
https://www.billionmindset.com/bullying-in-school-around-the-world/