เราออกเดินทางในเช้าวันหยุดจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษก็ถึงจังหวัดระยอง ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตและหลากหลาย ทั้งทะเล ภูเขา น้ำตก แต่วันนี้เราพามายังสถานที่ยอดนิยมไม่แพ้ที่อื่นๆ คือ บรุคไซด์ วัลเลย์ รีสอร์ต” ดินแดนแห่งการผจญภัยที่โอบล้อมด้วยป่าไม้ ภูเขา และทะเลสาบ จุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้

     ภายในรีสอร์ตพื้นที่กว่า 500 ไร่ ถูกจัดสรรเป็นสัดส่วน เป็นที่พักและพื้นที่กิจกรรมผจญภัยอีก 9 โซนด้วยกัน เราเริ่มเดินจากแลนด์มาร์คจุดแรกขึ้นมาบนสะพานแขวนที่ทอดผ่านบึงน้ำ วิวทิวทัศน์ด้านบนคือกลุ่มบ้านพักหลายหลังที่เรียงรายอยู่ริมบึง บรรยากาศราวกับกำลังยืนอยู่ในเมืองริมทะเลสาบสักแห่งในยุโรป ตอนเราเดินไปมีแสงเฉียงพาดลงบนสะพานพอดี ว่าแล้วก็ไม่รอช้า รีบยกกล้องขึ้นมาชักภาพ เช็คอินเป็นที่ระลึกสักหน่อย

     เมื่อเดินข้ามสะพานมาอีกฝั่งหนึ่งก็เข้าสู่โซนสตรอว์เบอร์รี่ทาวน์ เมืองแห่งความสดใสขนาดใหญ่ที่สุดของรีสอร์ต ที่ออกแบบอย่างน่ารักคล้ายกับกำลังยืนอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว ทางเดินตรงกลางขนาบด้วยอาคารสีพาสเทล รูปทรงสไตล์ฮอลแลนด์เรียงรายสุดสายตา ภายในอาคารแต่ละหลังตกแต่งเป็นคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านค้า ชวนให้เดินแวะเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ แถมยังสามารถเปลี่ยนชุดเป็นชาวดัตช์ เดินถ่ายรูปตามจุดเก๋ๆ ที่ทางรีสอร์ตจัดเตรียมไว้ได้ด้วย เมื่อเดินทะลุออกมาเราพบลานกว้าง ด้านหนึ่งเป็นหมู่บ้านเนเธอร์แลนด์หลากสีสัน อีกด้านเป็นสวนดอกไม้สีสดที่ถูกจัดวางลดหลั่นไปตามเนินเขา เป็นจุดพักผ่อนชมวิวแบบพาโนราม่าได้ไม่รู้เบื่อ เราสองคนนั่งเล่นเพลิดเพลินกับบรรยากาศจนพระอาทิตย์ส่งสัญญาณเตรียมลาลับขอบฟ้า จำต้องเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน

     ที่พักของเราเป็นรถบ้านหรือแคมปิ้งคาร์ริมบึง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเหมือนกับห้องพักในโรงแรมทั่วไป สามารถพักได้ 4 คน มีเตียงสำหรับ 1 คน 2 เตียง และเตียงสำหรับ 2 คน อีก 1 เตียง อีกไฮไลต์ในช่วงเย็นที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คือกิจกรรมรอบเตาบาร์บีคิว ที่มีอาหารให้เลือกเป็นเซตตามความชื่นชอบของแต่ละคน เราทยอยสั่งบรรดาบาร์บีคิวมาปิ้งบนเตาทีละไม้ ระหว่างนั้นก็มีเสียงแซวที่ค่อยๆ ดังขึ้น เพราะลุ้นว่าบาร์บีคิวจะดิบหรือไหม้ นับเป็นความสนุกสนานอีกอย่างหนึ่ง แต่ไม่ต้องกังวลเพราะที่นี่มีพนักงานคอยให้บริการ ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฟืนไฟ เสร็จสรรพจากปาร์ตี้บาร์บีคิว หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน แสดงว่าถึงเวลาที่ร่างกายต้องพักผ่อนจริงๆ แล้ว ขอบอกว่าภายในรถบ้านนอนสบายมากๆ แทบไม่รู้สึกเลยว่านอนอยู่บนรถบ้าน เพราะเตียงแสนนุ่มกับผ้าห่มอบอุ่นเหมือนนอนอยู่ในโรงเเรมเลยทีเดียว

     เช้าวันใหม่ที่อากาศช่างสดใส เรารีบแหวกม่านชมบรรยากาศริมบึงยามเช้า พระอาทิตย์ทอแสงแดดอ่อนๆ ทักทาย หมอกจางๆ ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ มีฝูงห่านสีขาวนวลเล่นน้ำเหมือนกำลังเริงระบำอยู่บนเวทีให้เราได้ชม หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อเช้า เตรียมตัวออกผจญภัยกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่มีหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นปีนหน้าผาจำลอง โหนสลิงข้ามทะเลสาบ ปั่นจักรยานน้ำ ฯลฯ

     เราเดินไปยังโซนอเมซอนเทรล ที่ระหว่างทางได้ยินเสียงน้ำไหลจากลำธาร สองข้างทางมีต้นไม้สูงเขียวครึ้ม ลัดเลาะไปตามลำธารราวกับเข้าไปในป่าจริงๆ หันไปเจอฝูงแกะในโซนอังเคิลแซมฟาร์ม ทันใดนั้นเหมือนมีแรงดึงดูดที่เรียกว่าความน่ารักชวนเราให้แวะจุดนี้ก่อน เจ้าแกะสีขาวพากันยืนทำตาละห้อย ส่งเสียงออดอ้อนให้เดินเข้าไปหา และบรรดาแกะก็เดินเข้ามารับอาหารจากมือของเรา หลังจากตกหลุมรักฝูงแกะจนไปไหนไม่รอด กว่าจะรู้ตัวพระอาทิตย์ก็สาดแสงร้อนแรงเกินกว่าจะไปเล่นกิจกรรมกลางแจ้งเสียแล้ว เราจึงเดินกลับมานั่งชิลล์กันที่รถบ้าน ก่อนเก็บสัมภาระแล้วขับรถกลับกรุงเทพฯ ในช่วงบ่ายของวัน

 

     สองวันหนึ่งคืนที่มาพักผ่อนที่นี่ ภายในใจนั้นรับรู้ได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่แค่การได้มานอนเล่นในรีสอร์ตสวยๆ แต่เราได้ทำอะไรแปลกใหม่ ทดลองเป็นนักผจญภัยที่ไม่ต้องกำหนดแบบแผนมากนัก นับเป็นความสุขที่ได้รับจากการเดินทางท่องเที่ยว เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และสร้างความทรงจำในสถานที่ที่ชอบกับคนที่ใช่จริงๆ.

 

HUG MAGAZINE

คอลัมน์ ‘พาหัวใจไปเที่ยว’

โดย น้องฟาง