เธอทำให้ฉันยิ้มได้ : เป้ วงมายด์ & กร-ษิภูตา

เธอทำให้ฉันยิ้มได้ : เป้ วงมายด์ & กร-ษิภูตา

แค่ความรักและความผูกพันที่มอบให้ บวกความเข้าใจที่ช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน เขาและเธอจึงจับมือเคียงคู่กันก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

_____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

 

 

กินข้าวกระชับรัก

การพบกันของหนุ่มสาวคู่นี้อาจไม่ค่อยต่างกับคู่อื่น เริ่มจากสาวกรทำงานเป็นพิธีกรรายการหนึ่งที่หนุ่มเป้ไปสัมภาษณ์เพื่อโปรโมตเพลง แม้ทั้งสองจะไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ด้วยความชอบในการแต่งตัวแนวสตรีทและรองเท้าสนีกเกอร์ได้กลายเป็นจุดที่เชื่อมโยงทั้งคู่เข้าหากัน สาวกรยิ้มหวานก่อนเล่าว่า “พอจบรายการ ตอนนั้นจะมีโปรโมทคอนเสิร์ต พี่ทีมงานของรายการมาถามกรว่า มีบัตรคอนเสิร์ตสำหรับสื่อมวลชนไหมเพราะเขาจะทำข่าว เลยให้กรไปถามพี่เป้ว่าถ้าจะขอต้องติดต่อใคร ด้วยความที่ไม่รู้จักวง พี่เป้บอกว่าติดต่อที่เขาได้เลย เขาให้ทักไดเร็คเมสเซจในอินสตาแกรมมาเดี๋ยวบอกให้” หนุ่มเป้เสริมว่า “เรารู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่คุกคามน้องที่สุดแล้ว ถ้าจะขอไลน์ก็ดูเกินเหตุ ขอเบอร์ก็ยิ่งแย่ คุยผ่านไดเร็คเมสเซจในไอจีน่าจะซอฟต์ที่สุดแล้ว หลังจากนั้นก็คุยกันและนัดเจอเพื่อเอาบัตรให้”

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเล่าว่าไม่อยากทำอะไรที่ต้องผูกมัดหรือทำเป็นหน้าที่ ให้ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง และให้ธรรมชาติของแต่ละคนค่อยๆ ดึงดูดเข้าหากันผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกันอย่างการกิน สาวกรเล่าอย่างตื่นเต้นว่า “ตั้งแต่รู้จักพี่เป้มาก็ไม่เคยรู้สึกว่าเขาจีบเราเลยสักนิด มีแต่ชวนกินข้าว แต่พอเรามาทบทวนจึงรู้ว่า นั่นคือการอยากเจอหน้ากัน แต่ไม่ได้พูดว่าคิดถึง อยากเจอ” ส่วนหนุ่มเป้ อธิบายว่า “ผมไม่เคยส่งข้อความหรือส่งรูปหัวใจ บอกฝันดีน้อยมาก ตอนนัดเจอก็เน้นเรื่องกินข้าว พาไปกินก๋วยเตี๋ยว อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเราน่าจะคบกันได้คือ กรเป็นผู้หญิงที่กินอะไรแล้วดูอร่อย ผู้หญิงคนนี้มีความสุขทุกครั้งตอนกิน อาจเรียกได้ว่าเราจีบกันผ่านอาหารจานอร่อยมากกว่า เหมือนเวลามันเหวี่ยงให้เราค่อยๆ ใกล้กันมากขึ้น” 

 

หลักการเลือกคนรัก

เมื่อถามถึงมุมมองในการเลือกคนรัก นักร้องหนุ่มน้ำเสียงอบอุ่นตอบว่า “ผมเลือกผู้หญิงของผมจากความเข้าใจ ผมเชื่อว่าความเข้าใจมีคุณค่ามากกว่าความรัก เพราะชีวิตคู่ที่มีแต่ความรักไม่สามารถอยู่คงทนหากขาดความเข้าใจ มนุษย์ใช้นิสัยและมุมมองไว้คานกัน การเป็นตัวของตัวเองนั้นเป็นสิ่งดีแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความสุขของคนอื่นด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคนที่รับสารจากเราไป เข้าใจเจตนาของเราในทุกเรื่อง เช่น เข้าใจวิธีการทำงาน ความเข้าใจสำคัญมากสำหรับผม และบ่มเพาะให้เกิดความรักที่มั่นคงได้ ความรักอย่างเดียวไม่น่าจะพอ เพราะฉะนั้นผู้หญิงที่จะเข้ามาร่วมชีวิตต้องเข้าใจผมและผมต้องเข้าใจเขาด้วย”

“กรใช้สัญชาตญาณและประสบการณ์เป็นเครื่องชี้วัดด้วย ก่อนรู้จักพี่เป้หรือแม้แต่ตอนรู้จักกันแล้ว เราไม่ได้คาดหวังอะไร แต่เราค่อยๆ รู้จักกันโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่คุยหรือเจอกันมีแต่ความสบายใจ ไม่ต้องพยายาม แค่มองตากันก็รู้ว่าเขาคิดอะไร มันยากมากที่จะเจอคนที่กำลังศึกษากันอยู่แล้วจูนกันติดได้ง่าย เพราะถ้าทัศนคติของคนสองคนไม่ตรงกันคงอยู่ด้วยกันยาก แต่โชคดีที่เราพยายามทั้งคู่ในแบบที่เข้าใจกันจริงๆ”

แม้จะคบหาดูใจกันได้ไม่นาน แต่ระยะเวลาก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ หนุ่มเป้เปิดใจด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผมแสวงหาความสุขรอบตัวมาเยอะพอสมควร ถึงเวลาที่จะสร้างความสุขในบ้าน จึงตัดสินใจคบหาน้องอย่างจริงจัง จนพบว่าความรักหรือความมั่นใจไม่เกี่ยวกับเวลา ถ้าเรามั่นใจในใครสักคน แน่ใจแล้วว่าคนคนนี้เข้ามาเพื่อทำให้เรามีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้น เราก็ไม่ควรเสียเวลามองหาสิ่งอื่น ผมคิดว่าการที่เราคว้าโอกาสที่ดีที่สุดในช่วงเวลาที่ยังคว้าได้ทันนั้นดีที่สุด น้องกรคือส่วนเติมเต็มที่ผมไม่มีมานานมากและตอนนี้ผมเจอแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปล่อยให้น้องเดินไปจากชีวิต ผมเลยตัดสินใจรักษาไว้ด้วยการแต่งงาน” 

 

เข้าใจเพื่อก้าวไปต่อ

หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมา มีความเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่ต้องปรับ นักร้องหนุ่มตอบพร้อมสีหน้ายิ้มแย้ม “นี่คือการที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ทางนิติกรรมถือว่าเราแต่งงานกันแล้วเหลือแค่การจัดพิธีเท่านั้น ทุกวันนี้น้องก็อยู่ในความรับผิดชอบของผม เรามีเวลาเรียนรู้กันมากขึ้น ผมได้ให้น้องเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในบริษัทของผม ถ้าเราเป็นแค่แฟนคงมีบางเรื่องที่ยังไม่สามารถให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมได้มากนัก แต่ตอนนี้เราเป็นครึ่งหนึ่งของชีวิตกันแล้ว ไม่มีส่วนไหนที่เขาเข้าถึงไม่ได้ ชีวิตของผมนั้นง่ายขึ้นมากตั้งแต่มีเขาเป็นภรรยา” สาวกรมีความเห็นคล้ายกันว่า “ตอนเป็นแฟนเรารับผิดชอบความรู้สึกของกันและกัน แต่หลังจากจดทะเบียนสมรสเหมือนกับทุกอย่างบังคับให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นทันที ถ้าทะเลาะต้องรีบเข้าใจกันให้เร็วที่สุด เพราะวันนี้เราคือครอบครัวเดียวกัน มีอีกหลายส่วนที่ต้องช่วยกัน เพื่อส่งเสริมให้เราทั้งคู่เติบโตไปมากกว่านี้ด้วยค่ะ”

นอกจากนั้นหากเกิดปัญหาใหญ่แค่ไหนก็จะไม่เดินหันหลังให้กัน แต่พร้อมจะพูดคุยด้วยเหตุผลอย่างเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อจบปัญหาโดยเร็วและไม่ปล่อยให้คาใจจนเสียความรู้สึก เหมือนที่นักร้องหนุ่มเสียงดีกล่าวไว้ว่า “คนที่ขอโทษก่อนด้วยความจริงใจเป็นผู้ชนะในความสัมพันธ์ชีวิตคู่เสมอ เพราะถ้ามีใครสักคนชนะนั่นไม่ใช่ชีวิตคู่ ต้องชนะทั้งคู่ถึงจะเป็นชีวิตคู่”

 

 

Happy wife happy life

ขึ้นชื่อว่าความรักย่อมมีอุปสรรคเข้ามาเป็นบททดสอบชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องความเข้าใจผิด เช่น คำพูด การพิมพ์ข้อความ หรือการกระทำที่ทำโดยคิดว่าอีกฝ่ายเข้าใจ จึงไม่ได้อธิบายจนเกิดความน้อยใจ เลยต้องปรับความเข้าใจกัน “ข้อเสียของกรคือไม่ค่อยพูด แต่เก็บข้อมูลจนค่อยๆ สั่งสมกลายเป็นความน้อยใจ สุดท้ายก็เป็นปัญหา แล้วความรู้สึกของเราที่ไม่ดีก็เพิ่มขึ้น รอวันระเบิด เรามั่นใจไปเองว่ามันใช่แน่ๆ ตอนหลังตกลงกันว่าถ้าไม่โอเคก็พูดเลย หลายครั้งคือการเข้าใจผิด ซึ่งไม่แฟร์สำหรับเขา เพราะเราโมโหใส่เขาโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราคิดไปเอง”

หนุ่มเป้ได้ฝากข้อคิดในประเด็นนี้ว่า “มีโควทหนึ่งของฝรั่งที่ผมชอบมากคือ ‘Happy wife happy life’ สำหรับผมคือเรื่องจริง ผมรู้สึกว่าแค่ตื่นเช้ามาเห็นเขาหน้าบูดบึ้ง ผมก็ไม่มีความสุขแล้ว เราเคยทะเลาะกันเพราะกรฝันร้าย ผมเลยคิดว่าไม่เป็นไร จากนี้ไปอะไรที่เป็นความสุขของเขาก็คือความสุขของผมเหมือนกัน ทุกวันนี้ผมเลือกหาความสุขใส่ตัวโดยทำให้เขามีความสุขครับ”

 

เปลี่ยนชีวิตให้มีรอยยิ้ม

หลายคนมักคุ้นตากับภาพหนุ่มเป้ วงมายด์ ผู้เคร่งขรึมและยิ้มยาก แต่เมื่อมีภรรยาแสนสวยคนนี้เคียงข้าง โลกของเขาสว่างสดใสและมีรอยยิ้มกว่าที่เคย เธอส่งยิ้มให้สามีก่อนเล่าว่า “ช่วงแรกที่รู้จักกัน กรเคยได้ยินข่าวลือว่าเขายิ้มยาก ส่วนหนึ่งคือเรื่องจริง แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งชีวิตเขาเป็นคนแบบนั้น อาจเพราะการวางตัวในการทำงาน แต่พี่เป้เป็นอีกคนหนึ่งตอนที่กินข้าวด้วยกันกับเรา กรพยายามให้เขาถ่ายทอดความเป็นตัวตนนี้กับคนอื่นๆ เพื่อให้คนเหล่านั้นเข้าใจพี่เป้มากขึ้น พยายามให้เขายิ้มเวลาออกสื่อ ใช้เวลาเกือบปีโดยให้เขาลองยิ้มกับคนใกล้ตัวก่อน มีครั้งหนึ่งที่พี่เป้ลงรูปที่เขายิ้มตอนไปเกาะสีชัง ตอนนั้นผลตอบรับดีมาก ทุกคนไม่เคยเห็นเขายิ้มกว้างอย่างนั้นมาก่อน พอเขายิ้มมากขึ้นทุกคนก็เริ่มเข้าใจเขา ข้อดีคือเราจะได้เป็นตัวเองแบบนี้ไปตลอด ไม่จำเป็นต้องใส่หัวโขนหรืออยู่ในแคแร็กเตอร์นั้นแล้ว เพราะตอนที่เขาอยู่กับกรเขาน่ารักมาก”

ส่วนเรื่องความประทับใจ สามีหนุ่มพูดหนักแน่นว่า “บ้านดูเป็นบ้านมากขึ้น น้องกรคือส่วนที่ทำให้บ้านหลังนี้สมบูรณ์แบบและมีความรัก เรากลับมาแล้วหายเหนื่อย ความหมายของคำว่าบ้านจริงๆ คือความอบอุ่นและที่พักใจซึ่งตอนนี้ผมมีแล้ว กรเหมือนเป็นแท่นชาร์จแบตฯ มือถือที่ชาร์จพลังให้ผมได้เต็มและไวมาก พร้อมให้ผมออกไปสู้ชีวิตได้อีกนาน อะไรที่หนักหนาพอกลับบ้านมาผมหายและมีความสุขจริงๆ”

ฝ่ายภรรยาก็ตอบสั้นๆ ว่า “การแต่งงานเร็วและอยากมีลูกเร็วเป็นความใฝ่ฝันของกรอยู่แล้ว และเรายังมีพลังในการเลี้ยงลูก พี่เป้เป็นคนที่เข้ามาทำให้ฝันของกรเป็นจริง ทั้งก่อนและหลังแต่งงาน เขาทำให้เรารู้สึกว่าไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนหนึ่งจะทำเพื่อเราได้ขนาดนี้ แล้วอยู่บนพื้นฐานของการไม่ฝืนตัวเอง”

 

 

หลักคิดเพื่อรักที่ยืนยง

นอกจากการดูแลเอาใจใส่แล้ว ยังมีสิ่งใดที่อยากบอกกันและกันอีกบ้างไหม สาวกรรีบตอบด้วยความดีใจ “พี่เป้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของกร เหมือนเราได้รับของขวัญจากพระเจ้าทุกวัน ทุกอย่างที่เขาทำให้คือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้หัวใจเราเต้นผิดจังหวะได้ตลอด ยากมากที่เราจะได้รับสิ่งดีๆ แบบนี้ทุกวันจากใคร” ฝ่ายสามีคิดอยู่นานก่อนตอบ “น้องกรคือผัดกะเพราของผมครับ หลายคนอาจมองว่าเป็นเมนูสิ้นคิด แต่ความสำคัญของเมนูนี้คือหนึ่ง ถ้าเราสามารถกินได้ทุกวัน หมายความว่าต้องเป็นเมนูที่อร่อยมาก สอง เมนูนี้สามารถวัดได้ว่าเชฟเก่งหรือไม่ สาม เมนูนี้สามารถพลิกแพลงได้ พูดง่ายๆ กะเพราจานนี้พร้อมที่จะหล่อเลี้ยงเราไปตลอดชีวิตและเปลี่ยนไปได้เสมอ วันนี้หนูอาจเป็นกะเพราไก่ อีกวันอาจเป็นกะเพราใส่ไข่ดาวในบางวันที่พิเศษของเรา ไอจะบอกว่าหนูคือทุกอย่างในชีวิตของไอนะ ขอบคุณมากจริงๆ” สามีหนุ่มพูดจบพร้อมยิ้มพราย ส่วนภรรยาหันไปสบตาแล้วส่งยิ้มเป็นคำตอบแทนการเอื้อนเอ่ยคำรัก ก่อนที่ทั้งคู่จะแนะนำคุณสมบัติการเป็นคู่ครองที่ดีฝากไว้เป็นแง่คิด  เริ่มจากคุณเป้

“คู่ที่ดีต้องมีความเข้าใจ ความไว้ใจ ความซื่อสัตย์ ที่สำคัญคือการยอมรับความผิดที่เราต้องเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากอะไร ไม่ใช่เมื่อเกิดปัญหาแล้วขอโทษ อย่างนั้นคือการตัดปัญหา คำขอโทษจะมีความหมายต่อเมื่อเราตั้งใจพูดจริงๆ ผมรู้สึกว่าถ้าเรายึดหลัก 4 ข้อนี้ ชีวิตคู่จะยืนยาวเพราะสุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าความรักคืออะไร ความรักอาจเป็นแค่ความสุขก็เป็นได้” คุณกรกล่าวเสริมว่า “กรกับพี่เป้โชคดีที่เรามีความคิดเห็นตรงกันว่า ชีวิตคู่จะสามารถดำเนินไปได้นานนั้นอยู่ที่ความเข้าใจ ความผูกพัน และหลัก 4 ข้อที่พี่เป้บอกมา แล้วความรักอาจก่อตัวขึ้นโดยที่เราไม่ทันรู้ตัวก็ได้”

 

องค์ประกอบที่จะทำให้รักยืนยง ควรมีความเข้าใจกัน ความซื่อสัตย์ กล่าวขอโทษจากใจ และพร้อมปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นดีขึ้น เพราะไม่ว่าจะเจอปัญหาหนักหนาแค่ไหน แค่มีสิ่งเหล่านี้ชีวิตคู่ของคุณก็จะผ่านพ้นปัญหาไปได้ไม่ต่างจากคู่รักคู่นี้


5 ทริคจีบหนุ่มออนไลน์

5 ทริคจีบหนุ่มออนไลน์

  • ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลก การอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ หรือที่เรียกว่า social distancing (การเว้นระยะห่างทางสังคม) เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ไม่ได้หมายความว่าสาวสวยโสดอย่างเราจะต้องนั่งจับเจ่าอยู่แต่บ้านนี่นา เรามาทำอะไรให้หัวใจกระชุ่มกระชวยดีกว่า!

 

 

Online dating หรือการเดทออนไลน์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งต่างประเทศนิยมใช้ในการหาคู่ รวมถึงคนไทยก็ใช้ช่องทางนี้เพื่อหาคนรัก และมีหลายๆ คู่ที่ได้แต่งงานเพราะเจอกันผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ หากสาวๆ ยังไม่เคยเล่น เป็นโอกาสดีที่ได้เปิดใจลองเล่นดู สนุกดีค่ะ วันนี้ Wonder Wanners ขอแบ่งปันเทคนิคในการเดทหนุ่มอย่างไรให้รื่นรมย์และสมหวัง

 

1. รูปโปรไฟล์ต้องสวยเริ่ด

สิ่งหนึ่งที่ Wonder Wanners เน้นเสมอ คือ ความสวย เพราะความสวยเปรียบเหมือนใบเบิกทางที่ทำให้เราได้มีโอกาสเป็นผู้เลือก (ไม่ใช่ผู้ถูกเลือก) และสื่อถึงระดับความรักและเคารพตัวเอง คุณต้องรักตัวเองเป็นก่อนที่จะรักคนอื่น ดังนั้นทำตัวเองให้สวยและมีความสุข หามุมสวยๆ ถ่าย เพราะ “ภาพ” เป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดใจหนุ่มๆ และสะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ที่เราชอบ เพื่อให้หนุ่มๆ ได้เห็นตัวตนที่น่าสนใจของเรา 

 

 

2. เขียนเรื่องราวให้น่าสนใจและเป็นจริง

นอกจากรูปสวยๆ แล้ว ในแอพฯ ยังให้กรอกประวัติคร่าวๆ เกี่ยวกับเรา ควรเขียนให้น่าสนใจ ต้องเข้าใจนิดหนึ่งว่าเราไม่ได้สมัครงานผ่านแอพฯ อย่าเขียนแต่ประวัติการทำงาน จงเขียนสิ่งที่สะท้อนตัวเรา ว่าอะไรคือสิ่งที่เราชอบ เป้าหมายในชีวิต และสิ่งที่หลงใหล (passion) และสิ่งที่เขียนนั้นต้องเป็นความจริง เราไม่จำเป็นต้องบอกข้อมูลทั้งหมด ปิดๆ ไว้บ้างให้ดูน่าค้นหา เห็นไหมว่ามันไม่ยากเลยกับการเล่าเรื่องจริงที่ทำให้ดูน่าสนใจ

 

3. ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง

เราต้องชัดเจนก่อนว่าสิ่งที่เราต้องการนั้นคืออะไร ชอบหรือถูกใจคนรูปลักษณ์แบบไหน นิสัยโดยรวมอย่างไร ต้องการความสัมพันธ์แบบไหน มองอนาคตอย่างไร เพราะในแอพฯ มีความสัมพันธ์หลากรูปแบบมาก เมื่อเราชัดเจนแล้วว่าเราอยากได้ความสัมพันธ์แบบไหน เราจะคัดกรองคนที่เข้ามาได้ โอกาสที่จะช้ำใจก็น้อยลง และข้อความหรือรูปภาพที่เราโพสต์ไว้ก็จะทำให้ผู้ชายรับรู้ได้ว่าเราเป็นผู้หญิงแบบไหน

 

 

4. เปิดฉากสนทนาให้ประทับใจ

เมื่อโปรไฟล์เราและเขาตรงกันแล้ว แอพฯ จะเปิดโอกาสให้เราได้คุยกัน ไม่ต้องรอให้หนุ่มๆ ทักมาก่อน เราเปิดฉากทักทายอย่างสร้างสรรค์ได้ โดยดูและชมรูปโปรไฟล์ของเขา เช่น แทนที่จะทัก “สวัสดี” ลองทักไปว่า “หมาที่ถ่ายกับคุณน่ารักจังเลยคะ” หรือ “คุณชอบทำกับข้าวแนวไหนคะ ดูน่ากินจังเลย” (หากเป็นรูปเขาทำกับข้าวอยู่) ที่สำคัญต้องชมจากใจจริง ลองมองหาจุดที่คุณกับเขามีเหมือนกัน และเริ่มคุยด้วยเรื่องนั้นๆ จะช่วยให้บทสนทนาน่าสนใจขึ้นทันที

 

 

5. เป็นตัวของตัวเอง

จริงอยู่เวลาที่เราชอบใครสักคน ย่อมอยากทำให้เขาพึงพอใจ อยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อกุมหัวใจของเขาให้ได้  หากนั่นเป็นสิ่งที่ใจเราต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ หรือเปลี่ยนเพื่อเขา เราไม่ควรฝืนตัวเอง เพราะในระยะยาวจะทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีความสุข หากเขารักเรา เขาก็ควรรักทั้งข้อดีและให้อภัยข้อเสียของเรา ในทางกลับกันเราก็ควรรักข้อดีและให้อภัยข้อเสียของเขา ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องมีคุณสมบัติการเป็นคนรักที่ดีด้วย

 

Wonder Wanners ได้เขียนในเล่มก่อนหน้านี้ไปหลายเรื่อง รวมถึงทางแฟนเพจ Love is Wanthip สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ

หากอยากรู้ว่าลองใช้ dating application อะไรดี Wonder Wanners รีวิว 3 แอพฯ ได้แก่ Tinder, Ok Cupid และ Coffee Meets Bagel ทาง YouTube https://www.youtube.com/watch?v=IkbJPV-HnjY หรือพิมพ์ หาผู้(คู่)ต้อนรับวาเลนไทน์ รีวิวแอพฯ Dating Application Review: Tinder, Okcupid, Coffee Meets Bagel

 

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนปลอดภัยในช่วงวิกฤติ จงมีสติ มีความสงบสุขในใจท่ามกลางความโกลาหล เหมือนความนิ่งที่อยู่ตรงศูนย์กลางของทอร์นาโด คนเรามีความสุขได้ในทุกสถานการณ์ จงมองหามุมบวก ตัวเราเองเท่านั้นที่เป็นผู้เลือกว่าเราจะมีความสุขหรือไม่ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับความรักค่ะ


Truly Scrumptious บ้านหลังเล็กกับเค้กแสนอร่อย

Truly Scrumptious บ้านหลังเล็กกับเค้กแสนอร่อย

_____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

 

กิตติศัพท์ของบ้านหลังเล็กๆ สีเขียวสลับกับสีดำและขาว มีต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางบ้านโดดเด่น และอบอวนด้วยกลิ่นหอมของเค้กกับเครื่องดื่มคุณภาพดีสมกับที่มีชื่อร้านว่า Truly Scrumptious เร้าใจให้เรามาลิ้มลอง วันหยุดทั้งที ซารังกับแฟนแฟนจึงชวนกันไปสัมผัสความอร่อยของคาเฟ่แห่งนี้ที่ซอยสุขุมวิท 49/11 กันค่ะ

 

 

ทันทีที่ก้าวเข้าไปในร้าน ซึ่งออกแบบภายในให้ดูโปร่ง โล่ง มีแสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาอย่างสบายตา และตกแต่งด้วยโทนสีเขียว ขาว ดำ ตัดสลับกัน ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเองและเข้าถึงง่าย เสมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง พอมองไปด้านหลังร้านยังมีโซนเอาท์ดอร์อันร่มรื่น บรรยากาศคล้ายกับสวนเล็กๆ ไว้นั่งจิบกาแฟและละเมียดละไมกับเค้กโฮมเมดที่ทางร้านตั้งใจทำขึ้น โดยหุ้นส่วนร้านทั้งสองคนเล่าว่า ได้เปิดร้านเค้กออนไลน์ด้วยกันมาประมาณ 11 เดือน และรับออเดอร์จากลูกค้าผ่านอินสตาแกรม เมื่อได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จึงขยายฐานลูกค้ามาเปิดร้านคาเฟ่ในปัจจุบัน

 

 

 

 

เมื่อจุดเด่นของคาเฟ่แห่งนี้คือเค้กและเครื่องดื่ม ซึ่งใช้วัตถุดิบนำเข้าคุณภาพดี เราก็ไม่พลาดที่จะลองชิม เริ่มจากเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน Signature black beer cake เค้กช็อคโกแลตผสมเบียร์ดำ เนื้อแน่น ชุ่มฉ่ำ ด้านบนโปะด้วยครีมชีสหนาๆ โรยด้วยช็อคโกแลตชิพ รสชาติหวานอมเปรี้ยวตัดกับความขมของเนื้อเค้กได้ดี 

 

Signature black beer cake

 

แต่ถ้ายังไม่ถึงใจ แนะนำเป็นเมนูภาคต่ออย่าง Cognac black beer ซึ่งใส่คอนญักแทนเบียร์ดำเข้าไปในครีมชีส รสชาติเข้มข้น นุ่มละมุน หอมกลิ่นบรั่นดี อร่อยจนอยากให้ลองเลยค่ะ

 

Cognac black beer

 

ส่วนเมนู Basque burnt cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้เนียนนุ่มที่มาแรงในตอนนี้ มีความหอมมัน รสชาติเค็มอมเปรี้ยว กินแล้วละลายในปาก อร่อยมากจนไม่อยากหยุดกิน คนรักชีสห้ามพลาด นอกจากนี้ยังมีเมนู Mixed berries jelly baked cheesecake ชีสเค้กเนื้อเบาท็อปด้วยเจลลี่และผลไม้สด กินแล้วสดชื่น เหมาะแก่การทานคู่กับชามากค่ะ

 

Basque burnt cheesecake

Mixed berries jelly baked cheesecake

ถัดมาเป็นเมนูยอดฮิตที่มีสองเวอร์ชั่นให้เลือกคือ Mini dark oreo pie with raspberries พายดาร์คช็อคโกแลตรสขมที่มีบิสกิตโอรีโอกรุบกรอบเป็นฐาน ด้านบนมีราสเบอร์รี่สีสด กินพร้อมกันจะได้รสชาติเปรี้ยวขมตัดกันอย่างลงตัว อีกเวอร์ชั่นหนึ่งเป็นทางเลือกให้สำหรับที่ไม่ทานดาร์คช็อคโกแลต Mini milk chocolate oreo crust pie with strawberries and blueberries ทางร้านเปลี่ยนเป็นมิลค์ช็อคโกแลต ท็อปด้วยสตอว์เบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ก็เข้ากันทีเดียว

 

Mini dark oreo pie with raspberries

 

Mini dark oreo pie with raspberries / Mini milk chocolate oreo crust pie with strawberries and blueberries

 

Naked raspberries chocolate cake with chocolate cream cheese เค้กช็อคโกแลตบัตเตอร์มิลค์สปันจ์ ท็อปด้วยครีมชีสช็อกโกแลตและราสเบอร์รี่ และ Naked confetti buttercream cake เค้กวนิลาบัตเตอร์ครีมชนิดเดียวในร้านที่เนื้อไม่หนักจนเกินไป หอมครีมและหวานมัน ด้านบนมีครัมเบิ้ล กรุบกรอบให้เคี้ยวสนุกอีกด้วย  

 

Naked confetti buttercream cake / Naked raspberries chocolate cake with chocolate cream cheese

 

ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม Café Latte กาแฟลาเต้ซึ่งทางร้านนำเมล็ดกาแฟไปคั่วในระดับกลาง รสชาติกลมกล่อม หวานมัน ไม่เข้มเกินไป ทานคู่กับเค้กแล้วไม่กลบความอร่อยของเค้กค่ะ ถ้าใครไม่ดื่มกาแฟ ส่วนซารังขอแนะนำ Yuzu honey น้ำส้มยูสุรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวแบบซ่าๆ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที

 

Café Latte

 

Yuzu honey

 

สำหรับใครที่ตัวอยู่ไกล แต่ใจอยากจะชิมเค้กแสนอร่อยของที่นี่ สามารถสั่งจองได้ทางออนไลน์เหมือนเดิม ถ้าเป็นเค้กวันเกิดหรือวันพิเศษ ซารังแนะนำให้สั่งล่วงหน้า 3-5 วัน รับรองว่าได้ชิมแล้วต้องประทับใจแน่นอนค่ะ 

คาเฟ่แห่งนี้แม้ว่าภายนอกจะดูเล็ก กะทัดรัด แต่ด้วยการตกแต่งอันสวยงาม และคุณภาพความอร่อยของเค้กจากเจ้าของผู้มีใจรักการทำขนม ก็สามารถเติมเต็มความสุขในช่วงเวลาวันหยุดสำหรับคนรัก เพื่อนๆ หรือครอบครัวได้ ไม่ผิดหวังค่ะ

 

Truly Scrumptious

เปิดวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.30 น.

ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 49/11 ถนนสุขุมวิท

Facebook: TrulyScrumptiousBkk


Co-incidence House : บ้านหลังใหม่แสนอบอุ่นที่เป็นมากกว่าคาเฟ่

 

Co-incidence House : บ้านหลังใหม่แสนอบอุ่นที่เป็นมากกว่าคาเฟ่

_________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________


Co-incidence House ร้านคาเฟ่ที่มีทั้งอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ข้าวของเครื่องใช้น่ารักๆ และไลฟ์สไตล์ช้อป ให้เลือกซื้อลานตาไปหมด
เดิมทีร้านนี้เคยเปิดเป็นร้านกาแฟเล็กๆ แบบซื้อกลับบ้าน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าโดยเฉพาะรสชาติกาแฟที่เข้มข้น กลมกล่อม จากนั้นทางร้านจึงขยายกิจการสู่บ้านหลังใหม่ที่ใหญ่ขึ้น

 

 

 

ภายในร้านออกแบบเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ตกแต่งด้วยโทนสีขาวและเทาจากวัสดุสเตนเลสของเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ต่างๆ นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่สีเขียวโดยการตกแต่งด้วยต้นไม้จริง มีกระจกบานใหญ่ที่ผนังร้านเพื่อให้ลูกค้าได้ชมวิวภายนอก ส่วนด้านหลังร้านมีที่นั่งเล็กๆ สำหรับใครที่อยากถ่ายรูปด้วย ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง สบายใจเหมือนนั่งในบ้านมากกว่าคาเฟ่ใจกลางสุขุมวิท

 

 

 

 

ความพิเศษอีกอย่างคือทางร้านมีโซนไลฟ์สไตล์ช้อป แหล่งรวมสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของใครหลายคน เป็นสินค้าแบรนด์ Co-incidence ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ไทยทั้งหมด ตั้งแต่หมวดอุปกรณ์เครื่องเขียน บิวตี้ เสื้อผ้า จาน ชาม แก้วน้ำเท่ๆ รวมถึงมีสินค้าเจ๋งๆ ซึ่งทางร้านคัดสรรจากต่างประเทศให้เราซื้อกันอีกเพียบ บอกเลยว่านอกจากเรื่องกินแล้วเรื่องช้อปเราก็ไม่แพ้ใคร 

 

 

ความโดดเด่นของร้านนี้ไม่ได้มีแค่โซนไลฟ์สไตล์เท่านั้น เพราะอาหาร ขนม และเครื่องดื่มก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เขาเสิร์ฟด้วยภาชนะสเตนเลสหรือถาดสีดำแสนเท่ ซึ่งกลายเป็นแคแรกเตอร์ของร้านไปแล้ว วันนี้เราเลือกเมนูอาหารขายดีอย่าง Japanese pork curry rice หรือข้าวแกงกะหรี่หมู เขาใช้เนื้อส่วนแก้มหมูนิ่มๆ แทรกไขมันเล็กน้อย นำมาปรุงรสแกงกะหรี่โดยได้สูตรจากเชฟญี่ปุ่น กินกับข้าวญี่ปุ่นจากฮอกไกโดร้อนๆ รสชาติเข้มข้น เนื้อหมูนุ่มละมุนลิ้น อร่อยลงตัวมาก

 

Japanese pork curry rice

 

เมนูต่อมาสำหรับสาวผู้ใส่ใจเรื่องรูปร่างอย่างเมนู Cajun shrimp caesar Salad ซีซาร์สลัด เขานำกุ้งไปทอดบนกระทะให้เกรียมเล็กน้อยเสิร์ฟคู่กับผักสลัด รสชาติกลมกล่อม ทั้งกุ้งตัวโต ผักสดกรอบ และน้ำสลัด กินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน

 

Cajun shrimp caesar Salad

 

ส่วนเมนูขนมนั้นหน้าตาน่ารักชวนลิ้มลองหลายเมนูเลย  Carrot pecan Espresso cream chocolate cake เค้กแครอทที่ตรงกลางเป็นมูสเอสเพรสโซ่ ด้านบนเป็นช็อคโกแลตเค้ก มีถั่วพีแคนกรุบกรอบให้เคี้ยวอย่างสนุกและกราโนล่าซอสช็อคโกแลต กินพร้อมกันจะได้รสชาติเข้มข้นและเนียนนุ่ม ใครที่ชอบเค้กรสแบบนี้ต้องถูกใจแน่นอน

 

Carrot pecan Espresso cream chocolate cake

 

Mix berry เค้กเนื้อแน่นที่สไลด์มาเป็นชิ้นเล็กๆ น่ารัก ท้อปด้วยเบอร์รี่แจมรสเปรี้ยว กินคู่กับกาแฟเข้ากันมาก

 

Mix berry

 

ส่วนเครื่องดื่มนั้น ทางร้านแนะนำเมนูขายดีที่แค่เห็นก็ตื่นเต้นกับสีสันสดใสแสนน่ารักอย่าง Pink coco caramel น้ำมะพร้าวออร์แกนิกสีชมพูผสมกับนมถั่วเหลือง ราดซอส Salted caramel ท้อปด้วยเอสเพรสโซ่ช็อตที่เราสามารถเติมเองได้ เมื่อผสมกันแล้วรสชาติออกเค็มนิดๆ และหอมหวานกลมกล่อม

 

Pink coco caramel

 

ปิดท้ายด้วยเมนูสำหรับคอกาแฟ Black and cream กาแฟเข้มๆ ท้อปด้วยครีมที่ผสมกับ Salted caramel กินคู่กันแล้วได้รสชาติหวานมันจากครีมตัดกับกาแฟ รสละมุน ไม่เลี่ยน เป็นเมนูแนะนำสำหรับผู้นิยมดื่มกาแฟไม่ใส่นมค่ะ นอกจากเมนูที่เราแนะนำแล้ว ทางร้านยังมีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนเกือบทุกเดือน เพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มลองหลากหลายเมนูไม่รู้เบื่อ

 

Black and cream

 

หากใครอยากสัมผัสคาเฟ่สไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่ายและลงตัว มีพื้นที่สวยๆ ให้ถ่ายรูป แฮงค์เอาท์กับเพื่อนหรือแฟนชิลล์ๆ ชิมอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อย คุณภาพดี และได้ซื้อสินค้าดีไซน์เก๋กลับไปด้วย เรียกได้ว่าทั้งกิน ดื่ม ช้อป และสังสรรค์จบครบในร้านเดียว รับรองว่าไม่ผิดหวังจนคุณต้องกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

 

Co-incidence House

เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-18.00 น. (ปิดวันจันทร์)

ซอยสุขุมวิท 49

Facebook: co-incidence.process.coffee


ทำไมผู้หญิงถึงจับโกหกเก่ง

 

ทำไมผู้หญิงถึงจับโกหกเก่ง

_____________________________________________________________________________________________________________________________________

 

พ่อบ้านหลายคนคงเคยสงสัยว่าเวลาที่เราทำอะไรผิดสังเกต ทำไมคุณแฟนถึงจับพิรุธได้อย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เราก็ทำลายหลักฐานซะดิบดี แถมกลบเกลื่อนด้วยพฤติกรรมที่แนบเนียน จนแม้แต่โคนันก็น่าจะจนปัญญากับคดีปริศนาที่ไร้ร่องรอยนี้

คนที่งงก็ไม่ใช่เหล่าชายหนุ่มเท่านั้นหรอกครับ เพราะสาวๆ ก็งงตัวเองเหมือนกัน หลายต่อหลายครั้ง พวกเธอบอกว่ามันมีเซ้นส์อะไรสักอย่างที่บอก ก่อนที่จะเจอหลักฐานซะอีก

วันนี้จะมาเสนอทฤษฎีหนึ่งว่าทำไมผู้หญิง (บางคน) ถึงจับโกหกได้เก่งมาก

 

เริ่มตั้งแต่ระดับยีนของพวกเธอเลยละครับ

หลายคนคงรู้จักโรคตาบอดสี โรคนี้จริงๆ แล้วเกิดขึ้นเพราะเซลล์แยกสีที่ตาของเราทำงานไม่ครบ ตามปกติเซลล์แยกสี (cones cell) ของเรามีอยู่ 3 ชนิด คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน แต่ละชนิดแยกเฉดได้ประมาณ 100 เฉด ซึ่งเมื่อเอามาคูณกันทั้งสามตัว คนปกติก็จะแยกเฉดได้ 1 ล้านเฉดสี

ในคนที่ตาบอดสี เป็นเพราะเฉดบางเฉดไม่ทำงาน(ส่วนใหญ่เป็นสีแดง ไม่ก็สีเขียว) เขาจึงแยกเฉดได้ประมาณ 1 หมื่นเฉดเท่านั้น

โรคตาบอดสีโดยมากเกิดในผู้ชาย เนื่องจากยีนเฉดสีแดงและเขียวอยู่บนโครโมโซม X เท่านั้น

 

ผู้ชายที่มีโครโมโซมเป็น XY คือมีโครโมโซม X แค่ตัวเดียว เมื่อโครโมโซม X เกิดปัญหา จะส่งผลให้ยีนแยกสีทำงานไม่ได้

ผู้หญิงที่มีโครโมโซมเป็น XX เมื่อโครโมโซม X ตัวใดตัวหนึ่งไม่โอเค ก็ยังมีระบบแบ็คอัพให้ยีนแยกสีในโครโมโซม X อีกตัวทำงานได้

 

นักวิทยาศาสตร์เลยฉุกคิดว่า เอ๊ะ ในเมื่อผู้หญิงมีโครโมโซม X สองตัว แสดงว่าต้องมียีนแยกสีเบิ้ลขึ้นมาสิ เพราะฉะนั้นผู้หญิงจึงมีเซลล์แยกสีที่มากกว่าปกติ อาจจะ 4 หรือ 5 ชนิดด้วยซ้ำ (จากของเดิมที่มี 3 ชนิด)

ผมไม่ได้หมายความว่าพอผู้หญิงมองฟ้าแล้วก็สามารถเห็นคลื่นวิทยุ 3G 4G เป็นสีวิ่งไปวิ่งมานะครับ เพราะเฉดสีที่เพิ่มขึ้นก็ยังเป็นสีแดงหรือสีเขียวนั่นแหละ เพียงแต่อาจจะเป็นเฉดที่ต่างจากเดิมเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งก็เพิ่มความสามารถในการแยกเฉดสีได้มากขึ้นอยู่ดี (ถ้าคิดตามทฤษฎีว่าเซลล์แยกสีหนึ่งชนิดแยกได้ 100 เฉด โอกาสที่คนซึ่งมีเซลล์แยกสี 4 ชนิดจะแยกเฉดสีได้มากที่สุดก็คือ 100 ล้านเฉดสีทีเดียว แต่ในความเป็นจริงคงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะเซลล์แยกสีอีกตัวมีเฉดที่ทับซ้อนตัวเก่าอยู่)

 

 

นักจิตวิทยาวิวัฒนาการได้ตั้งสมมติฐานว่า เพราะผู้หญิงมีดวงตาที่สามารถแยกสีได้มากกว่าปกติ พวกเธอจึงสามารถจับอารมณ์ของคนได้ไวกว่าผู้ชาย (นี่ไงโกรธ หน้าแดงละ / อ้าว กลัว หน้าซีดเลยละสิ ทำผิดอะไรมา)

และข้อดีของการจับอารมณ์คนอื่นได้ก็คือสามารถจับโกหกคนได้เก่งด้วย

เรียกว่าพวกเธอเกิดมาพร้อมกับสายตา “สแกนกรรม” ได้นั่นแหละ

ผลวิจัยพบว่ามีผู้หญิงประมาณร้อยละ 12 ของประชากรที่เป็น x-men คือสามารถแยกสีได้มากกว่าคนอื่น
จนนักวิจัยเรียกสาวๆ กลุ่มนี้ว่าเป็น tetrachromacy หรือคนที่มีเซลล์แยกสี 4 ชนิดที่แท้จริง

 

ว่าแล้วก็ให้แฟนคุณทำแบบทดสอบนี้สิครับ จะได้รู้ว่าแฟนคุณมีตาที่มีเซลล์แยกสี 4 ชนิดรึเปล่า จะได้รับมือให้แนบเนียนกว่านี้ (ฮ่าๆ)

https://www.xrite.com/hue-test 

(ขั้นตอนการทำคือ ให้เรียงเฉดสี โดยช่องซ้ายกับช่องขวาสุดจะขยับไม่ได้ เราสามารถลากกล่องสีตรงกลางสลับไปมาได้ การแปลผล คือ คนปกติจะได้ 0 คะแนน ยิ่งคะแนนต่ำ (ติดลบ) ยิ่งแปลว่าคุณสามารถแยกสีได้เก่งมาก และยิ่งคะแนนสูง ยิ่งแปลว่าคุณแยกสีได้แย่มาก)

 

 

อ้างอิง

https://sciencealert.com/scientists-have-found-a-woman-whose-eyes-have-a-whole-new-type-of-colour-receptor

https://www.amazon.com/Many-Friends-Does-Person-Need/dp/0674057163

 

“ทำไมผู้หญิงถึงจับโกหกเก่ง”
คอลัมน์ “จักรวาลแห่งความรัก ดาวเคราะห์แห่งความเหงา”
โดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์
Hug magazine ปีที่ 12 ฉบับที่ 3
ปก: มุก วรนิษฐ์ ถาวรวงศ์

 


สุขล้นอร่อยล้ำกับติ่มซำทำด้วยใจ

สุขล้นอร่อยล้ำกับติ่มซำทำด้วยใจ

_______________________________________________________________________________________________________

ฮักฉบับนี้ซารังกับคุณแฟนขอชวนผู้อ่านที่รักไปกินบุฟเฟต์ติ่มซำ ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะตอนเที่ยงเหมือนที่อื่นๆ แต่ที่ห้องอาหารจีน เดอะ มัลเบอร์รี่ ไชนีส ควินซีน ชั้น 10 โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ มีเสิร์ฟทุกวันตั้งแต่ 11 โมงครึ่งถึง 4 ทุ่ม ใครสนใจตามซารังกับคุณแฟนมาเลย แต่ก่อนออกเดินทางซารังขอจองผ่าน www.berkeleypratunam.com เพื่อรับสิทธิ์ส่วนลด 50 เปอร์เซ็นต์ รู้อย่างนี้แล้วรีบจองกันเลย อย่ารีรอ

 


ติ่มซำ (dim sum) มาจากภาษาจีนกวางตุ้ง แปลว่า touch the heart หมายถึงการทำอาหารคำเล็กๆ ที่นอกจากใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังต้องใช้ฝีมือประดิดประดอยให้สวยงามและอร่อย อีกทั้งต้องใส่ใจลงไปในติ่มซำทุกคำ เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสลงสถานีชิดลม แล้วเดินบนสกายวอล์คผ่านเกษรวิลเลจมุ่งหน้าสู่แยกประตูน้ำ ข้ามถนนมามุ่งสู่โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ หากคุณสะดวกขับรถไปนั้นย่อมได้เพราะมีที่จอดรถเพียงพอ

เราขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 10 ของโรงแรม ทันทีที่ก้าวพ้นประตูของห้องอาหารก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบจีนที่ตกแต่งสไตล์คอนเทมโพรารี่โมเดิร์น ผสมผสานความทันสมัยกับกลิ่นอายของแดนมังกรได้อย่างลงตัว คุมโทนด้วยสีครีมทองสุดหรู มีครัวเปิดที่เผยให้เห็นขั้นตอนการเตรียมอาหาร และกรรมวิธีอันแสนพิถีพิถัน ตั้งแต่การนวดแป้งจนถึงการนึ่งติ่มซำกันแบบร้อนๆ แค่เห็นก็เรียกน้ำย่อยแล้ว เปิดเมนูแล้วเริ่มสั่งดีกว่านะทุกคน

 


บุฟเฟต์ติ่มซำที่นี่ราคา 899 บาท++ ต่อท่าน มีเมนคอร์สให้เลือกเมนูละ 1 อย่าง ทั้งเมนูซุป ได้แก่ ซุปเสฉวนทะเล ซุปปลาเก๋าต้มบ๊วย ซุปผักโขมไข่เยี่ยวม้า เมนูบาร์บีคิว มีหมูกรอบ เป็ดย่างฮ่องกง หมูแดงอบน้ำผึ้ง ขาหมูเย็น ไก่แช่เหล้า ยำแมงกะพรุนน้ำมันงา

อาหารจานหลักมี ข้าวห่อใบบัว ข้าวผัดหยางโจว บะหมี่ผัดฮกเกี้ยน และของหวาน เช่น แปะก๊วยรวมมิตร บัวลอยน้ำขิง เต้าฮวยฟรุตสลัด ซารังเลือกซุปเสฉวนทะเล หมูกรอบ บะหมี่ผัดฮกเกี้ยน และบัวลอยน้ำขิง เมนูที่แฟนแฟนปลื้มมากเห็นจะเป็นหมูกรอบ ซึ่งเป็นหมูสามชั้นอย่างดี มีมันน้อย ขูดหนังจนบางเฉียบ ผ่านการย่างและอบจนได้ที่ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวที่เข้ากันได้ดี

 

ส่วนเมนูติ่มซำนั้นมีมากกว่า 30 เมนู พร้อมเสิร์ฟไม่อั้นแบบ all-you-can-eat ชิ้นใหญ่เต็มๆ คำ สดใหม่ มีทั้งแบบดั้งเดิมและสไตล์ฟิวชั่น เช่น ฮะเก๋าทอดไส้กุ้ง ฮะเก๋าวาซาบิ ซึ่งเชฟบรรจงทำเหมือนหยกสีเขียวเพื่อความเป็นสิริมงคล ต่อด้วย เกี๊ยวผักโขมชีส บร็อคโคลี่มันปู เสี่ยวหลงเปา ที่เราสองคนรับประกันความอร่อยโดยการสั่งแล้วสั่งอีกกินเรื่อยๆ ไม่มีคำว่าเลี่ยน

 

 

แต่ที่แซ่บไม่รู้ลืมคือ กุ้งนึ่งมะนาว อีกเมนูที่คุณแฟนแนะนำคือ ก๋วยเตี๋ยวหลอด แป้งบางแต่ไส้แน่นๆ เน้นๆ และที่เชฟอยากแนะนำคือ ซาลาเปาหิมะ ซึ่งเนื้อสัมผัสของแป้งนั้นกรอบต่างจากซาลาเปาทั่วไป และซาลาเปาไข่เค็มลาวาซึ่งแป้งนุ่มไส้เข้มข้น นับเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่คุณต้องลอง เชฟบอกว่า หัวใจของการทำอาหารจีนเลิศรสคือ ใช้วัตถุดิบที่ดี ใส่ใจ และพิถีพิถัน

 

และแล้วช่วงเวลาแห่งความสุขของซารังกับแฟนแฟนที่ดื่มด่ำกับติ่มซำที่เชฟทำด้วยใจ ก็ผ่านไป 2 ชั่วโมงได้เวลาที่ต้องจูงมือคนรัก พกพาความสุข และความอิ่มอร่อยที่ยังอวลอยู่ในปากกลับบ้านกันแล้ว ส่วนใครที่อยากชวนเพื่อนๆ มากินแบบยกแก๊ง ที่นี่ก็มีห้องรับรอง และซารังสอบถามโปรโมชั่นมาฝากด้วย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 มา 4 จ่าย 3 เมื่อชำระผ่านบัตรเครดิตซิตี้ กรุงศรี กสิกรไทย เคทีซี หรือไทยพาณิชย์ สอบถามโทร. 02-309-9999 ต่อ 3143

แล้วอย่าลืมหาเวลามาชาร์จพลังแห่งความสุขด้วยติ่มซำแสนอร่อยแบบเราสองคนนะคะ


ทำไมผู้หญิงถึงชอบ Bad Boy

ทำไมผู้หญิงถึงชอบ Bad Boy

ผมคิดว่าผู้ชายหลายคนคงเคยสงสัยเหมือนผมว่า ผู้ชายดีๆ (เช่นผม) ก็มีทำไมผู้หญิงถึงดันไปชอบผู้ชายเลวๆ กันจังจริงๆ เรื่องนี้มีคำตอบอยู่หลายทฤษฎี

 

 

บ้างว่าผู้หญิงเป็นเพศซึ่งชอบอะไรที่เซอร์ไพรส์ ประหลาดใจ คาดไม่ถึง เพราะมันทำให้ reward system ซึ่งเป็นสมองส่วนที่ให้ความสุขแก่เธอเริ่มทำงาน และพวก bad boy ก็มักทำตัวคาดไม่ถึงอยู่เป็นประจำ

บ้างก็ว่าผู้หญิงที่ชอบ bad boy มักเป็นกลุ่มคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีแนวโน้มถูกทำร้าย (เช่น ถูกข่มขืน ถูกฆ่า) เลยต้องการคนที่มีพละกำลังและความมั่นใจในตัวเองสูงอย่าง bad boy มาปกป้อง

 

แต่ทฤษฎีที่โดนใจผมคือทฤษฎีวิวัฒนาการครับ ซึ่งการเล่าเรื่องนี้ต้องแบ่งเป็นสองเรื่องคือ

  1. สัตว์ตัวเมียทุกชนิดในโลกมักต้องการตัวผู้ที่แข็งแรง ปกป้องตัวเองได้ หาอาหารเก่งอยู่แล้ว เพราะหากเอาตัวผู้ที่ไม่แข็งแรงมาทำพันธุ์ ลูกก็จะพลอยไม่แข็งแรง แถมยังดูแลเราไม่ได้อีก จะเอามาเป็นผัวทำไม สรุปว่าสัตว์เพศเมียนั้นชอบสัตว์เพศผู้ที่แข็งแรง และแข็งแกร่งโดยสัญชาตญาณ จึงสนับสนุนเหตุผลที่ว่าทำไมผู้หญิงจึงชอบ bad boy เพราะ bad boy มักมีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งและแข็งแรง‘แต่นั่นก็ยังไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เพราะมี bad boy ตั้งเยอะที่ผอมกะหร่อง ตัวเล็ก และร่างกายก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย’

     

  2. ชิมแปนซีเป็นสัตว์ที่อยู่กันเป็นฝูงใหญ่ๆ อาจมีได้ถึง 120 ตัว ในฝูงใหญ่ประกอบด้วยแก๊งเล็กแก๊งน้อยขนาดตั้งแต่ 5-47 ตัว แล้วแต่ว่ามีอาหารเยอะแค่ไหน และมีความแตกต่างกัน บ้างเป็นตัวเมียหมด บ้างเป็นตัวผู้หมด และบ้างก็อยู่รวมกันทั้งสองเพศ ในฝูงจะมีจ่าฝูงหรือหัวหน้าใหญ่เป็นตัวผู้หนึ่งตัว (เรียกว่า alpha) ซึ่งจะไม่ใช่ตัวที่ใหญ่ที่สุดหรือแข็งแรงที่สุดเสมอไป และไม่ได้ต้องใช้กำลังเท่านั้น แต่ต้องรู้จักเล่นพรรคเล่นพวก อาศัยเส้นสายจากแก๊งต่างๆ เพื่อขึ้นมาเป็นจ่าฝูง (ชิมแปนซีเล่นเส้นสายด้วยการเกาหลังจับเห็บกันครับ ไม่ได้ใช้เงินซื้อหรือปัจจัยอื่นๆ อย่างคน) จ่าฝูงแม้มันจะไม่ใช่ตัวใหญ่สุด แต่เมื่อขึ้นมาเป็นหัวโจกแล้ว มันจะพยายามพองขนของมันให้ดูตัวใหญ่ขึ้น แถมยังพุ่งเข้าชาร์จทันทีหากใครทำให้มันโมโห เรียกว่าความมั่นมาเต็มร้อย‘ตรงนี้หลายคนคงเริ่มรู้สึกว่ามันคล้ายคนมากเลยนี่นา พอมีอำนาจแล้ววางก้าม’

     

ใช่ครับ จริงๆ แล้วบรรพบุรุษของเราก็เคยใช้ชีวิตประมาณนี้เช่นกัน (เพราะเรามีบรรพบุรุษร่วมกันกับชิมแปนซีเมื่อประมาณ 5-12 ล้านปีก่อน) และภาพลักษณ์นักการเมืองทุกวันนี้ก็คงเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณแบบลิงๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตัวเรา

 

 

กลับมาที่คำถามก่อนหน้านี้

เราเลยตอบคำถามที่ค้างไว้ได้ว่า ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงที่สุดก็เป็นหัวหน้าได้ เพราะในสังคมมนุษย์ เราไม่ได้ใช้ความแข็งแรงทางด้านกายภาพเพื่อเป็นใหญ่ แต่เราใช้ความแข็งแรงทางสังคมมากำหนดมากกว่า แล้วคนที่แข็งแรงก็ย่อมทำตัวแบบแข็งแรง

ซึ่งไม่ต่างจาก bad boy คือ ต่อให้ร่างกายเขาไม่แข็งแรง แต่เขาก็ทำตัวแบบแข็งแรง เพื่อสื่อว่า เขานั้นแข็งแรง เขาเป็นจ่าฝูงนะ

ฉะนั้น เมื่อเจอลักษณะแบบจ่าฝูงของ bad boy มันจึงกระตุ้นให้สมองส่วนลิง ของสาวๆ อ่อนระทวย แพ้ทางไปตามๆ กัน (ผู้ชายก็มีสมองส่วนลิงครับ ผมไม่ได้ว่าเฉพาะผู้หญิงนะ)

ก็จบเรื่องทำไมผู้หญิงถึงชอบ bad boy ด้วยประการฉะนี้นะครับ   

ป.ล.นี่เป็นเรื่องของการดึงดูดเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระยะยาวนะครับ

 

 

“ทำไมผู้หญิงถึงชอบ Bad Boy”
คอลัมน์ “จักรวาลแห่งความรัก ดาวเคราะห์แห่งความเหงา”
โดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์
Hug magazine ปีที่ 12 ฉบับที่ 5
ปก: แจ๊คกี้-ชาเคอลีน มึ้นช์

 


LonLon Local Diner : นิยามใหม่ของร้านข้าวต้มกุ๊ย

LonLon Local Diner : นิยามใหม่ของร้านข้าวต้มกุ๊ย

เมื่อได้ยินคำว่า “ข้าวต้มกุ๊ย” หลายคนอาจนึกถึงอาหารธรรมดาที่คุ้นเคย และหาทานได้ง่ายตามริมทาง แต่ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวจนต้องเสียเหงื่อ คนส่วนใหญ่จึงมักกินข้าวต้นกุ๊ยในมื้อเย็น ฉบับนี้ซารังขอชวนแฟนแฟนและคุณผู้อ่านที่น่ารักไปกินข้าวต้มกุ๊ยในบรรยากาศสไตล์สแกนดิเนเวียสุดเก๋ ณ Lon Lon Local Diner ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูข้าวต้มกุ๊ยในห้องแอร์เย็นฉ่ำทั้งเช้าและเย็น ต่างจากร้านข้าวต้มที่คุณคุ้นเคย การเดินทางนั้นแสนง่ายเพียงนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสลงสถานีช่องนนทรีทางออก 4 แล้วเดินเข้าซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 3 ร้านตั้งอยู่ใต้ตึกโรงแรม Trinity Silom ค่ะ

 

โซนบาร์ที่จัดเป็นห้องส่วนตัว

 

หากดูจากด้านนอกคงคิดว่าเป็นร้านเล็กๆ แต่ภายในกลับมีพื้นที่กว้างขวาง เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับโซนบาร์ที่แยกเป็นห้องส่วนตัว ตกแต่งด้วยโทนสีชมพูอ่อนและน้ำเงินตัดกันอย่างลงตัว ส่วนด้านในตกแต่งด้วยโทนสีขาว มีไฟสีนวลตาสลัวๆ บรรยากาศแสนอบอุ่น ผนังและเสามีลูกเล่นคล้ายกับลอนคลื่นคล้ายลอนสังกะสีอันเป็นที่มาของชื่อร้านนั่นเอง

 

ผนังและเสาที่มีลูกเล่นคล้ายกับลอนสังกะสี

 

โซนที่มีของที่ระลึก น่ารักขาย

 

จุดเริ่มต้นของร้านข้าวต้มกุ๊ยสไตล์สแกนดิเนเวียแห่งนี้ คือการนำวัฒนธรรมของชาวตะวันตกที่มีร้าน Diner อยู่ริมทาง มาดัดแปลงเป็นร้านในสไตล์เฉพาะตัว ทำให้การกินข้าวต้มกุ๊ยร่วมกันนั้นสนุกกว่าเดิมและไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ส่วนเฟอร์นิเจอร์นั้นผสมผสานทั้งของเก่าและใหม่ มีทั้งโต๊ะกลมให้นั่งล้อมวงกันอย่างใกล้ชิด หรือหากใครพาคนพิเศษมาก็สามารถนั่งพูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปและมุมขายของที่ระลึกเล็กๆ ไว้ต้อนรับด้วย

 

 

แม้จะเป็นข้าวต้มกุ๊ยธรรมดา แต่รสชาติอาหารนั้นเข้มข้นด้วยวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ สามารถสั่งเมนูอาหารเป็นเซ็ตหรือเป็นจานรวมก็ได้ และมีข้าวต้มหรือข้าวสวยที่ให้เลือกตามความชอบ พร้อมเครื่องเคียงมากมายที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้เข้ากันได้ดีกับอาหารจานหลัก 

เริ่มจากเซ็ต ต้มแซ่บพะโล้น่องเป็ด เสิร์ฟคู่กับข้าวสวย น่องเป็ดเนื้อนิ่มชิ้นใหญ่ที่นำไปต้มกับน้ำพะโล้รสแซ่บ เปรี้ยวเผ็ด ใครที่ชอบซดน้ำซุปร้อนๆ คล่องคอต้องสั่ง กินคู่กับกุนเชียงและไชโป๊วผัดไข่ช่วยดับความเผ็ดได้ดี

 

ต้มแซ่บพะโล้น่องเป็ด

 

เมนูถัดไปที่แฟนแฟนสั่งคือ ผัดพริกแห้งก้านเห็ดถั่วแขก กับข้าวต้มร้อนๆ ถั่วแขกที่นำไปผัดกับขาเห็ดหอมสับและพริกแห้ง กินคู่กับเต้าหู้ดำนิ่มๆ ที่ต้มกับน้ำพะโล้และน้ำส้มรสเปรี้ยวในหม้อดินนาน 3 วัน 3 คืน กินกับเกี่ยมฉ่ายน้ำมันงา นับเป็นคู่หูที่อร่อย กลมกล่อม เหมาะกับคนที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ค่ะ

 

ผัดพริกแห้งก้านเห็ดถั่วแขก

 

อีกเมนูที่อร่อยมากจนอยากสั่งเพิ่มอีกจานคือ ปูนิ่มผัดพริกเกลือ ปูนิ่มทอดกรอบผัดกับเครื่องเทศกลิ่นหอม รสชาติ เข้มข้นมาก ใครชอบทานเผ็ดซารังขอบอกว่าต้องลอง เป็นอีกเมนูที่พลาดแล้วจะเสียใจ

 

ปูนิ่มผัดพริกเกลือ

 

ถัดมา ไอศกรีมกะทิงาดำส้มสด ไอศกรีมกะทิผสมกับงาดำ รสชาติเค็มๆ มันๆ มีกลิ่นหอมของงาดำ ท็อปด้วยผิวส้มและส้มสดเพื่อตัดเลี่ยน กินคู่กันขอบอกว่าอร่อยมาก

 

ไอศกรีมกะทิงาดำส้มสด

 

อีกเมนูหนึ่งที่ใครชิมแล้วต้องติดใจกับ ไอศกรีมกะทิเค็มซอสคาราเมล รสชาติหวานมัน ไม่เลี่ยนจนเกินไป ท็อปด้วยบิสกิตกรุบกรอบเพิ่มความอร่อย ยิ่งกินยิ่งติดใจ แม้แต่ซารังที่กำลังอยู่ในช่วงลดความอ้วนก็กินจนเกลี้ยง

 

ไอศกรีมกะทิเค็มซอสคาราเมล

 

ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยเครื่องดื่ม เสาวรสโมจิโต้ ม็อคเทลเสาวรสผสมกับโซดา ท็อปด้วยเนื้อเสาวรส ดื่มแล้วสดชื่น เปรี้ยวจี๊ดถึงใจ อีกแก้วสำหรับคุณแฟนคือ สละลอยแก้ว ที่ทางร้านดัดแปลงจากขนมหวานมาเป็นเครื่องดื่ม ท็อปด้วยเนื้อสละ รสหวานซ่อนเปรี้ยว ดื่มได้เรื่อยๆ ทั้งนี้ หากใครอยากลองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ก็สามารถสั่งได้เพราะทางร้านมีเมนูแปลกใหม่พร้อมเสิร์ฟอีกเพียบ

 

เสาวรสโมจิโต้

สละลอยแก้ว

ถือว่าวันนี้ซารังและแฟนแฟนได้พาคุณมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ของร้านข้าวต้มกุ๊ยแบบเก๋ๆ ถึงใครต่อใครอาจมองว่าเป็นอาหารธรรมดาที่เข้าถึงง่าย แต่รับรองว่า หากคุณมีโอกาสมาเยือน รับรองว่าสิ่งที่คุณจะได้รับอย่างแน่นอนคือ ความอร่อยที่อัดแน่นด้วยคุณภาพ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ในราคาเป็นมิตร เหมาะแก่การใช้เวลาแห่งความสุขร่วมกับคนที่คุณรักจริงๆ

 

Lon Lon Local Diner

เปิดทุกวัน 11.30-14.30 น. และ 17.30-22.00 น.

ตั้งอยู่ ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 3 ถนนสีลม

Facebook: lonlonlocaldiner


Toxic People: 4 ประเภทของคนที่ไม่น่า “รัก”

 

ไม่ว่าใครก็อยากมี “รัก” บางคนขวนขวายตามหาแต่กลับไม่เจอ บางคนมีแล้วมีอีกก็จบแบบเจ็บๆ ทุกครั้ง แล้วคนประเภทไหนกันที่เราไม่ควรคบเป็น “คนรัก” ฉบับนี้เจ้าความรักหาข้อมูลมาแบ่งปันว่าลักษณะโดยรวมของ toxic people   เป็นอย่างไร หรือคนแบบไหนที่เราควรหลีกเลี่ยง

 

___________________________________________________________________________________________________________

 

1. นิยมดราม่า

ใช้อารมณ์เยอะในการดำเนินชีวิต อินกับทุกเรื่อง หัวร้อนกับเรื่องต่างๆ ง่าย

ประหนึ่งเป็นเรื่องของตัวเอง แต่มนุษย์ประเภทนี้มักไม่ฟังใครทั้งนั้นเขาแค่อยาก

บ่น ไม่สนใจหรอกว่าคุณอยากช่วยแก้ปัญหาหรือไม่ เพราะการหมกมุ่นอยู่กับ

ปัญหาทำให้ตัวเขาเองดูสำคัญ เขาไม่ได้อยากแก้ บอกเลยว่าอยู่กับคนแบบนี้

มีแต่เหนื่อยกับเหนื่อย

 

 

 

2. อวดว่าตัวเองเก่ง

มนุษย์ประเภทนี้มักวางข้อหรืออวดดี เก่งทุกด้าน รู้ทุกเรื่อง คุณต้องแยกให้ออก

ระหว่างผู้รู้กับคนอวดรู้ มนุษย์จำพวกนี้อวดอ้างได้แม้กระทั่งอาหารการกิน

ในแต่ละวัน เพื่อให้คนอื่นอวยตัวเอง พฤติกรรมนี้มักมาพร้อมกับการดูถูกคนอื่น

ว่ารู้น้อยกว่า รวยน้อยกว่า ถ้าต้องใช้ชีวิตกับคนอวดแบบนี้เราจะมีความสุขเหรอ

 

3. นิยมความรุนแรง

ความรุนแรงในที่นี้ไม่เฉพาะการทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่หมายรวมถึงการทำร้าย

จิตใจด้วยถ้อยคำรุนแรง ใช้เสียงดังข่มขู่ ลองดูรอบๆ ตัวสิว่ามีใครบ้างที่ชอบพูด

เสียงดังเพื่อข่มอีกฝ่าย บางครั้งก็ใช้คำหยาบคายเพื่อแสดงให้รู้ว่าตัวเองมีอำนาจ

มากกว่า ขอเตือนว่าอยู่ให้ห่างจากคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้เถอะ!

 

 

4. ขี้โกหก

อย่าคิดว่าการโกหกเป็นเรื่องเล็กน้อย ถึงแม้จะโกหกด้วยความจำเป็น

หรือความหวังดี แต่นั่นก็คือการไม่พูดความจริง คนที่โกหกบ่อยๆ

ย่อมขาดความน่าเชื่อถือจนส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้วยเช่นกัน

ในฐานะแฟนคุณจะคบกันด้วยความหวาดระแวงไปทั้งชีวิตได้เหรอ

บอกเลยว่าทนไม่ได้แน่นอน


ทำไมถึงเจ็บซ้ำๆ กับคนแบบเดิม

ทำไมเราถึงชอบตกหลุมรักคนนิสัยเดิมๆ แล้วมักลงเอยด้วยความผิดหวังซ้ำซาก

กี่คนแล้วที่มักผิดหวังกับความรักแบบเดิมๆ และไม่ว่าเขาจะต้องเจ็บกับคนแบบนี้มากี่ครั้ง

เขาก็ยังตกหลุมรักคนแบบเดิมอย่างไม่รู้จักจำ

ผมแน่ใจว่าคุณต้องมีเพื่อนที่ชอบผู้ชายเจ้าชู้แล้วต้องทนเจ็บซ้ำๆ แม้ว่าจะเลิกกันไป เพื่อนของคุณก็ยังไปคบผู้ชายคนใหม่ที่แสนเจ้าชู้เหมือนเดิม ดีไม่ดีตอนนี้คุณอาจจะเป็นคนคนนั้นอยู่ก็ได้ ใช่มั้ยครับ?

 

  • เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง วันนี้ผมมีทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง

 ทฤษฎี Imago Theory จาก ฮาร์วิลล์ เฮนดริกซ์ (Harville Hendrix) นักจิตวิทยาชาวอเมริกันอธิบายว่า ทุกคนมีภาวะพร่องทางจิตใจบางด้านที่ไม่ได้ถูกเติมเต็มในวัยเด็ก เมื่อโตขึ้นด้านนั้นก็ยังคงอยู่ และเราจะถูกคนที่มีด้านที่เราขาดดึงดูดโดยไม่รู้ตัว เช่น เราเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง เราจึงมักชอบคนที่มั่นใจในตัวเองสูง

"ฉันชอบเขา เพราะเขามีสิ่งที่ฉันไม่มี เขาทำในสิ่งที่ฉันทำไม่ได้"

ระหว่างที่เราตกหลุมรัก ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนหลายชนิด เราจึงมองเห็นแต่ข้อดีของสิ่งที่เราพร่องในตัวของอีกคนหนึ่ง (เช่น เราอาจจะปิ๊งคนที่มั่นใจในตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเขามีอิสระ ในขณะที่เรากลับเป็นคนที่ตามใจคนอื่นจนขาดความเป็นตัวของตัวเอง)

แต่เมื่อช่วงเวลาตกหลุมรักหรือช่วงโปรฯ ผ่านพ้นไปแล้ว เราจะเริ่มเห็นข้อเสียของสิ่งที่เราพร่องชัดเจนขึ้น ถ้าเราชอบคนที่มั่นใจในตัวเองสูง เราก็จะเริ่มเห็นว่าคู่ของเรานั้นไม่รับฟังเราเลย

เราจะเริ่มทะเลาะกับแฟนด้วยเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ และพฤติกรรมที่เขาแสดงออกเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้ คุณจะเริ่มรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป (หากถามเขาก็จะบอกว่า เขาก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว)

คุณอยากให้เขาเปลี่ยน! แน่นอนว่าเขาก็ไม่ยอมเปลี่ยน เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเป็นมาทั้งชีวิต

หลายคนยุติความสัมพันธ์ด้วยการแยกทางกัน แต่เป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อเราเริ่มมองหาคู่ใหม่ ระบบจิตใต้สำนึกเดิมๆ ของเราก็ทำงานอีกครั้ง ลงท้ายกลายเป็นการย้อนรอยเรื่องราวเดิมๆ เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้นเอง


"สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าสิ่งที่คุณพร่องไปคืออะไร และคุณจะเติมเต็มสิ่งนั้นด้วยตัวเองได้อย่างไร หรือพูดคุยขอความช่วยเหลือจากคู่ของคุณ"

 

การที่เราสามารถเติมเต็มสิ่งที่เราขาดด้วยตัวเราเองได้ จะช่วยลดความต้องการ ความคาดหวัง การเรียกร้องของเราจากอีกฝ่าย ส่งผลให้สัมพันธภาพระหว่างเรากับคู่ไม่ตึงเครียด มีความสบายมากขึ้น และเมื่อเรากำลังหาคู่คนใหม่ เราก็จะมองหาคนในลักษณะแบบเดิมน้อยลง เนื่องจากส่วนที่เราขาดนั้นได้รับการเติมเต็มแล้ว

เพียงเท่านี้ คุณก็จะแฮปปี้ขึ้นไม่ว่าจะเป็นชีวิตคู่หรือชีวิตโสดครับ!

 

อ้างอิง

- Love: The Psychology of Attraction by Leslie Becker-Phelps

- http://www.livinginhealthyconnection.com/about-imago.html

 

ขอบคุณบทความจาก : นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์