อาจเป็นเพราะความเข้ากันได้ดีและความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กัน ทั้งสองจึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่บนถนนสายความรักในรูปแบบคู่ชีวิต ที่แม้ระยะทางหรือวันเวลาก็ไม่ใช่เงื่อนไขสำคัญใดๆ


คำอธิษฐานถึงพระเจ้า

คนส่วนใหญ่กว่าจะตกลงปลงใจใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน สิ่งสำคัญคือต้องใช้เวลาคบหาดูใจกันนานแรมปี เพื่อสร้างความมั่นใจ รอเวลาให้รักสุกงอม และพร้อมใช้ชีวิตคู่ แต่ความรักของนางเอกสาว แนท-ณัฐชา และหนุ่มเป๊ก-รัฐภูมิ นั้นเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาสั้นๆ ทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า มีพระเจ้าเป็นผู้ช่วยนำทางความรัก

แนทบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสดใสถึงจุดเริ่มต้นว่า ทั้งสองเจอกันที่เกาะสมุยผ่านการแนะนำของเพื่อนสนิท แต่ครั้งนั้นยังไม่ได้สานสัมพันธ์มากกว่าคนรู้จัก เมื่อวันเวลาล่วงพ้นไปเกือบปีจึงมีโอกาสกลับมาพบกันอีกครั้ง ช่วงเทศกาลสงกรานต์เลยได้ทำความรู้จักกันมากยิ่งขึ้น “พี่เป๊กเริ่มจีบแนทก่อน เขาถามว่าอยากรู้จักกันมากกว่านี้ไหม ตอนนั้นเป็นช่วงที่แนทยังไม่พร้อมตัดสินใจอะไร เลยบอกเขาว่าคุยกันก็ได้เพราะไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง” ด้านหนุ่มเป๊กกล่าวเสริม “เราทำทุกอย่างแบบที่ไม่มีอะไรแอบแฝง เราจริงใจ มาด้วยความหวังดี นั่นอาจทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่เหมือนคนอื่น ผมมองว่าถ้ามีใครคนหนึ่งตั้งใจเข้ามาหลอก แนทคงสัมผัสได้ อีกอย่างหนึ่งคือเราชอบพาเขามาเจอเพื่อนๆ ที่โบสถ์ แล้วพาไปรู้จักพระเจ้าด้วย”

ในช่วงต้นความสัมพันธ์ดำเนินไปในทิศทางที่ดี โดยผ่านเรื่องราวของศาสนาคริสต์ซึ่งเข้ามามีบทบาทในชีวิตรัก เขาและเธอเห็นตรงกันว่าพระเจ้าเป็นผู้มอบโอกาสให้พวกเขาได้พบกับความรักที่ตามหามาตลอด แนทอธิบายด้วยแววตาเป็นประกายว่า “แนทนับถือคริสต์มาตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่ได้เคร่งมาก ช่วงแรกๆ เรายังไม่ชอบพี่เป๊ก ด้วยว่าเขาเป็นคนรักพระเจ้ามากแล้วเราเข้าไม่ถึง อย่างเช่น ตอนเราขึ้นรถมาด้วยกันเขาก็เปิดเพลงนมัสการ แต่หลังจากนั้นประมาณสองอาทิตย์ จู่ๆ เราก็นึกถึงที่เขาเคยพูดกับเราว่า ‘พระเจ้ามีจริงนะ ถ้าไม่เชื่อก็ลองอธิษฐาน’ แนทจึงตั้งใจอธิษฐานว่า ถ้าพระเจ้ามีจริง ลูกอยากเจอความสุขที่โลกให้ไม่ได้ และอยากพบกับความรักที่แท้จริง ถัดมาไม่กี่วันแนทรู้สึกแปลกๆ แถมมีหน้าพี่เป๊กผุดเข้ามาในความคิด รู้สึกอยากคุยกับเขา เปลี่ยนไปจากตอนแรกที่ไม่ได้รู้สึกอะไร เราเลยโทร.กลับไปคุยกันใหม่ประมาณ 1 เดือนก่อนตกลงเป็นแฟนกัน”

เมื่อเจอคนที่ใช่ก็ไม่ต้องรอ

แม้จะคบหาดูใจกันมาเพียง 4 เดือนก่อนเข้าสู่ประตูวิวาห์ แต่สำหรับคู่รักคู่นี้อาจกล่าวได้ว่า หากเจอคนที่ใช่และนิสัยใจคอเข้ากันได้ดีแล้วจะมัวรีรออยู่ทำไม หนุ่มเป๊กเล่าถึงประเด็นนี้ว่า “สิ่งสำคัญคือเมื่อเจอกันต้องไม่พยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นคนแบบอื่นเพื่อเอาใจกัน ผมไม่ได้ฝืนอะไร สมมติว่าผมเจอผู้หญิงที่ไม่ตรงสเป็ก แต่พยายามเปลี่ยนทุกอย่างให้ตรงตามสเป็กที่วางไว้ ถ้าเป็นแบบนั้นคงคุยกันได้ไม่นาน แต่เมื่อเจอผู้หญิงในแบบที่เราชอบ ลำดับต่อมาคือการแต่งงาน ถ้าใช้ชีวิตร่วมกันได้โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากแล้วดี ชีวิตหลังแต่งงานย่อมดำเนินต่อไปได้ ไม่ต้องมากขึ้นหรือน้อยลง” สาวแนทให้ความเห็นคล้ายกันว่า “หลังจากคุยกับพี่เป๊กสักพักแล้วแนทอธิษฐาน แนทรู้สึกว่าอยากแต่งงาน แต่เรื่องนี้ก็เป็นความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากมีชีวิตครอบครัวที่ดี พออธิษฐานได้เพียงอาทิตย์เดียว พี่เป๊กก็บอกว่า ‘เราแต่งงานกันเลยดีกว่า’ ตอนนั้นแนทไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย เราเชื่อมั่นในตัวพี่เป๊กมากๆ รู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายคนนี้

เพราะแนทและเป๊กนับถือศาสนาคริสต์ การแต่งงานจึงเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตของชาวคริสเตียน ฝ่ายเจ้าบ่าวเล่าว่า “ผมเป็นผู้นำและดูแลประกาศเรื่องราวของพระเจ้า พระเยซูคริสต์ ถ้าผมได้คุยกับใครแล้วทำให้พระเจ้าเสื่อมเสีย ผมจะไม่ทำ เมื่อรักกันก็ต้องแต่งงานกันให้ถูกกฎที่พระเจ้าตั้งไว้ ถ้าผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันก็แต่งงาน ไม่ใช่คบกันไม่นานก็เลิกรา การแต่งงานของชาวคริสเตียนไม่ได้เหมือนการสัญญาเพียงแค่กับมนุษย์ที่รักปีนี้ ปีหน้าอาจเลิก แต่ยังเป็นการแต่งงานที่สัญญากับพระเจ้า เลิกไม่ได้ และเป็นพิธีที่สำคัญกว่าการจดทะเบียนสมรส เรื่องที่จะทำให้เราเลิกกันได้คือเขาหรือผมมีชู้ เวลามีปัญหากันผมกล้าพูดได้ว่าผมจะไม่บอกว่า ‘เลิกกันเถอะ’ ถ้าผมโมโหหรือโกรธผมจะนิ่งจนถึงที่สุด ข้อดีของการเป็นคริสเตียนคือ เมื่อโกรธกัน เราจะมีพระเจ้าอยู่ตรงกลางเสมอ”

 

รักคือแสงสว่างแห่งชีวิต

เมื่อมีพลังความรักที่พระเจ้ามอบให้มาหล่อเลี้ยงและเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต สาวแนทซึ่งเคยเป็นโรคซึมเศร้าจึงเปลี่ยนเป็นคนใหม่อีกครั้ง เธอบอกเล่าถึงความรู้สึก ณ ช่วงเวลานั้นด้วยน้ำตาคลอว่า “แนทรู้สึกว่าเราเหมือนต้นไม้ที่กำลังจะตาย ตอนนั้นเป็นโรคซึมเศร้า อาการหนักมาก รู้สึกว่าตัวเองหมดพลัง สิ่งเดียวที่ทำให้แนทมีชีวิตอยู่ต่อได้คือพ่อกับแม่ เราต้องอยู่เพื่อดูแลเขา ยอมรับว่าเราไม่ค่อยมีความสุขกับชีวิต กระทั่งมาเจอพี่เป๊ก จากต้นไม้ที่กำลังจะตาย เขาเปรียบเหมือนแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่ทำให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เวลาที่เขาอยู่ใกล้ๆ แม้ไม่พูดอะไรแต่โลกกลับสว่างไสว

ความรักของเขาไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตเธอ แต่ยังเปลี่ยนความคิดในการใช้ชีวิตคู่ด้วย “เมื่อก่อนเรารักใคร ก็จะรักเขาในแบบที่เราคิดว่า ฉันจะต้องแต่งงานกับคนที่ทำงานเก่ง มีอนาคต เป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ แต่พี่เป๊กทำให้แนทรู้ว่าความรักจริงๆ ไม่ใช่แค่นั้น แต่เหมือนคำสอนที่พระเจ้าบอกว่า ความรักต้องไม่ขึ้นกับผลประโยชน์ ต้องไม่คิดว่าเขาหล่อหรือเขาทำดีกับเรา แต่ความรักสำหรับแนทคือ แนทไม่ได้มองถึงข้อไหนเลย ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงเราก็รัก อยากดูแล อยากอยู่ข้างๆ แค่นั้นเอง”

เมื่อถามถึงชีวิตคู่หลังแต่งงาน ทั้งคู่ตอบเหมือนกันว่า เรามีไลฟ์สไตล์และชอบอะไรคล้ายกัน เช่น อาหารการกิน การท่องเที่ยว จึงไม่ค่อยมีปัญหาหรือต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก มีเพียงเรื่องเวลาการทำงานและอารมณ์ความรู้สึก สามีหนุ่มเล่าว่า “มีปัญหาบ้างเรื่องเวลาที่ใช้ร่วมกัน เพราะเราทั้งคู่ต่างทำงาน บางทีอาจแยกบ้านนอน แต่พอไม่มีงานก็อยู่ด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีเรื่องอารมณ์ ความหงุดหงิด สำหรับผมถ้าโมโหจะไม่ค่อยพูด” ส่วนภรรยาสาวแสนสวยหันไปยิ้มให้สามีก่อนบอกว่า “สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความรู้สึกว่า เราแต่งงานแล้วนะ เราไม่ใช่แค่แฟนกัน นับจากนี้เราคือคนคนเดียวกัน ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนแนทเจอกับพี่เป๊ก เราค่อนข้างดื้อ มองเฉพาะในมุมของตัวเอง ไม่ค่อยได้อยู่ในโลกของคนอื่น ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยได้ไปไหน หลังจากแต่งงานเรื่องไหนที่ปรับเพื่อเขาได้ก็ทำ เพื่อให้เราใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่เราสองคนค่อนข้างเป็นขั้วบวก ขั้วลบ ไม่มีอะไรที่ต้องฝืนเลย ใจเย็น และแทบจะไม่เคยทะเลาะหรือพูดไม่ดีกันเลย”

ส่วนวิธีดูแลซึ่งกันและกันให้หวานชื่นเสมอต้นเสมอปลายนั้น ภรรยาสาวยิ้มกว้างก่อนตอบว่า “แนทเป็นสาวหวาน (หัวเราะ) เวลาเขาทำงานหนักหรือเหนื่อย แนทชอบเข้าไปอ้อน ไปเล่นด้วยไม่ให้เขาเครียด เราบอกรักกันบ่อย แนทชอบดูแลเขา เช่น เขาอยากกินอะไรหรือไม่สบายก็คอยดูแล” เมื่อพูดจบภรรยาสาวหันไปจับมือสามีหนุ่มอย่างอบอุ่น ส่วนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกายตอบว่า “ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ก็ดูแลเหมือนเดิมทุกอย่าง น้องอยากทำอะไรก็พาไป มีบ้างที่ผมซื้อของสำคัญแทนใจให้ แต่แนทเขาไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมชอบเขาคือ เขาเป็นคนไม่ยึดติดวัตถุนิยมหรือของแบรนด์เนม เขาเป็นคนเรียบง่ายจริงๆ ไม่ได้ต้องการสิ่งของอะไรมากมาย แต่เขาต้องการความรัก ความดูแลเอาใจใส่มากกว่า” ส่วนปัญหาในชีวิตคู่นั้นมักเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาผู้หญิง เช่น อารมณ์แปรปรวนเวลามีประจำเดือนแล้วเศร้าหรือน้อยใจได้ง่ายเท่านั้นเอง

มองมุมใหม่ในเรื่องรัก

กว่าที่ความรักจะสุขสมหวังเช่นนี้ได้ ชีวิตต้องผ่านบททดสอบมากมาย เราจึงขออนุญาตถามสาวแนทถึงประสบการณ์รักที่ผ่านพ้นไป เธอเล่าว่า “บทเรียนจากความรักสอนเราตั้งแต่เรื่องการเลือกคบคน ไม่ว่าเจอกับเรื่องอะไรมาเราก็เก็บไว้เป็นบทเรียน แนทเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก เมื่อมีความรักจึงรักและทุ่มเทแบบสุดหัวใจ ต่อให้เขาเป็นคนไม่ดี เราก็พยายามมองหาแง่ดี กลายเป็นว่าบางครั้งเราไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบที่เราคิดหรือเปล่า และบางครั้งสิ่งที่เรามองในแง่ดีเกินไปนั้นย้อนมาทำร้ายตัวเองให้ผิดหวังซ้ำๆ เพราะฉะนั้นจึงเป็นบทเรียนสอนเราว่า คนแบบนี้มีในโลกนะ เราต้องระวังตัวเองมากขึ้น พอเราเริ่มโต ประสบการณ์ทุกอย่างจะสอนเราให้ป้องกันตัวมากขึ้น แล้วเรียนรู้ว่าคนแบบไหนเป็นคนดี”

จริงอยู่ที่บ่าวสาวคู่นี้คบหาและเข้าสู่พิธีวิวาห์กันในระยะเวลาอันรวดเร็วหากเทียบกับคู่อื่นๆ แล้วเรื่องใดที่ทำให้ทั้งคู่ประทับใจซึ่งกันและกันบ้าง สาวแนทบอกว่า “จริงๆ เราไม่ได้มีเรื่องอะไรหวือหวา แต่ประทับใจทุกอย่างที่เป็นเขา ทุกวันนี้แนทไม่ต้องการอะไรแล้ว มีความสุขมาก ขอแค่มีพี่เป๊กอยู่ในชีวิตแบบนี้ก็พอแล้ว” สามีเสริมว่า “ผมบอกไปหมดแล้ว (หัวเราะ) ผมบอกเสมอว่ามีอะไรให้พูดกันตรงๆ มีอะไรอย่าเก็บไว้ เขาเป็นคนใจอ่อน ไม่ค่อยเป็นห่วงตัวเองเท่าไหร่ อยากให้เป็นห่วงตัวเองบ้าง ดูแลตัวเองให้ดี” ถ้าเป็นเรื่องการดูแลตัวเอง สาวแนทเสริมพร้อมสบตาคุณสามี “อยากให้พี่เป๊กกินน้ำเยอะๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะปวดหัว เวียนหัว เลือดลมไม่ดี เลือดไม่สูบฉีดเพราะกินน้ำน้อย ร่างกายไม่สดชื่นเพราะเขาทำงานหนักด้วย”

 

หลักความรักที่พระเจ้าประทาน

เมื่อจวนเวลาที่การสนทนาครั้งนี้จะจบลง เราจึงขอให้เขาและเธอช่วยนิยามความรักหน่อย ภรรยาสาวบอกว่า “แนทใช้ความรักในการดำเนินชีวิต สำหรับแนทความรักสำคัญที่สุด วันนี้พี่เป๊กคือความรักของเรา เราต้องคิดถึงเขาเสมอและคิดว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข อะไรที่เป็นปัญหาก็พยายามเอาออกไปเป็นการให้ใจ ความรักไม่ใช่การให้สิ่งของ ความรักสำหรับแนทคือการให้ใจในรูปแบบความสุข เราจะหยิบยื่นความสุขและเป็นพลังบวกให้เขาเสมอ เวลาที่พี่เป๊กทำงานหนักมาก เราก็คิดว่าจะทำยังไงให้เขาหายเหนื่อยเมื่ออยู่กับเรา เราจะไม่ให้เขาพาเราไปเที่ยวเพื่อให้เรามีความสุข เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง นั่นไม่ใช่ความรัก เมื่อไหร่ที่เราโยนความต้องการหรือความเห็นแก่ตัวทิ้งไป ความรักจะมีแต่ความสุข เมื่อเราได้เป็นผู้ให้เหมือนที่เรารักเขาเหมือนรักตัวเอง ความรักย่อมไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันเลย”

ฝ่ายหนุ่มเป๊กยิ้มรับและให้ความเห็นว่า “สำหรับผมคือการยอมทุกอย่าง นิยามรักสำหรับผม ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่เป็นการให้สิ่งที่ดีแก่เขา ที่จริงแล้วความรักในนิยามของคริสเตียนคือ ความรักนั้นอดทนนาน ไม่อวดตัว ไม่หยิ่ง ไม่หยาบคาย ฉุนเฉียว ที่สำคัญคือไม่จดจำความผิด ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง ความรักจะเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น และความรักทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ไม่มีทางแย่ลง นี่คือนิยามความรักที่ผมมีและที่พระเจ้ามอบไว้”

นอกจากนี้ สาวแนทและหนุ่มเป๊กยังฝากหลักคิดในความรักไว้ว่า “มีคำสอนมากมายว่า อยากมีความรักที่ดีต้องทำอย่างนี้ ที่บอกว่ารักคือการให้ แค่ฟังมันก็ยากแล้วว่าให้อะไร สำหรับแนทต้องบอกว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากตั้งแต่รู้จักพระเจ้า แนทรักพี่เป๊กจนสามารถเสียสละชีวิตตัวเองให้เขาได้ ถ้าไม่มีความรักของพระเจ้าอยู่ตรงกลางระหว่างเราคงทำไม่ได้แน่นอน แนทอยากให้ทุกคนรู้จักพระเจ้าและตระหนักว่าคำอธิษฐานของเรานั้นทรงพลังและมีจริง เหมือนที่เราต่างอธิษฐานให้กัน คำอธิษฐานของคนรักเป็นพลังที่ส่งถึงกันได้จริง ถ้าอยากสัมผัสกับความรักที่มากกว่ามนุษย์มอบให้กันได้ค่ะ” สาวแนทกล่าวด้วยความจริงใจ

ส่วนหนุ่มเป๊กเห็นคล้ายกับภรรยาสาวว่า “ถ้าอยากรู้จักความรักจริงๆ ให้มารู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้ามีความรัก และนิยามความรักของพระเจ้าคือ God is love love is god. หมายถึงนิยามความรักทุกอย่างที่เราอยากเป็น ความรักจริงๆ เกิดจากการยอมเสียสละบางอย่างเพื่อมอบบางสิ่งแก่ใครอีกคน เหมือนพระเยซูคริสต์ยอมเสียสละตัวเอง ทั้งที่พระองค์เป็นลูกของพระเจ้า แต่ยอมมาเกิดเป็นมนุษย์เพราะเราเป็นคนบาป และแลกเปลี่ยนบางอย่างที่ไม่ควรแลกเพื่อให้เราไม่ต้องตกนรก ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ ทั้งหมดเป็นเพราะพระเจ้ารักทุกคน พระเจ้าเลยส่งพระเยซูคริสต์มาตายแทนเรา เป็นการเสียสละเพื่อให้ผู้อื่นมีความสุขขณะที่ตัวเองสูญสิ้น นี่คือความรักที่พระเจ้ามอบให้”

 

บางทีความรักอาจมาเยือนหัวใจให้ชุ่มฉ่ำ โดยไม่ต้องการเวลาเลยด้วยซ้ำ หากเรามั่นใจและพร้อมก้าวเดินไปด้วยกันบนถนนความรักสายนี้ อาจพบความสุขโบกมือรออยู่ปลายทาง เพียงเริ่มเปิดใจให้กว้างพอ คุณว่ามั้ย?

" สำหรับผมคือการยอมทุกอย่าง นิยามรักสำหรับผม ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่เป็นการให้สิ่งที่ดีแก่เขา"

— เป๊ก-รัฐภูมิ