เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เขานางพันธุรัต

ดินแดนแห่งวรรณคดีไทย

วันหยุดอันแสนพิเศษแวะเวียนมาทักทายเหมือนทุกสัปดาห์ ทริปนี้เลยหนีวิวตึกชวนไปชมวิวภูเขา เดินทางสะดวกสบายเพราะไม่ไกลกรุงเทพฯ นัก จุดหมายปลายทางมุ่งสู่เมือง ‘เขาสวย ทะเลงาม น้ำตาลอร่อย’ จังหวัดเพชรบุรี แต่ไม่ต้องเก็บกระเป๋าให้เหนื่อย เพราะทริปนี้เราไปเช้าเย็นกลับได้ พาไปชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ เติมออกซิเจนให้เต็มปอด แล้วตามหาเจ้าเงาะ ลงชุบตัวในบ่อทอง ตามรอยวรรณคดีเรื่อง สังข์ทอง ที่วนอุทยานเขานางพันธุรัต

เราลุกจากที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่ แต่งตัวตามสบายเดินตัวปลิวออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปตามเส้นทางสู่ภาคใต้บนถนนสายเพชรเกษม วิวสองข้างที่มีแต่ตึกก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทุ่งนา ภูเขาใหญ่เริ่มปรากฏให้เห็นระหว่างทางเป็นระยะ รถวิ่งแยกจากถนนหลวงอันขวักไขว่เข้าสู่ถนนลาดยางเส้นเล็กๆ สองข้างทางเต็มไปด้วยผืนนาและต้นตาล ขุนเขาทะมึนดูคล้ายผู้หญิงตัวใหญ่กำลังนอนหลับ สอดคล้องกับตำนานของชาวเพชรบุรีและวรรณคดีเรื่องสังข์ทอง ตอนนี้เราค่อยๆ ขยับเข้าใกล้เขานางพันธุรัต แม่บุญธรรมของพระสังข์แล้ว

 

 

วนอุทยานเขานางพันธุรัต ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ที่นี่มีภูเขาลูกหนึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของชาวเรือ ใช้เป็นจุดบอกเขตว่าได้มาถึงชะอำแล้ว ต่อมาภูเขาลูกนี้กลายเป็นพื้นที่สัมปทานระเบิดหินของเอกชน จนเมื่อในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์ผ่านมาและทอดพระเนตรเห็นความเสียหายจากการระเบิดหิน จึงทรงขอให้ยุติการทำสัมปทานระเบิดหิน กรมป่าไม้จึงได้ฟื้นฟูธรรมชาติและจัดตั้งเป็นวนอุทยานแห่งชาติเขานางพันธุรัต ปัจจุบันผืนป่ากลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจอันมีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี

 

ด้วยภูเขามีความสูงกำลังดีเหมาะที่จะไต่ขึ้นไปชมความงามซึ่งธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้ ทางอุทยานฯ จึงจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติแบบพอเพียงมากประมาณ 3.5 กิโลเมตร ในเส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้ เราจะได้เพลิดเพลินกับเรื่องเล่าของนางพันธุรัตและพระสังข์ เมื่อครั้งที่พระสังข์แอบไปเที่ยวเล่น แล้วได้รู้ความจริงว่านางพันธุรัตน์เป็นยักษ์ จึงแอบชุบตัวและขโมยชุดเจ้าเงาะหนีไป นางพันธุรัตเลยตรอมใจตายและล้มลง จนกลายมาเป็น “เขานางพันธุรัต” หรือเขานางนอนที่ชาวบ้านเรียกกันจนติดปากนั่นเอง

 

พอถึง 8 นาฬิกาก็ได้เวลาเริ่มออกผจญภัย ร่มเงาของเขาหินปูนลูกใหญ่ปกแผ่ทั่วบริเวณ แสงแดดพาดผ่านยอดเขารูปทรงแปลกตาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า จากนี้ให้เรานึกภาพว่าตัวเองเป็นพระสังข์ กำลังเข้าไปในเขตหวงห้ามของนางพันธุรัต เส้นทางช่วงแรกเป็นบันไดปูนที่ค่อยๆ พาเราไต่ขึ้นไปทีละขั้นๆ สุดทางบันไดกลายเป็นทางดินที่ถูกย่ำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนพื้นราบเรียบ ตลอดเส้นทางเดินเราได้พบสิ่งของและสถานที่ตามวรรณคดีที่นางยักษ์พันธุรัตซุกซ่อนเอาไว้ เช่น กระจกนางพันธุรัต บ่อพระสังข์ ลานเกือกแก้ว เมรุนางพันธุรัต คอกช้างที่ตั้งชื่อตามเนื้อเรื่อง สภาพป่าที่ฟื้นฟูสู่ความอุดมสมบูรณ์ เส้นทางเดินลัดเลาะผ่านป่าเขา แต่ละก้าวที่เหยียบบนพื้นดินขรุขระ พฤกษานานาพรรณ ในเขตเขาหินปูนนี้ บางต้นก็คุ้นเคย บางต้นก็ดูแปลกตา จนต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ เก็บไว้ถามผู้รู้เมื่อออกจากที่นี่ ยิ่งเดินก็ยิ่งสนุก

จากป่าที่เขียวทึบค่อยๆ เปลี่ยนเป็นป่าโปร่ง ต้นไผ่สีทองยืนไหวเอน สายลมพัดมาเอื่อยๆ พอให้เหงื่อที่ซึมผิวกายค่อยๆ แห้งไป แล้วเส้นทางเริ่มลาดชัน ต้นไม้เริ่มน้อยลง กลายเป็นก้อนหินรูปทรงตะปุ่มตะป่ำ จึงต้องใช้ทักษะการปีนป่ายและทรงตัวมากเป็นพิเศษ เพราะถ้าไม่ระวังก็อาจลื่นหกล้มเจ็บตัวได้ เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ในที่สุดเราก็ไปถึงจุดชมวิวโคกเศรษฐี จุดสูงสูดของเขานางพันธุรัต บริเวณตรงนี้ทางอุทยานได้จัดทำลานกว้างขวางไว้ให้นักท่องเที่ยวได้นั่งพักผ่อนเสพบรรยากาศรอบข้าง แนวหินปูนเป็นสันโค้งทอดตัวยาว ดุจดั่งประติมากรรมที่ธรรมชาติได้มอบไว้ให้มนุษย์ชื่นชม จากตรงนี้สามารถดื่มด่ำทิวทัศน์ได้ทั้งทะเลของเมืองชะอำ หมู่บ้านและทุ่งนาเขียวขจี เสียงนกร้อง เสียงลมพัดผ่าน ราวกับว่าเวลานี้กำลังลอยอยู่บนสรวงสวรรค์

เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งแสงแดดเริ่มร้อนระอุ เป็นสัญญาณบอกว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว ที่จะต้องบอกลายอดเขานางพันธุรัต จากจุดชมวิวทุ่งเศรษฐีสู่พื้นข้างล่าง เป็นทางบันไดเดินได้อย่างสะดวกสบาย ใช้เวลาเพียงไม่นานเราก็กลับลงมาได้อย่างไม่อยากเย็น

 

ถ้าเบื่อวิวตึกเมื่อไหร่ลองออกไปหาเส้นทางใหม่ๆ สัมผัสรสชาติของชีวิตในอีกรูปแบบ บางครั้งการพักผ่อนก็มาในรูปแบบการได้ชื่นชมธรรมชาติและสิ่งรอบๆ ตัว แล้วถ้าทริปหน้ายังไม่มีแพลนจะไปไหน ลองเดินเข้าป่าดูสักครั้ง แล้วจะติดใจโดยไม่รู้ตัว

HUG MAGAZINEปีที่13 ฉบับที่ 5พาหัวใจไปเที่ยว