0.0001 ของความรัก

 

     เขาทราย กาแล็คซี่ หรือ สุระ แสนคำ ตำนานราชากำปั้นระดับโลก เจ้าของฉายา “ซ้ายทะลวงไส้” ผู้ทำให้ยวดยานบนท้องถนนเมืองไทยถึงกับบางตาในทุกครั้งที่ขึ้นสังเวียน จนสังเวียนสุดท้ายที่เขายอมพ่ายแพ้โดยดี ตั้งแต่ในวันที่ได้สบตากับ หนึ่ง-วรรณภา ขำบุญศรี ในร้านอาหาร ด้วยความบังเอิญที่พระพรหมลิขิตไว้ มันจึงเป็น 0.0001% ซึ่งทำให้สาวที่เท้าติดปีกเสมอ มาพบเจอกันกับเขา ในมุมหนึ่งของโลกใบนี้

 

 

เกลียดอะไรมักได้อย่างนั้น

     “พ่อเป็นครูสอนพละ แล้วชอบมวยมาก เป็นแฟนคลับเขาทรายมานาน แต่เราจำเขาไม่ได้ จำได้แต่นักร้องในสมัยนั้นที่ติดตามผลงานอยู่ ส่วนมวยนั้นไม่ชอบ เกลียดมาก บอกพ่อว่าดูไปได้ไง ป่าเถื่อน”

      เริ่มต้นเรื่องราว คุณหนึ่งก็ต้องขันตัวเองเพราะไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เกลียดจะกลายมาเป็นสิ่งที่รักได้ คุณเขาทรายยังแซวเลยว่า “เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง” เรียกว่าตรงตามสำนวนไทยทีเดียว

      ดูเป็นความรักที่มีระยะทางผสมระยะเวลามาพิสูจน์ เนื่องด้วยตอนนั้นคุณหนึ่งทำงานกับบริษัทอโกด้า มีหน้าที่ดูแลตลาดต่างประเทศ จึงต้องเดินทางบ่อยครั้ง ถึงจะมีเบอร์ติดต่อแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสะดวกสบาย ต้องรอคุณหนึ่งเดินทางกลับไทยก่อนจึงได้คุยกันสักครั้ง แถมยังไม่ว่างเจอกันอีกด้วย แต่ยอดนักสู้จอมอึดมีหรือจะถอย

     “ตอนที่เจอกัน แค่สบสายตากันเท่านั้น มันก็ปิ๊งๆ (หัวเราะทั้งคู่) อาหารวันนั้นรู้สึกอร่อยมาก (ยิ้ม) ตั้งแต่นั้นคอยโทร. หา ชวนกินข้าว อยากเจอหน้า มันมีตำราอยู่แล้ว ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก แล้วเราต้องพูดจาเพราะๆ ด้วยนะ”

     “พี่ระเป็นคนมีมารยาท ทุกครั้งที่โทร. มาจะถามว่าสะดวกไหม ว่างไหม ไม่ว่างไม่เป็นไร บางทีหนึ่งมาทำงานในไทยไม่กี่วันก็ต้องไปแล้ว กว่าจะได้เจอก็เป็นเดือน แต่พี่ระไม่เคยโกรธ น้ำเสียงไม่มีหงุดหงิด บอกไม่เป็นไร เขาใจเย็น ยังรอได้ จะคอยเป็นห่วงว่าเราไปไหนมาไหน และบอกให้ระวังตัวเอง แล้วคอยถามว่าทานข้าวหรือยัง เป็นสิ่งที่ประทับใจโดยไม่รู้ตัว”

 

ความประทับใจในหมัดต่อมา

     นอกจากความใจเย็นมีมารยาทแล้ว อีกหมัดที่ฮุกเข้าหัวใจของคุณหนึ่งคือความชัดเจนตรงไปตรงมาว่าอยากมีลูกด้วยกัน

     “ผมคิดว่าเขาเป็นแม่ของลูก เจอกันไม่นานก็ถามเลยว่า มีลูกด้วยกันไหม คิดว่าลูกออกมาคงน่ารัก เพราะเขาเป็นคนน่ารัก”

     “พี่ระเป็นคนพูดตรง และพูดจานิ่มนวล เราอายุขนาดนี้แล้ว อยากได้คนที่สร้างครอบครัว ไม่อยากมาเล่นๆ บอกเขาว่าถ้าไม่จริงจังก็ไปเถอะ กลายเป็นว่าทั้งสองคนเป้าหมายตรงกัน คือการสร้างครอบครัว”

     คุณเขาทรายยังเล่าด้วยว่าเพื่อนๆ ล้วนหาว่าเขาเป็นหมัน เป็นความฝังใจที่นักมวยคนนี้อยากพิสูจน์ให้เห็น เมื่อฟ้าประทานลูกคนแรก (ไข่มุก – สุจรรย์จิรา แสนคำ) คุณพ่อมือใหม่ก็เข็นไปโชว์ทุกที่ที่ไปเยือนเพื่อให้รู้ว่ามีน้ำยาของแท้ แต่กว่าจะคลอดปลอดภัยก็ลุ้นอยู่นานเพราะสาวทำงานอย่างคุณหนึ่งถึงตั้งครรภ์เจ็ดเดือนแล้ว ก็ยังแอ็คทีฟบินไปทำงานในประเทศใกล้ๆ จนเกิดอาการปวดท้อง ต้องบินกลับมาเข้ารักษาในกรุงเทพฯ

     “หมอต้องฉีดยากันแท้งให้ พี่ระก็นั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียง ถามหมอว่าจะเป็นอะไรไหม กลัวเราและลูกจะตาย พี่ระเป็นคนอ่อนไหว ดูละครก็ร้องไห้ได้คนเดียว เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่น นิสัยนี้ตกทอดถึงไข่มุกด้วยค่ะ”

     คุณหนึ่งอมยิ้มพลางมองสามีข้างกาย ที่ดูท่าจนถึงวันนี้ก็ยังน้ำตาไหลง่ายไม่เปลี่ยนเลย

 

หักดิบเพื่อลูกรัก

     คุณหนึ่งขอเล่าถึงของขวัญชิ้นใหญ่ที่สามีให้แก่ครอบครัวคือการเลิกสูบบุหรี่เด็ดขาด เมื่อก่อนนี้คุณเขาทรายสูบบุหรี่อย่างหนัก สามเวลาหลังอาหารจนถึงก่อนนอน ทั้งที่ภรรยาเคยขอร้องไว้ แต่ยังห้ามไม่ได้ จนวันหนึ่งเขาก็หักดิบขึ้นมา พอเราถามถึงสาเหตุก็ไม่แปลกใจสักนิด

     “ตอนนั้นลูกอายุได้หนึ่งขวบ จะกอดลูกที ลูกบอกเหม็นๆ ชักไม่เข้าท่าละ จะไม่ได้กอดลูกละ ผมจึงตัดสินใจเลิก ทิ้งไปหมดเลย”

     “แล้วประจวบกับพี่ระเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ยังมีหาที่สูบอยู่นะ ในโรงพยาบาลสูบไม่ได้ไง ดูหงุดหงิดมากเลย เราก็ทำไม่สนใจ แอบคิดว่าให้มีแรงลากสายน้ำเกลือไหวก่อนเถอะ (หัวเราะ) อาการเหมือนคนลงแดง สามวันแรกพาลไปหมด และไม่ได้กินข้าวด้วย เพราะหมอให้กินน้ำซุปเพื่อเคลียร์กระเพาะ หิวก็หิว หงุดหงิดก็หงุดหงิด แถมซุปจืดๆ เหมือนน้ำเปล่าใส่สี ตอนแรกมาหลายถ้วย พี่ระก็ดีใจ นึกว่ามีข้าวกับอย่างอื่น เปิดมาเป็นซุปใสคนละสี (หัวเราะ) กินแบบนั้นอยู่สิบวัน ลดไปสิบโล และหยุดสูบไปเลย ลูกดีใจมาก”

     “ตอนผ่าตัด ไข่มุกมาถามว่าพ่อทำไมไม่กินข้าว หนูอยากป้อนข้าวพ่อ เรากินได้แต่ซุปอยู่ น้ำตาร่วงเลย (ยิ้ม) ลูกอยากจะป้อนข้าวให้ อยากกินข้าวด้วยกัน ผมสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 11 หัดกันกับเขาค้อ แล้วดันทำไฟไหม้ด้วยความไม่เฉลียวใจ (หัวเราะ) ตอนนั้นตีสองตีสาม แอบสูบแล้วกลัวแม่มาเห็น เลยยัดบุหรี่ที่จุดไว้ในหมอน ก่อนโยนลงไปนอกบ้าน ไฟไหม้สิ ดีที่ชาวบ้านเห็นทัน ช่วยกันดับไฟได้ อยากจะบอกนะว่าคนที่เลิกสูบได้จะมีความสุขที่สุด เพราะเป็นสวรรค์ดีๆ นี่เอง ถ้ายังติดบุหรี่ก็เหมือนอยู่ในนรก ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับลูก ได้กอด ได้หอม ถ้าคุณสูบอยู่ไปกอดหอมลูกก็เหม็นไปหมด แต่ถ้าไม่มีลูก หยุดสูบก็ได้เก็บตังค์ ประหยัดอีกเยอะ หนึ่งปีเผลอๆ ผ่อนบ้านผ่อนรถ หรือจ่ายประกันได้เลย”

 

อนาคตของลูกสาวสุดรักทั้งสอง

     นอกจากน้องไข่มุกแล้ว ทั้งคู่ยังมีลูกสาวตัวน้อยน่ารักอีกคน น้องโอลีฟ (ลวิตรา แสนคำ) แล้วคุณพ่อเป็นยอดนักมวยที่ดูรักและหลงลูกสาวอย่างยิ่ง เราเลยถามว่าถ้ามีหนุ่มมาจีบลูกสาวทั้งสอง จะทำเช่นไร คุณเขาทรายตอบทันทีไม่รีรอว่า

     “ผมจะไว้หนวด (หัวเราะทั้งคู่) ถ้าลูกจะมีแฟนก็ให้รอหลังเรียนจบ รอบรรลุนิติภาวะก่อน ผมจะสอนเขาว่าผู้ชายเจ้าเล่ห์เยอะ อย่าไปเชื่อมาก ต้องมองให้ออก บ้านเรานั่งรถแล้วคุยกันเสมอ วันก่อนลูกบอกขึ้นป.สองแล้วหนูจะมีแฟน ดูสิ แล้วผมจะพูดยังไงได้”

     เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงความโหดอย่างไรชอบกล ความหวงของคุณพ่อชัดมากจริงๆ เราแน่ใจว่าคุณเขาทรายกำลังฟิตร่างกายให้พร้อม รอเจอหน้าหนุ่มๆ ที่จะมาจีบสาวน้อยดวงใจทั้งสองของบ้านนี้แล้วสิ

 

 

แนะนำพ่อแม่เรื่องการเลี้ยงลูกในสังคมตอนนี้

     การเลี้ยงลูกไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการร่วมด้วยช่วยกันของสองสามีภรรยา บ้านหลังนี้ก็เช่นกัน คุณเขาทรายถือคติดูแลไม่ให้คลาดสายตา จะคอยบอกลูกเสมอว่าให้ระวังคนแปลกหน้า ยิ่งถ้าเป็นผู้ชายแม้แต่คนใกล้ชิดก็ห้ามไว้ใจ เรื่องนี้ทางโรงเรียนเองก็ร่วมด้วยช่วยกันอย่างแข็งขัน คุณหนึ่งเล่าความประทับใจนี้ให้ฟัง

     “โรงเรียนจะสอนเขาว่าห้ามคนจับขา จับก้น จับท้อง จับตรงนั้นตรงนี้ ครูจะสอนไว้ ลูกก็มาบอกเรา แล้วที่บ้านก็คอยถามว่ามีใครมาจับแขนจับขาหนูไหม มีใครมาทำแบบนี้ไหม มีใครมาเปิดกระโปรงไหม พ่อแม่ต้องคอยถามลูกด้วย ตอนที่ลูกยังเล็กๆ เวลาเข้าห้องน้ำยังทำความสะอาดไม่เป็น พอไม่สะอาด ก็ฉี่ไม่ออก ครูโทร.มาแจ้ง แล้วลูกไม่ยอมให้เปิดดู ก็พาไปโรงพยาบาลตรวจ ครูสอนลูกเราดี พอลูกไม่ให้ครูดู ครูก็ไม่ดู ไม่ฝืนบังคับด้วย แสดงว่าโรงเรียนนี้ผ่านละ หรือตอนไข่มุกยังเล็กๆ มือเหมือนมีแผล ไข่มุกบอกโดนน้ำร้อน ก็แปลกใจเพราะโรงเรียนไม่น่ามีน้ำร้อนใกล้เด็ก เลยแจ้งครู ครูบอกไม่มีน้ำร้อนนะคะ จึงเปิดกล้องวงจรปิดกัน เห็นว่าไข่มุกหกล้มตรงพื้นปูนที่มันร้อนเลยลวกผิว เด็กยังแค่อธิบายไม่ถูกเท่านั้น”

     “ครอบครัวช่วยกันดูแลน่ะดีสุด ยิ่งการดูแลความปลอดภัยผู้ชายทำได้ดีกว่าอยู่แล้ว บางทีพอลูกจะตกรถ เราสามารถรับได้เลย ถ้าเป็นผู้หญิงอาจจะไม่ทัน ยิ่งพอเขาเข้าโรงเรียน พ่อแม่ทุกคนต้องไปชะเง้อชะแง้แอบดูล่ะ (หัวเราะทั้งคู่)”

     “วันที่สองที่โรงเรียน พี่ระชวนใหญ่ว่ารีบไปดูเร็วว่าเขาทำอะไรกับลูกเราไหม ไปนั่งเฝ้าเลย พอมีคนที่สองก็เริ่มผ่อนความเครียดได้ เวลาไปรับลูก พี่ระจะถามลูกทุกวันว่าเป็นยังไง มีเพื่อนรังแกไหม มีคนไหนน่ารักไหม ลูกจะเล่าเรื่องเพื่อนๆ ให้ฟัง ที่บ้าน ไข่มุกจะสนิทกับพ่อ คุยกันก่อนนอนเป็นประจำ เพราะพ่อชอบดูทีวีอยู่ข้างนอก เราจะสอนลูกว่าห้ามนอนหลับขณะดูทีวี ลูกก็จะรู้แล้วเดินมานอนกับแม่ ในห้องนอนจะไม่มีทีวีเลย”

     เห็นเตรียมพร้อมขนาดนี้แต่กว่าจะผ่านไปได้ก็ทุลักทุเลกันพอดูสำหรับลูกคนแรก เพราะเกิดความกังวลสารพันจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร หรือทำแบบนี้จะดีไหม บางครั้งจึงมีปากเสียงกันในวิธีการเลี้ยงลูก ซึ่งเป็นเรื่องที่เราฟังแล้วยังต้องอึ้งด้วยเช่นกัน

 

เคล็ดวิธีเลี้ยงลูกฉบับเขาทราย

     วันนั้นคุณหนึ่งกลับจากที่ทำงาน เมื่อถึงบ้านก็เจอขนมปังเกลื่อนเต็มพื้น น้องไข่มุกกำลังนั่งหยิบเข้าปากกินพอดีต่อหน้า เท่านั้นแหละ บ้านแปรสภาพเหมือนระเบิดลงในพริบตา

     “ถามว่าพี่ระทำอะไรลูกเนี่ย พอโมโหว่าทำไมทำกับลูกแบบนี้ พี่ระบอกทำอะไร ลูกก็นั่งกินอยู่เนี่ยไง บนพื้นเนี่ยนะ อ้อ พี่กวาดถูเรียบร้อยแล้ว คือไม่มีความรู้สึกผิดเลยค่ะ (หัวเราะทั้งคู่) เหมือนโยนขนมปังให้ปลา เขางงว่าโกรธอะไรเขาเหรอ แล้วยังมีการเอาส้มให้ทั้งผล ลูกก็ฉลาดแกะแล้วพ่นเม็ดออกเองได้ ที่รู้ลูกทำได้เพราะพี่ระโยนส้มให้ลูกแล้วบอกว่าลูกทำได้ ทำมาแล้ว กินได้ (ถอนหายใจ) กับเราต้องปอกให้ แต่อยู่กับพี่ระ ลูกทำเองหมดเลย นี่พลาดอะไรหรือเปล่า ไม่อยู่บ้านแค่อาทิตย์เดียว”

     พูดแล้วคุณหนึ่งส่ายหน้าหัวเราะขัน แต่ในตอนนั้นคนเป็นแม่ไม่ตลกด้วย ที่เขาว่าอย่าปล่อยลูกไว้กับพ่อตามลำพังคงเป็นความจริง

     “ตอนนั้นผมดูทีวีอยู่ กลัวลูกมากวน มีขนมปังก้อนหนึ่งก็แบ่งๆ โยนไว้ เดี๋ยวก็คลานไปกินเอง จะไปยากอะไร (หัวเราะ) จะได้มีความแข็งแกร่งเองไง เลี้ยงโอ๋บ่อยๆ ป่วยง่าย ให้ไปปีนป่ายเอาเลย”

     เอาเป็นว่าอย่าลอกเลียนแบบจะดีกว่า

 

สิ่งที่เหมือนกันของทั้งคู่

     ถึงจะดูแตกต่าง แต่แท้ที่จริงทั้งสองมีจุดที่คล้ายกันอย่างน่าประหลาด คือการเป็นคนติดบ้านทั้งคู่ ถ้าไม่ต้องไปทำงาน ต่างก็ชอบอยู่บ้าน มีพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ เป็นชีวิตคู่ที่ไม่ได้หวือหวาทว่าเงียบสงบไม่น้อย

     “พี่ระไม่ชอบไปในที่ที่คนเยอะ ถ้าไม่ใช่ต้องไปทำงาน เขาจะไปได้ แต่รีบกลับ หรือซื้อกลับไปกินที่บ้าน บางทีตรงไหนที่คนเยอะ พี่ระจะไม่เข้าไปเลย หนึ่งก็เหมือนกัน พอเลิกงานถ้าไม่ต้องไปไหนก็ขออยู่บ้าน เวลาทำงานคือเต็มที่ ทำงานหนักมาก ต้องคุยงานทั้งวัน เวลาที่พักผ่อนคือพัก ชอบสันโดษ เราสองคนเลยอยู่ด้วยกันได้ เป็นคนที่มีพื้นที่ส่วนตัว ไม่ชอบเที่ยว แต่ชอบทำบุญทั้งคู่ จะไปวัดด้วยกัน”

 

ร่วมชีวิตคู่

     สิ่งสำคัญของชีวิตคู่คืออะไร เป็นคำถามที่เราเชื่อว่าหลายคนรอฟังอยู่ เพื่อนำไปปรับใช้ ยิ่งในช่วงความตึงเครียดทั้งทางเศรษฐกิจและโรคภัย ก็ทำให้ความสัมพันธ์ที่มีมาง่อนแง่นเปราะบางได้ง่าย

     “หลังจากเผชิญปัญหากันมา หนึ่งกับพี่ระไม่เคยโกหกกันเลย หนึ่งบอกว่าถ้ามีอีกก็ไม่ไหวแล้วนะ จับมือกันตรงนี้แล้วสัญญาจะพูดความจริงกันทุกเรื่อง ทุกวันนี้เราอยู่กันด้วยความสบายใจ หลักการประคองชีวิตคู่คือ หนึ่งความเชื่อใจ สองการให้อภัย มีปัญหาต้องสื่อสารตรงๆ ถ้าเราคุยกันไม่ได้ ปัญหาจะเริ่มเกิด แล้วมันก็แก้ไม่ได้ ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลง เราสองคนอยู่กันได้เพราะพูดความจริง และรักษาสัญญา สัญญาไว้ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็บอกมาเลยว่าทำไม่ได้”

     “สำหรับผม ชีวิตคู่อย่าซ้ำเติมกัน ไม่งั้นจะเป็นบาดแผลไม่หาย ให้ตัดทิ้งแล้วเริ่มต้นใหม่ มองไปข้างหน้าอย่างเดียว ผู้ชายถ้าทำผิด ก็ต้องแก้ไขตัวเอง คุณทำให้ภรรยามีความสุขได้ไหม ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทำให้เขาไว้ใจได้อีก ตอนนี้ผมมีความสุขมาก ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว สบายใจหมดทุกอย่าง ชีวิตคู่ต้องอยู่ด้วยความเข้าใจกัน เขาเข้าใจเรา เราเข้าใจเขา หลายคู่ที่อยู่กันแล้วไม่เข้าใจ สุดท้ายทะเลาะแล้วเลิกรา ถ้าเข้าใจกันจะมีแต่ความสุขจริงๆ นะ ยิ่งมีลูกน้อยด้วย เอาสเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม”

     เสียงหัวเราะร่วนของยอดนักมวย อาจดังกังวานกว่าตอนที่ครองแชมป์โลกครั้งแรกเสียอีก

 

แลกเปลี่ยนเรียนรู้

     เราถามว่าต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้อะไรบ้าง เพราะชีวิตคู่ไม่ใช่แค่อยู่ด้วยกัน แล้วเข้าใจกัน แต่หมายถึงการแบ่งปันกันด้วย

     “ผมเรียนรู้จากหนึ่งหลายอย่างนะ อย่างการพูดความจริงก็ใช่ ถ้าคุณพูดโกหก สักวันเขาต้องรู้ เพราะงั้นพูดเรื่องจริงเถอะ แล้วมันจะแก้ไขเรื่องต่างๆ ได้ ส่วนมากคนแก้ปัญหาคือหนึ่งนะ เขาทำได้ราบรื่นมาก (ยิ้ม)”

     “พี่ระให้โอกาสและเกียรติเราเป็นคนแก้ไขปัญหา หนึ่งเรียนรู้จากเขาเยอะเหมือนกัน เช่นบางปัญหาถ้าแก้ไม่ได้จริงๆ ก็ปล่อย เวลาจะช่วยให้ความรู้สึกเย็นลง บางอย่างไม่ใช่ว่าต้องทำทันที แล้วตัวพี่ระเป็นคนใจเย็นมาก”

     “ผมจะบอกให้ทุกคนใจเย็นเข้าไว้ พยายามไม่โต้ตอบอะไร”

     อีกหนึ่งสิ่งที่แสดงถึงความใจเย็นของผู้ชายคนนี้ คือเมื่อภรรยาตั้งท้องอุ้ยอ้าย อารมณ์คนท้องที่หงุดหงิดง่าย น้อยใจง่าย มักจะระบายใส่สามี แต่เขาก็ไม่เคยโกรธเคือง แถมยังพยายามดูแลปลอบใจให้คุณหนึ่งอารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย

     “พอรู้ว่าท้อง พี่ระบอกอยากเห็นหน้าลูก หมอบอกเพิ่งท้องค่ะ คำนั้นไม่ใช่แค่ดีใจ คำว่าอยากเห็นหน้าลูก มันมากกว่าดีใจ (ยิ้ม) พี่ระให้กำลังใจหลายเรื่องมาก คนท้องจะมีอารมณ์ต่างๆ บ่นกับพี่ระว่ามองไม่เห็นเท้าตัวเองเลย รู้สึกว่าอ้วนมาก เขาก็บอกว่าไม่ได้อ้วน ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ยุบลง ดูสิ ท้องพอกับพี่เลย แล้วมาวัดท้องกันสองคน ซึ่งช่วยเราได้ ช่วงเจ็ดเดือนขึ้นไป อึดอัดมาก อยากคลอดแล้ว บ่นกับเขาว่าไม่มีกางเกงใส่แล้ว พี่ระก็สละกางเกงในให้ (หัวเราะทั้งคู่) เขาเพิ่งไปซื้อกางเกงในบ็อกเซอร์มาโหลหนึ่ง ก่อนนั้นเรารู้สึกใส่อะไรไม่ได้ ไม่อยากไปซื้อด้วย อารมณ์ที่เกิดทำให้รู้สึกอายคน ท้องใหญ่แล้วเดินลำบากอีก พี่ระก็เอากางเกงในที่เพิ่งซื้อมาบอกว่า หนึ่งใส่ได้แน่เพราะท้องเท่าพี่ มาพี่ใส่ให้ เพราะคนท้องแค่ก้มก็ยากแล้ว ยกขาก็ไม่ค่อยขึ้น จะเจ็บขาง่าย เขาช่วยทำทุกอย่าง มันเป็นความประทับใจมาตลอด”

     คุณเขาทรายบอกว่าแค่ดูยังอึดอัดแทน เลยเข้าถึงหัวอกของคุณหนึ่งได้ดี

 

ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้าย

     ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้าย สิ่งที่อยากฝากถึงกันคืออะไร

     “หนึ่งเข้าใจผมมากที่สุดแล้ว เขาดีที่สุด (ยิ้ม) เดี๋ยวนี้คนเราหาเจอกันง่ายแต่จะอยู่ด้วยกันได้ไหม ต้องดูให้ดี ดูว่าเขาจะเป็นคู่ครอง หรือแม่ที่ดีของลูกได้ไหม ผมบอกรักเขาทุกวัน บอกพ่อรักแม่นะ ไม่ว่าจะข้างนอกหรือข้างในบ้าน ผมคิดเลยว่าเรามีภรรยาที่ดีขนาดนี้ เป็นคู่ชีวิตที่ดีที่สุด เพราะงั้นน่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเช่นกัน แค่นี้เอง (ยิ้ม)”

     “สำหรับหนึ่งขอแค่อยู่กันไปนานๆ เราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่เราพร้อมเป็นหน้าด่านให้ทุกอย่าง คุณอยู่ในจุดของคุณไป เราจะดูแลให้เอง ทุกเช้าตื่นมา เมื่อก่อนจะถามเขาว่ารักเมียไหม มาตอนนี้ถามว่ารักลูกไหม แล้วค่อยรักเมียไหม หนึ่งเชื่อว่าพูดทุกวันอย่างไรก็จะได้อย่างนั้น เช่นตื่นเช้ามา พูดว่าฉันฉลาด ฉันเก่งนะ เป็นจิตวิทยาให้ตัวเอง ถ้าเราบอกว่าเกลียด พูดทุกวันก็จะรู้สึกเกลียดได้เช่นกัน เลยบอกพี่ระทุกวันว่า เรารักเขานะ รักลูกนะ อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ ยังมีอะไรต้องเจออีกเยอะ ต้องอยู่เพื่อดูความสำเร็จลูก ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายจริงๆ จะบอกว่าหนึ่งรักพี่ระมากๆ ขอบคุณมากที่มอบลูกที่น่ารักทั้งสองคนนี้ และให้สิ่งดีๆ แก่หนึ่งเสมอมา (ยิ้ม)”

 

กำลังใจฝ่าฟันโควิด

     ปีที่ผ่านมาหนักหนาสาหัสจริงๆ ส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกสาขาอาชีพ รวมทั้งคุณเขาทรายด้วย ถึงกระนั้นก็ยังขอฝากกำลังใจมาให้ทุกคน

     “ให้กำลังใจ สู้ๆ ครับ มันมาแล้วก็ไป ถึงจะกลับมาระบาดใหม่อีกรอบก็เถอะ สงสารนักมวยนะ จะเอาอะไรกิน สมัยผมต้องขอยืมเจ้าของค่ายมวยก่อน แล้วพอขึ้นชกค่อยจ่ายคืน ตอนนี้บางคนหารายได้ขายของออนไลน์กัน ก็สู้ๆ”

     “พวกเราให้กำลังใจทุกคนค่ะ อยากให้ฉีดวัคซีนกันไวๆ ทุกอย่างจะได้กลับมาปกติ”

 

ข้อความจากยอดนักมวยถึงเหล่านักมวยรุ่นใหม่

     “มีคนถามว่าเขาทรายทำไมหมัดหนัก มันเป็นพรสวรรค์ของแต่ละคนที่ถูกกำหนดมา และผมอาศัยการมีวินัย ฟิตซ้อมด้วย การที่คนเราจะพบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับจิตใจ ความขยันอดทน จริงๆ ผมต่อยไม่เก่งนะ แต่มีความอดทนและขยันมาแต่เด็กๆ ตอนต่อยมวยไทยก็ไม่ประสบความสำเร็จ ได้ค่าตัวสามพัน ไม่ใช่เงินหมื่นแสนเหมือนคนอื่น แต่พอต่อยมวยสากลจึงสำเร็จได้ เพราะมันลงตัวกับสิ่งที่มีคือหมัดหนักตั้งแต่เกิด เรียกว่ามาถูกทาง”

     เรานึกสงสัย เห็นชนะน็อคครั้งแล้วครั้งเล่า หมัดที่หนักและดุดันจนได้ฉายาซ้ายทะลวงไส้ แล้วมีครั้งไหนบนสังเวียนเดือดที่กว่าจะล้มคู่ชกได้ก็หืดขึ้นคอ คุณเขาทรายยิ้มรับว่ามีหลายครั้ง บางครั้งเคยถูกต่อยลงไปนอนให้กรรมการนับ แต่ยังลุกขึ้นมายืนหยัดสู้จนเอาชนะได้

     “เพราะผมคิดแค่ว่าแพ้ไม่ได้ คนไทยเชื่อใจผมเต็มร้อย (ยิ้ม) คิดว่าขึ้นไปแล้วเขาทรายต้องน็อค ต้องชนะเท่านั้น ตอนขึ้นเวทีผมแบกความหวังของคนไทยไว้เยอะ ผมจึงเอาสิ่งนี้เป็นขวัญกำลังใจจนได้รับชัยชนะแทบทุกครั้งมาตลอด คิดถึงคนที่เชียร์เรา จะล้มไม่ได้เลย ถอดใจยิ่งไม่ได้ใหญ่ เวลาขึ้นเวทีทุกคนจะคิดว่าเขาทรายต้องชนะน็อคแน่ๆ หารู้ไม่ กูก็จะตายเหมือนกัน แต่กูก็สู้วะ (หัวเราะ) ไม่ยอมหรอก ต้องชนะสิ!”

 

 

HUG MAGAZINE

รักไม่รู้จบ

มาศวดี ถนอมพงษ์พันธ์