“ปลายฝนต้นหนาวเช่นนี้ความชุ่มฉ่ำนั้นยังคงอยู่ หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ถึงเวลาพาตัวเองออกไปหาธรรมชาติในช่วงที่สวยงามที่สุดของปี ออกไปเติมออกซิเจนให้เต็มปอด โบกมือทักทายส่งท้ายฤดูกาลแห่งความเขียวชอุ่ม”

 

 

ทริปนี้เราเลือกเดินเข้าป่าไปตามหาน้ำตกที่สูงที่สุดในภาคกลาง ว่ากันว่าเปรียบดั่ง “ลิตเติ้ลทีลอซู” กลางผืนป่าธรรมชาติ

     น้ำตกโกรกอีดก ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ในพื้นที่การดูแลของศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคต-โป่งก้อนเส้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลกดงพญาเย็น-เขาใหญ่ น้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญขณะที่เฮลิคอปเตอร์บินผ่านกลางป่า จากนั้นทางการจึงเริ่มบุกเบิกและสำรวจจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว “น้ำตกโกรกอีดก” เป็นชื่อที่ชาวบ้านตั้งขึ้นตามลักษณะของพื้นที่แถบนี้ คำว่า “โกรก” หมายถึง “ภูเขา” และ “ดก” หมายถึง “เยอะ” การจะเข้าไปพิชิตน้ำตกแห่งนี้ เส้นทางการเดินต้องผ่านป่าและลำธารหลายจุดที่ทั้งลื่นและสูงชัน จึงจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญเส้นทางคอยดูแล

 

     รถเคลื่อนตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง สมาชิกทุกคนต่างตื่นเต้นกับการเข้าป่าครั้งแรกของปี เรานั่งหลับๆ ตื่นๆ มาตลอดทาง เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมงเศษก็เดินทางถึงจุดนัดหมาย “วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรเชิงอนุรักษ์ชะอม” เราจองทริปไว้ล่วงหน้า เป็นทริป 1 วัน สามารถไปเช้าเย็นกลับได้ จากนั้นเรานั่งรถรางไฟฟ้าของชุมชนอีก 5 กิโลเมตรเพื่อเดินทางไปยังจุดเริ่มเดิน

     สายหมอกสีขาวลอยแตะทิวเขาสลับซับซ้อนเป็นแนวยาว ท้องฟ้าเป็นสีเทา เห็นเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล ชวนให้คิดว่านานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เห็นวิวแบบนี้ เพียงอึดใจเราก็ไปถึงจุดเริ่มเดินที่มีเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เขาใหญ่ และไกด์ชุมชนยืนรอรับเราอยู่ พวกเขาคือผู้พิทักษ์พาเราพิชิตน้ำตกอันเป็นเป้าหมายในทริปนี้ พี่ไกด์บรรยายสรุปสภาพพื้นที่ให้เราได้ทราบ เราต้องเดินไปยังน้ำตกเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร และกลับลงมาในเส้นทางเดียวกันอีก 4 กิโลเมตร แต่ 3 กิโลเมตรแรกเป็นทางเดินเลาะแนวป่า สลับกับการเดินตัดผ่านแนวลำธาร ส่วนกิโลเมตรสุดท้ายก่อนถึงน้ำตกนั้นเส้นทางค่อนข้างโหดเพราะมีก้อนหินและสูงชัน หลังจากทำความเข้าใจเรื่องเส้นทางกันเรียบร้อยการเดินเท้าก็เริ่มต้นขึ้น

 

     เพียงย่างก้าวแรก เท้าทั้งสองข้างก็เหยียบน้ำลึกจนถึงเข่าเสียแล้ว รองเท้าเดินป่าของเราโชกน้ำรอการระบาย ทางเดินเล็กๆ ทำให้ต้องย่ำเท้าตามคนข้างหน้า สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ใบสีเขียวสดที่ชุ่มน้ำฝน ว่ากันว่าถ้ามาที่นี่นอกจากน้ำตกโกรกอีดกที่ต้องพิชิต อีกอย่างที่ต้องเสาะหาคือ “เห็ดแชมเปญ” ซึ่งขึ้นอยู่ตามขอนไม้ในพื้นที่ชุ่มชื้น เราจึงต้องคอยสอดส่ายสายตา เผื่อว่าจะได้เห็นเห็ดแชมเปญกับเขาบ้าง และแล้วเห็ดรูปถ้วยสีแดงสดใส ยืนชูช่อเป็นกลุ่มใหญ่ก็โผล่หน้าออกมาต้อนรับเราเป็นทิวแถว แสงอาทิตย์รำไรช่วยให้เห็ดรูปถ้วยนี้สีแดงสดสวยยิ่งขึ้น และไม่พลาดหยิบกล้องมาบันทึกภาพเป็นที่ระลึก

      เส้นทางในป่าค่อยๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไปตามแนวสายน้ำ เมื่อถึงน้ำตกชั้นที่ 1 ต้องเดินตัดลำน้ำฝ่ากระแสน้ำที่ค่อนข้างแรงเพื่อข้ามไปยังอีกฟาก และเป็นเช่นนี้อีกเป็นระยะๆ ระหว่างทางยังมีมอส เฟิร์น และพืชพรรณในป่าฝนกับป่าเบญจพรรณให้ได้ชม พี่ๆ เจ้าหน้าที่ก็ไม่รีรอที่จะอธิบายให้ฟัง แล้วเราก็เดินไปเรื่อยจนถึงน้ำตกชั้นที่ 4 ถึงเวลาอาหารกลางวันที่แม้เป็นเพียงข้าวเหนียวหมูปิ้ง แต่การได้กินอาหารท่ามกลางธรรมชาติ เอาเท้าจุ่มน้ำ ฟังเสียงน้ำตก ชมผีเสื้อ มองต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว ช่วยให้มื้อนี้แสนวิเศษ เมื่อเล่าให้ใครฟังก็ต้องอิจฉา

     ยังเหลือระยะทางกิโลเมตรสุดท้าย ความหฤโหดเริ่มขึ้น เส้นทางสูงชัน มีแต่ขึ้นและขึ้นเขา ในจุดต้องไต่เชือกปีนป่ายไปตามหน้าผาชัน ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงน้ำไหลรินราวกับให้กำลังใจเราว่า อย่าเพิ่งท้อนะ เหลืออีกนิดเดียว หินก้อนเล็กก้อนน้อยที่เหยียบไปในทุกย่างก้าว ทำให้เราต้องเพิ่มความระมัดวัง เพราะถ้าก้าวพลาดอาจตกเขาและเจ็บตัวแน่นอน ในที่สุดก็ไปถึงชั้นที่ 7 ของน้ำตกโกรกอีดก ทันทีที่เงยหน้าขึ้น ละอองน้ำก็ปะทะใบหน้าเป็นการยืนยันว่า เราถึงจุดหมายแล้ว

     สายน้ำตกจากหน้าผาสูงตามแนวหินเป็นชั้นๆ เหมือนม่านน้ำสีขาวสูงกว่า 300 เมตร จนต้องหาจุดเหมาะเพื่อนั่งบันทึกภาพแห่งความทรงจำให้คุ้มค่ากับที่ลงแรงกว่า 3 ชั่วโมง บางคนอดใจไม่ไหวขอลงแช่น้ำสัมผัสความสดชื่นสักครั้ง น้ำตกแห่งนี้รายล้อมด้วยทิวเขาที่มีหมอกขาวปกคลุม ฟ้าฝนก็ช่างเป็นใจเปิดทางให้ได้เห็นน้ำตกแสนสวยอย่างเต็มตา ใช้เพียงตาดู หูฟัง บันทึกภาพและเสียงนั้นไว้ในใจให้นานที่สุด

     

     เราใช้เวลาอยู่บนนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงเวลาต้องลาจาก เพื่อกลับลงมาข้างล่างในเส้นทางเดิม ระหว่างทางมีเม็ดฝนโปรยปรายเพิ่มความท้าทายของการเดินป่า ทางเดินตอนนี้กลายเป็นทุ่งช็อคโกแลตสีน้ำตาลเข้ม เรียกเสียงโหวกเหวกให้รู้สึกครื้นเครงไปอีกแบบ ป่าที่รกครึ้มค่อยเปิดโล่งจนมาถึงลำธารที่เท้าต้องลงจุ่มเมื่อครั้งแรก เป็นอันว่าการเดินทางครั้งนี้สิ้นสุดลง เราได้เป็นหนึ่งในผู้พิชิตน้ำตกโกรกอีดกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     “แม้เป็นเพียงทริปสั้นๆ การได้ไปพิชิตน้ำตกโกรกอีดก นอกจากได้ออกผจญภัยในป่าใหญ่ สัมผัสความสวยงามและความอลังการของธรรมชาติที่ยังคงยิ่งใหญ่อยู่เสมอ ยังเปิดโอกาสให้เราได้ออกไปกอดธรรมชาติให้หายคิดถึง เติมเต็มพลังใจให้กลับมาสตาร์ทติดอีกครั้งหนึ่ง”

 

HUG MAGAZINE

พาหัวใจไปเที่ยว

น้องฟาง