วันก่อนไปเดินตลาดนัดกับแฟน แฟนบอกว่าอยากกินขนมหวาน ผมเลยถามว่า “เธออยากกิน เครป เฉาก๊วย หรือไอศกรีม” แต่แฟนกลับตอบว่า “ก็เดินไปหาว่าข้างหน้ามีอะไรไม่ได้รึไง ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้ก่อนว่าอยากกินอะไร” ต่างจากผมที่ต้องรู้ก่อนว่าจะไปซื้ออะไร แต่ผู้หญิงคงไม่ได้มีวิธีการช้อปแบบนั้น                                               

    ผมเลยค้นคว้าประเด็นนี้ จึงพบว่าวิธีการช้อปของหญิงและชายนั้นแตกต่างกันอย่างมาก และเรื่องนี้ได้กลายเป็นปัญหาคาใจพ่อบ้านหลายคนว่า ทำไมผู้หญิงถึงต้องช้อปนานขนาดนี้ด้วย? และทำไมผู้ชายถึงดูไม่มีความสุขที่เธอเลือกซื้อของในห้างนานขนาดนั้น

    เราค่อยๆ มาทำความเข้าใจจิตวิทยาของหนุ่มช้อปไวกับสาวช้อปนานกันดีกว่า

 

     

    สมัยบรรพบุรุษของเรายังคงอยู่ในป่า มนุษย์มีวิธีหาอาหารสองแบบคือ hunter (ล่าสัตว์) และ gatherer (เก็บของป่า) โดย ผู้ชายไปล่าสัตว์ ผู้หญิงเก็บของป่า เพราะผู้หญิงไปล่าแมมมอธพร้อมกับอุ้มลูกเล็กๆ ไม่ได้แน่ อีกทั้งร่างกายของผู้ชายที่แข็งแรงกว่าก็เหมาะกับสภาพ การเดินทางไกล ส่วนการเก็บของป่าบางครั้งก็หาในละแวกใกล้ๆ ได้ ไม่ต้องเร่งรีบ หญิงชายจึงมีวิวัฒนาการต่างกัน มีทักษะที่เหมาะกับงานของตัวเองมากขึ้นๆ จนกลายเป็นความแตกต่างระหว่างชายหญิง

 

ล่าสัตว์ และ เก็บของป่า

  • การเก็บของป่ามักอยู่กันเป็นกลุ่ม ช่วยป้องกันอันตรายจากสัตว์นักล่าได้ดีกว่า แต่การล่าสัตว์เป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความเงียบ เพราะเดี๋ยวเหยื่อจะรู้ตัวแล้ววิ่งหนีไป พฤติกรรมการช้อปปิ้งของผู้หญิงจึงชอบไปเป็นกลุ่ม แต่ผู้ชายกลับไม่ค่อยพูด จะมีหรือไม่มีเพื่อนไปช้อปด้วยก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่
  • ส่วนการเก็บของป่า ผู้หญิงมักเก็บผลไม้หลากหลายชนิด และรู้ระยะเวลาค่อนข้างแน่นอนว่าอีกกี่เดือนถึงจะแตกใบใหม่อีก จึงเกิดเป็นพฤติกรรมช้อปปิ้งที่ผู้หญิงมักรู้ว่า ช่วงไหนสินค้าจะลดราคา หรือเมื่อเจอของถูกใจเป็นพิเศษ ก็สามารถอดทนเดินสำรวจร้านอื่นๆ ก่อน เผื่อได้ราคาดีกว่านี้ (เจอผลไม้ที่สุกงอมกว่า)
  • ในขณะที่การล่าสัตว์แทบไม่เกี่ยวข้องกับฤดูกาลเลย คือ เจอก็เจอ ไม่เจอก็ไม่เจอ ฉะนั้นผู้ชายจะตอบคำถามไม่ได้ว่า H&M ลดราคาช่วงไหนบ้าง และหากผู้ชายเจอสินค้า(เหยื่อ)ที่ต้องการแล้วก็จะรีบซื้อ(ตะครุบ) เพราะโดยธรรมชาติแล้วเหยื่อที่เหมาะสมไม่ได้โผล่มาบ่อยนัก 

 


    เนื่องจากผลหมากรากไม้ มักเจริญเติบโตในบริเวณเดิม เมื่อผู้หญิงไปหาของป่าก็จะใช้วิธีค้นหาแบบ object-oriented navigation คือจำว่าอะไรอยู่ตรงไหนโดยดูจาก landmark เช่น ร้าน Uniqlo อยู่ติดกับร้านยีนส์ลีวาย ดังนั้นเวลาสาวๆ เข้าร้านใหม่ พวกเธอมักหาเจอว่ามีอะไรวางไว้ตรงไหนเสมอ 

 

 

    ส่วนผู้ชายใช้วิธีจำทิศเป็นหลัก เช่น จำได้ว่าน่าจะต้องเดินไปทิศนี้ (นี่เป็นเหตุให้ผู้ชายมักขับรถไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยได้เก่งกว่าผู้หญิง) นั่นเป็นเพราะระบบนำทางของผู้ชายเป็นแบบ euclidian หรือแบบทิศซึ่งเหมาะแก่การหาทิศกลับบ้าน เวลาต้องเดินทางไกลๆ แต่พอเป็นตลาดนัดสวนจตุจักรที่พอเข้าไปข้างในแล้วแทบบอกทิศทางไม่ได้ ระบบนำทางที่ใช้ landmark เป็นหลักกลับทำงานได้ดีกว่า ผู้หญิงจึงสามารถเดินช้อปปิ้งเก่งกว่าผู้ชาย

 

 

    มาถึงคำถามที่หลายคนคาใจว่า ทำไมผู้หญิงถึงช้อปแบบไม่เสร็จสักที แต่ผู้ชายพอได้ของที่ต้องการก็รีบกลับ เพราะในสมัยก่อน การเก็บของป่า ถ้าเดินจากต้นโน้นไปต้นนี้ย่อมเป็นประโยชน์เผื่อไว้สำหรับโอกาสหน้า เช่น เก็บสตรอว์เบอร์รี่ตรงนี้เสร็จ ก็เดินเลยไปดูหลังโขดหินสักหน่อย ไปเจอต้นสะตอ

 

อ้างอิง

คอลัมน์ “จักรวาลแห่งความรัก ดาวเคราะห์แห่งความเหงา”โดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์