ทำไมผู้ชายถึงไม่ชอบผู้หญิงเก่ง

______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________

 

* เราคงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า “ผู้ชายนั้นไม่ชอบผู้หญิงเก่ง”

แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่รอดพ้นหูของนักวิทยาศาสตร์ และเขาก็อยากทดลองว่าคำกล่าวอ้างนี้จริงแค่ไหน

อดัม คาร์โบว์สกี (Adam Karbowski) นักวิจัยและทีมงานของเขาได้นำข้อมูลการทดลอง speed-dating จากนักศึกษา 500 คนมาวิเคราะห์เรื่องนี้ ผู้เข้าร่วมต้องให้คะแนนอีกฝ่ายในสองด้านคือ ความฉลาดและรูปร่างหน้าตา แต่ละด้านมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน (การ speed-dating ของฝรั่งคล้ายๆ กับการเล่น tinder คือชายหญิงที่อยากมีคู่มาร่วมงาน ให้แต่ละคนจับคู่กันใช้เวลาคุยกันสั้นๆ ไม่กี่นาที จากนั้นเปลี่ยนคู่จนครบ ระหว่างที่จับคู่เจะมีกระดาษให้เราติ๊กว่าคนนี้ผ่านหรือไม่ พอวนครบทุกคู่ ผู้จัดงานก็จะรวบรวมเอากระดาษที่ติ๊กมาดู ถ้ามีคู่ไหนที่ติ๊กผ่านเหมือนกัน เขาก็ให้ข้อมูลของอีกฝ่ายเพื่อไปเดทต่อ)

 

นี่คือผลจากการวิเคราะห์

  • สาวๆ ชอบแบบไหน

คาร์โบว์สกีพบว่าผู้ชายหล่อนั้นถูกเลือกไปเดทมากกว่าชายที่หล่อน้อยกว่า ซึ่งผู้หญิงยังให้โอกาสชายที่ไม่หล่ออยู่ถ้าเขาเป็นคนฉลาด แต่เสียใจด้วยกับหนุ่มเนิร์ดครับ เพราะเมื่อเทียบกันระหว่างความหล่อกับความฉลาดแล้ว สาวๆ เลือกความหล่อมากกว่า หนุ่มที่ได้คะแนนความฉลาดเต็ม 10 แต่ความหล่อ 2 นั้น มีโอกาสถูกเลือกเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น แต่ถ้าความหล่อของเขาได้ 5 คะแนน เขาอาจมีโอกาสถูกเลือกเพิ่มร้อยละ 50 และหากความหล่อของเขาสะดุดตาถึง 9 คะแนน หนุ่มสุดฉลาดของเราก็มีโอกาสประมาณร้อยละ 75 (อ่านแล้วเจ็บใจตัวเองชะมัด)

ในขณะที่หนุ่มหล่อเต็ม 10 แต่ฉลาด 2 กลับมีโอกาสถูกเลือกถึงร้อยละ 55 และถ้าหนุ่มหล่อมีความฉลาดเพิ่ม 4.5 โอกาสของเขาก็เพิ่มขึ้นไปถึงร้อยละ 80 (แต่ความฉลาดที่มากกว่านี้แทบไม่มีผลต่อการเลือกของสาวๆ)

  • หนุ่มๆ ชอบแบบไหน

จากผลการวิเคราะห์ของคาร์โบว์สกี สาวๆ ที่มีคะแนนความสวยน้อยกว่า 4 และมีคะแนนความฉลาดน้อยกว่า 2 แทบไม่ถูกเลือกเลย ในขณะที่หนุ่มผู้ได้คะแนนพอๆ กัน กลับถูกสาวๆ เลือกมากกว่า

และที่แน่ยิ่งกว่าคือ ผู้ชายให้ความสำคัญแก่รูปร่างหน้าตามากกว่าสมอง เพราะยิ่งได้คะแนนรูปร่างหน้าตามากเท่าไหร่ ผู้หญิงก็ยิ่งมีโอกาสถูกเลือกมากเท่านั้น

แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ สำหรับผู้ชายแล้วเมื่อถึงจุดหนึ่ง ความฉลาดของผู้หญิงย่อมลดโอกาสการถูกเลือกของเธอลง (เขียนถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกว่ามีสาวๆ หลายคนกำลังเบะปากมองบน)

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถ้าผู้หญิงคนนี้ได้คะแนนความสวยที่ 6/10 (ค่าเฉลี่ย) และมีคะแนนความฉลาดอยู่ที่ 2/10 เธอจะมีโอกาสถูกเลือกประมาณร้อยละ 20 เมื่อความฉลาดเพิ่มเป็น 4/10 โอกาสก็เพิ่มเป็นร้อยละ 30 เมื่อเพิ่มความฉลาด 6/10 โอกาสก็เพิ่มเป็นร้อยละ 40 เมื่อฉลาด 8/10 โอกาสของเธอกลับไม่เพิ่มขึ้นแล้วหยุดที่ร้อยละ 40 เท่าเดิม และถ้าความฉลาดเธอกลายเป็น 10/10 โอกาสของเธอลดลงมาเหลือเพียงร้อยละ 30

 

ดูกราฟด้านล่างนี้เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ

 

 

โดยสรุปคือสำหรับผู้หญิง ความสวยแบบทั่วไป (6/10) จะดึงดูดผู้ชายใน speed-dating ได้ดีที่สุดเมื่อเธอฉลาดประมาณ 7/10 ผู้หญิงที่ฉลาดมากหรือน้อยกว่านี้จะดึงดูดน้อยกว่า ทั้งผู้หญิงสวยมากและสวยน้อยต่างก็ดึงดูดผู้ชายมากสุดที่ความฉลาดประมาณ 7/10 เหมือนๆ กัน และโดยภาพรวม ผู้หญิงที่ฉลาดกว่าจะดึงดูดผู้ชายน้อยกว่าเมื่อเทียบผู้หญิงที่สวยพอๆ กัน แต่ฉลาดน้อยกว่า

จากการศึกษาของคาร์โบว์สกีอธิบายได้ว่า ทำไมหลายคนจึงพูดว่า ผู้ชายไม่ค่อยชอบผู้หญิงฉลาด (เช่นผู้ชายอาชีพอื่นจะไม่กล้าจีบผู้หญิงที่เป็นหมอ) และทำไมผู้หญิงบางคนถึง “แอ๊บ” ไม่ฉลาดเวลาอยู่ใกล้ๆ ผู้ชาย (จะได้มีเสน่ห์ขึ้นไงล่ะ)

 

เพราะเหตุใดผู้ชายถึงชอบผู้หญิงที่ไม่ฉลาด ยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันอย่างชัดเจน

แต่ก็มีคนอธิบายไว้ เช่น ความฉลาดของผู้หญิงนั้นไปทำร้ายอีโก้ของฝ่ายชาย (ฉันต้องเก่งกว่า ปกป้องดูแลคนอื่นๆ ได้แปลว่าฉันแมน แต่การที่ผู้หญิงเก่งกว่าก็ไปทำร้ายความแมนของผู้ชาย) หรืออีกคำอธิบายหนึ่งคือ ผู้หญิงชอบมีตัวเลือกเผื่อไว้มากกว่าผู้ชาย จึงไม่ให้ความสำคัญแก่ความฉลาดนัก (อาจเป็นเหตุผลว่า ทำไมผู้หญิงจึงมักคุยกับผู้ชายหลายคนในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ผู้ชายโดยมากมักจีบผู้หญิงทีละคน)

ก่อนจบต้องขอย้ำไว้ก่อนว่านี่เป็นการทดลองเกี่ยวกับความดึงดูด เป็นความสัมพันธ์ระยะสั้นเท่านั้นนะครับ ไม่ได้บอกว่าผู้ชายที่จับคู่กับผู้หญิงสวยแต่ไม่ฉลาดจะมีความสัมพันธ์ระยะยาวที่ดีแต่อย่างใด

ในทัศนะของผู้เขียน ความสวยทำให้รู้สึกดีแค่ช่วงแรกๆ แต่หลังจากนั้นต้องเป็นอะไรที่มากกว่านั้นแล้ว (สวยแค่ไหนมองนานๆ ย่อมเบื่อเป็นธรรมดา) แต่จะเป็นอะไรเดี๋ยวผมจะค่อยๆ ค้นคว้ามาตอบให้ครับ (ขออภัยด้วยที่ขึ้นหัวข้อแรงๆ ไว้เรียกแขก แหะๆ)

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

 

 

คอลัมน์ “จักรวาลแห่งความรัก ดาวเคราะห์แห่งความเหงา”
โดย นพ.ปีย์ เชษฐ์โชติศักดิ์
Hug magazine ปีที่ 11 ฉบับที่ 8